“หนูพิ้งค์ไม่ส่งจดหมายมาหาคุณเลยเหรอคะช่วงนี้” กัญญามาศแกล้งถาม
“ส่งมาบอกว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนต่างประเทศ อาจจะหายไปหลายเดือน”
กวีตอบภรรยาสีหน้ายิ้มแย้ม กัญญามาศลอบยิ้มอย่างร้ายกาจโดยไม่ให้สามีเห็น เธอเองเป็นคนปลอมแปลงจดหมายอีกฉบับ เป็นฉบับสุดท้ายคล้ายกับว่าเป็นของพวงชมพูส่งมาจากอังกฤษ แต่พิมพ์มาไม่ได้เขียน แล้วก็ใช้มุขเดิม บอกว่าเจ็บมือเขียนไม่ถนัด ข้อความระบุว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนที่ต่างประเทศหลายเดือน แล้วจะติดต่อกลับมาหลังเที่ยวเสร็จและจะเดินทางมาหา ช่วงนี้ไม่ต้องส่งจดหมายไปที่อังกฤษ แค่นี้กวีก็เลิกติดต่อกับบุตรสาวโดยสิ้นเชิง
“อยากเจอแกจริงๆ นะคะ คงสวยเหมือนแม่ อุ๊ย! มาศขอโทษค่ะ” กัญญามาศแกล้งอุทานเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่จริงๆ เธอตั้งใจที่สุด
“ไม่เป็นไร” กวีตอบเสียงขรึม
“ลูกของคุณก็เหมือนลูกของมาศ รับรองว่าถ้าหนูพิ้งค์มาอยู่กับเรา มาศจะรักและดูแลแกอย่างดีเลยค่ะ แต่พิมพ์จะยอมเหรอคะ” กัญญามาศถามด้วยใบหน้าติดจะกังวล เอ่ยถามเรื่องพิมพ์มาดาอย่างไม่สบายใจนัก
“ยอมไม่ยอมนั่นก็ลูกผม พิมพ์มาดาปิดบังเรื่องลูกกับผม” กวีพูดแล้วอดจะรู้สึกโกรธเสียไม่ได้
“เธออาจจะไม่อยากให้คุณรู้ เอ่อ... หรืออยากแกล้งคุณก็ได้” กัญญามาศแสดงความคิดเห็น ด้วยสีหน้าแววตาเป็นกังวลเช่นเดิม
“เค้าไม่มีวันทำสำเร็จหรอก เพราะผมจะเอาลูกคืนมาให้ได้” กวีพูดอย่างมุ่งมั่น
“ไม่คิดว่าพิมพ์เค้าจะร้ายขนาดนี้นะคะ”
“ใช่ เขาร้ายมาก เขาสวมเขาให้ผม ทำผมเจ็บแสบนัก”
“เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วนะคะ คุณยังไม่ให้อภัยพิมพ์เค้าอีกเหรอคะ”
“ผมไม่มีวันให้อภัยเมียทรยศได้หรอก” คำพูดของกวีทำให้กัญญามาศสะดุ้ง แต่ก็กลบเกลื่อนด้วยการบีบนวดเขาแทน
“ไม่พูดเรื่องเครียดๆ กันดีกว่านะคะ ยังไงหนูพิ้งค์ก็จะเดินทางมาหาคุณไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ ยัยหนูบอกผมไว้แบบนั้น” กวีมีความหวังเมื่อเอ่ยถึงบุตรสาว
“มาศคิดว่าหนูพิ้งค์ต้องชอบที่นี่แน่ๆ เลยค่ะ และจะต้องรักคุณค่ะ”
“คุณคิดแบบนั้นเหรอ” น้ำเสียงของกวีกังวลชัดเจน เพราะกลัวลูกจะไม่อยากอยู่กับเขา
“ใช่ค่ะ และมาศก็เชื่อว่าคุณจะต้องเป็นพ่อที่ดี”
“ผมก็ยังกังวล เขาอยู่กับแม่ตั้งแต่เด็ก” กวีเอนหลังพิงกับพนักโซฟา หลับตาให้ภรรยาบีบนวดให้อย่างผ่อนคลาย
“คุณก็บอกเหตุผลตามจริงไปสิคะ ว่าคุณไม่ได้ทิ้ง แต่แม่ของเค้าไม่ยอมบอก”
“ผมจะบอกอยู่เหมือนกัน แต่รอให้เจอยัยหนูก่อน ตอนนี้ยังไม่อยากให้ยัยหนูรู้เรื่องบัดซบของแม่เค้า กลัวจะไปสอบถามกัน จนเป็นเรื่องเป็นราว พิมพ์มาดารู้เข้าอาจจะขัดขวางไม่ให้ลูกมาหาผม”
“คุณมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนนะคะ จะได้สดชื่น”
“ขอบใจคุณมากนะมาศ คุณนี่ดูแลผมดีตลอดเลย”
“ก็ฉันรักคุณนี่คะ และนี่ก็เป็นหน้าที่ภรรยา” เธอบอกเขาเสียงอ่อนหวาน
กวีลุกตามแรงจูงของภรรยาไปยังห้องน้ำ หลังจากเตรียมเสื้อผ้าให้สามีเรียบร้อยแล้ว กัญญามาศก็ออกมาคุยโทรศัพท์ด้านนอก คุยปรึกษากับชาญ เพราะเธอร้อนใจอยากให้เขาตามหาตัวพวงชมพูให้เจอ และจัดการมันซะ
“เห็นเสี่ยรับปากแบบนี้ฉันก็เบาใจ” กัญญามาศวางสายด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม
ลูกของนังพิมพ์มาดาจะไม่มีวันได้ฝุดได้เกิดเลย เหมือนแม่ของมันนั่นแหละ!!!
