ถึงชาญจะมีผู้หญิงมากมายแค่ไหน แต่ถ้ามีกัญญามาศอยู่ด้วย เขาจะไล่ผู้หญิงทุกคนออกไปจนหมด เพราะเธอคนเดียวก็ทำให้เขาสุขได้แล้ว
“อ๊า...” ชาญร้องครางเสียงแหบพร่าเมื่อเธอเลื่อนลงไปกัดยอดอกของเขาแล้วดูดเลียเสียงจ๊วบจ๊าบ
“แบบนั้นล่ะ สุดยอดจริงๆ”
เสี่ยใหญ่ร้องไม่หยุดปากเมื่อริมฝีปากจัดจ้านเลื่อนลงไปตามลำตัวของเขา เสื้อผ้าเริ่มหลุดลุ่ย มือนิ่มของกัญญามาศจัดการสลัดเสื้อผ้าที่มีอยู่ลงข้างเตียง ชาญเร่าร้อนต้องการ เขาช่วยปลดเปลื้องแทบเป็นกระชาก ไม่นานสองร่างก็เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใดๆ ห่อหุ้ม ต่างบดจูบกันอย่างร่านสวาท เบียดชิดเรือนร่างเปล่าเปลือยเข้าด้วยกัน มือหนาตะโบมลูบไล้ไม่เบานัก
“ช่วยหน่อยมาศ ผมอยากให้คุณช่วย” เขาร้องขอและกัญญามาศก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร หญิงสาวคลานไปเลียไล้รอบแก่นกายอวบใหญ่ที่กำลังตื่นตัว
เพียงแค่ริมฝีปากแตะส่วนปลายของความแข็งแกร่ง ร่างสูงใหญ่ก็ผวาร้องคราง มือหยาบกร้านกระชากผมสลวยกดลงให้อ้าอมดูดรัดความเป็นชายที่ผงาดกล้าของเขา กัญญามาศดูดกลืนจนแก้มตอบ รีดรัดเขาอย่างหยามใจ ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางเหมือนจะแดดิ้นก็ยิ่งเคล้นดูดไม่ยอมวาง
“อ๊า... มาศ ยอดเยี่ยมไปเลย”
เขาชมไม่ขาดปาก กระตุกร่างเสร็จสมในปากร้อนร้ายของเธอ และถูกดูดกลืนจนหมดสิ้นทุกหยาดหยด มือนุ่มเลื่อนมากอบกุมรูดไล้เพื่อปลุกเร้าอีกครั้ง ชาญตื่นตัวและผลักร่างอวบของหล่อนลงบนที่นอนหนานุ่ม ก่อนจะประกบลิ้นดูดปากเจ้าหล่อนเสียงดัง แล้วแบะขาแยกให้ร่องสาวเปิดกว้างเพื่อรอรับท่อนกายชายที่จะสอดประสานเข้าไปในโพรงนุ่มฉ่ำชื้นด้วยน้ำหวาน
“เสี่ย อื้อ...” หล่อนครางเสียงโหยเมื่อความใหญ่โตของเขากระแทกเข้ามาอย่างไม่ปรานี ชื่นชอบบทรักถึงอกถึงใจของเขายิ่งนัก ความเป็นชายคึกโลดและโหมกระหน่ำสาดซัดเข้าสู่ร่างเธอจนเตียงลั่น
ชาญถาโถมความเป็นชายเข้าหาหล่อนอย่างไม่คิดออมแรง เตียงกว้างร้อนฉ่าแทบจะมอดไหม้ กระบวนท่าสุดร้อนแรงไม่ว่ากี่ท่าต่อกี่ท่า งัดออกมาใช้จนหมดสิ้น ทั้งสองกระหน่ำเข้าหากันเหมือนพวกอดอยากปากแห้ง ก่อนที่เสียงห้าวจะคำรามลั่นปลดปล่อยทุกหยาดหยดออกมา
ร่างใหญ่ของชาญพลิกกายลงนอนหงายพร้อมเสียงหอบกระชั้นถี่ กัญญามาศลุกขึ้นมาแนบกายแล้วเคลื่อนริมฝีปากครอบครองแก่นกายของเขาเอาไว้ ก่อนจะดูดกลืนทิ้งท้ายอย่างที่เขาชอบใจ