ในขณะอาบน้ำ กวีก็อดจะคิดถึงอดีตภรรยาอย่างพิมพ์มาดาไม่ได้ แม้จะอยู่กินกับกัญญามาศมาหลายปี แต่เขาก็ไม่เคยลืมภรรยาคนแรก เขารักเธอเฝ้าดูแลทะนุถนอมมาตลอด ไม่คาดคิดว่าชีวิตคู่จะลงเอยแบบนี้
ตอนที่เขาตามจีบพิมพ์มาดาใหม่ๆ ตอนนั้นเขาเป็นหนุ่มขี้อาย ทายาทเจ้าของไร่ที่ต้องสืบทอดกิจการตั้งแต่วัยหนุ่มเพราะบิดามารดาเสียชีวิตกะทันหันด้วยอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ เขาเรียนจบมาใหม่ๆ จึงต้องกลับมารับช่วงดูแลไร่ พลิกฟื้นที่นี่ให้เจริญรุ่งเรือง
พิมพ์มาดาเป็นบุตรสาวของข้าราชการชั้นสูงที่เดินทางมาฝึกงานในตัวจังหวัด แล้วเขาก็เผอิญได้รู้จักกับเธอ จึงรุกตามจีบและชักชวนเธอมาเที่ยวไร่ หลังจากนั้นจึงได้เป็นแฟนและคบหาดูใจกัน
กัญญามาศเป็นเพื่อนสนิทของพิมพ์มาดา เธอเป็นคนเรียบร้อยนิสัยดี ส่วนพิมพ์มาดาเป็นสาวแสนซนแสบสันและน่ารัก แถมยังตลกเฮฮา เขาตกหลุมรักเธอทันทีที่ได้เห็นหน้า อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
หลังจากคบหากันอยู่ครึ่งปีเขาก็ขอให้ญาติผู้ใหญ่ที่ยังเหลืออยู่ไปสู่ขอเธอกับบิดามารดา จนได้แต่งงานกันในที่สุด เขาพยายามพิสูจน์ตัวเอง ทำงานอย่างหนักเพื่อให้เธออยู่อย่างสบาย ไม่ใช่มาตกระกรรมลำบากเมื่ออยู่กับเขา เพราะทำงานอย่างหนักนั่นเองที่ทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ สาวเมืองกรุงที่ถูกตามใจตั้งแต่เด็ก จึงหันไปคบชู้สู่ชาย
ภาพในอดีตหวนกลับมาอีกรอบหนึ่ง เหมือนความเจ็บปวดที่แล่นกลับมาอีกครั้งเช่นกัน หลังจากเขาจับได้ว่าพิมพ์มาดามีชู้ เธอก็ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่หลักฐานตำตา เขาจึงเชื่อไม่ลง พอทะเลาะกันหนักเข้า เธอก็กลับยอมรับหน้าตาเฉยจนเขาอึ้ง เพราะจริงๆ เขาก็กำลังจะเชื่อเธออยู่แล้ว แม้จะเห็นจะๆ แต่ก็กำลังจะใจอ่อน
เขาเมามายไม่ได้สติและเผลอตัวเผลอใจไปกับกัญญามาศ จึงต้องรับผิดชอบเธอ และในที่สุดก็ต้องจบชีวิตสมรสกับพิมพ์มาดาในที่สุด เมื่อเธอหนีไป เซ็นใบหย่าทิ้งเอาไว้ให้เขา ในขณะที่เขาก็ต้องรับผิดชอบผู้หญิงอีกคน
แม้เขาไม่ได้รักกัญญามาศตั้งแต่แรก แต่เพราะความดีของเธอ ทำให้เขาพยายามเปิดใจยอมรับ และเธอก็ทำตัวเป็นภรรยาที่ดีของเขาเสมอมา ส่วนความรักของเขากับพิมพ์มาดามันไม่มีทางกลับมาได้อีกแล้ว
กวีปิดตาลงอย่างอ่อนล้า เขาปวดหัวเมื่อคิดถึงปัญหาที่จะตามมา อดีตภรรยาปิดบังเขาเรื่องลูก ดังนั้นหากรู้เรื่องที่เขาติดต่อกับพวงชมพู คงหาทางขัดขวางแยกเขากับลูกให้ได้
พวงชมพูตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความสดชื่นเพราะนอนเต็มอิ่ม เสียงจิ้งหรีดประสานกับเสียงนกร้อง อากาศสดชื่นเย็นสบายจนไม่อยากตื่น หญิงสาวซุกเข้าหาหมอนข้างใบโตที่ให้ความอบอุ่นตลอดทั้งคืน เมื่อวานเธอคงเหนื่อยจากการเดินทาง จึงเผลอหลับไป รู้สึกหลับสบาย ไม่รู้สึกตัวลุกขึ้นมากลางดึกเลย
แล้วบิดาล่ะ ป่านนี้จะรอทานข้าวเช้าอยู่หรือเปล่า
เอ๊ะ! พวงชมพูสะดุ้งตกใจ เธอโดนจับมานี่นา
“กรี๊ดดดด!!!”
หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลงเมื่อหันไปเจอกับใบหน้ารกครึ้มของคนที่นอนอยู่ข้างๆ หมอนข้างใบโตที่เธอรู้สึกอบอุ่นคือนายกฤษฏ์นี่เอง คิดแล้วหน้าอายนักเพราะเธอดันไปกอดเขาเสียแน่นนี่แหละ เลยผวาดึงมือออกจากเนื้อตัวของเขาแทบไม่ทัน
“โอ๊ย! จะกรีดร้องแข่งกับชะนีหรือไงแม่คุณ แสบแก้วหูจะตายอยู่แล้ว”
อุกฤษฏ์สะดุ้งตื่นลุกขึ้นจากที่นอนใบหน้ายุ่งเหยิง พวงชมพูเพิ่งรู้ว่าตัวเองมานอนอยู่บนฟูกนิ่มๆ กับเขา ก่อนหน้านี้เธอนึกได้ว่านั่งเล่นหลังจากอาบน้ำแล้วเผลอหลับไป
“นายทำอะไรฉัน ลวนลามฉันใช่ไหม”
“จะบ้าตาย” ชายหนุ่มหน้ายุ่ง ลุกจากที่นอนเดินไปเข้าห้องน้ำ ไม่สนใจคนที่โวยวายอยู่ด้านนอก
“นี่นายกฤษฏ์กลับมาก่อนนะ เมื่อคืนนายทำอะไรฉัน” เธอเดินตามเขาไปอย่างไม่ลดละ
“เป็นผู้หญิงไม่รู้เหรอว่าอะไรเสียหายไปบ้าง เหอะ! ทำยังกับเด็กปัญญาอ่อน ผมจะบอกให้ก็ได้ ผมปล้ำคุณสิบรอบ จูบคุณจนปากช้ำ พอใจหรือยัง” เขาหันมาพูดใส่หน้าเธอ ก่อนจะล้างหน้าแปรงฟัน พวงชมพูเดินตามมาติดๆ อยากเอาชนะคนหน้านิ่งที่ตอบยียวนกำปั้นทุบดิน พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็อยากจะกรีดร้องให้ลั่น
คนบ้าอะไรจะปล้ำผู้หญิงสิบรอบ หื่นกามเอ้ย!!!
“อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ ไม่ใช่เสียหน่อย” พอได้สติเธอก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่มีอะไรผิดปกติ หรือบุบสลาย เพราะถ้าถูกล่วงล้ำหรือล่วงเกิน เธอคงรู้สึกแล้ว