เสี่ยใหญ่ยื่นมือไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ เธอมองเขาตาพราว เขาจึงหยิบให้เธออีกมวน ทั้งสองนอนแนบชิดพ่นควันอยู่บนเตียง
“ได้ข่าวคืบหน้ายังไงอย่าลืมบอกให้ฉันรู้นะคะเสี่ย”
“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะผมก็อยากจะลิ้มรสลูกเลี้ยงของคุณเหมือนกัน”
“พอพูดถึงสาวเอาะๆ ล่ะก็เป็นไม่ได้เลยนะคะ”
“ไม่เอาน่า ไม่มีใครลีลาจัดจ้านร้อนแรงเท่าคุณอีกแล้ว ผมก็แค่อยากชิมเด็กนั่นเสียหน่อย แล้วค่อยเฉดหัวทิ้ง ได้ข่าวว่าอยู่เมืองนอกเมืองนามาหลายปี ก็คงไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ผุดผ่องอะไร แค่สนุกๆ น่า... คุณคงไม่หวง”
“ไม่ต้องพูดเอาใจฉันก็ได้ค่ะ ฉันรู้ดี ฉันไม่บีบบังคับหรือต่อว่าอะไรคุณหรอกค่ะ เราเป็นอิสระต่อกัน ลืมไปแล้วเหรอคะ” เธอจุ๊บปากเขาทีนึง มองสบตาเขาแพรวพราว ปัจจุบันเขาก็มีผู้หญิงรอบกายเธออยู่แล้ว เธอไม่ใช่จำพวกมาหวงหรือคอยจับผิดไม่ให้เขาไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่น
“ผมชอบคุณก็แบบนี้แหละมาศ ร้อนแรงและไม่ผูกพัน”
“จะผูกพันได้ไง ก็ฉันมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว”
“แต่สงสัยสามีคุณจะโง่เง่า”
“ทั้งโง่ทั้งงั่งเลยล่ะคะ หึ! ถ้าไม่รวยฉันไม่เอาหรอก วันๆ เอาแต่บ้างาน แล้วนี่ก็คิดจะยกทรัพย์สมบัติให้นังลูกเมียเก่าอีก” เธอพูดแล้วแค้นจัด ไม่มีวันยอมแน่นอน
“เอาน่า ยังไงผมก็ไม่มีวันปล่อยเด็กนั่นมาเป็นเสี้ยนหนามของคุณแน่นอน” เขาลูบมือกับแขนเปลือยของหล่อนอีกครั้ง มองสบตาอย่างรู้กัน ริมฝีปากตรงเข้าบดจูบปากของเธอ บดขยี้บุหรี่ลงกับที่เขี่ยบุหรี่ข้างเตียง ก่อนจะพลิกร่างขึ้นคร่อมทับอีกฝ่ายเอาไว้
แล้วบทรักร้อนแรงก็เกิดขึ้นอีกครั้ง กว่าไฟราคะจะมอดดับลงได้ก็เกือบเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่กัญญากาศบอกสามีว่าจะกลับบ้าน เธอจูบลาชาญอย่างร้อนแรง อิ่มเอมในรสรักที่เขามอบให้ ก่อนจะขับรถกลับไร่ธารน้ำใสด้วยความรู้สึกเป็นกังวล ถ้านังลูกเมียเก่าของกวีไม่ตาย เธอไม่มีวันมีความสุขไปได้แน่นอน
เธอไม่มีวันยอมให้ลูกของพิมพ์มาดาได้ครอบครองไร่อันกว้างใหญ่เด็ดขาด แม้เธอจะไม่มีทายาทให้กวี ถ้าเธอไม่ได้ครอบครองคนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้
จะไม่มีใครได้ รวมถึงลูกนังเพื่อนเก่า ที่เธอเกลียดมันเข้าไส้!!!
หลังเสร็จสมอารมณ์หมายเรียบร้อยแล้ว กัญญามาศก็แต่งกายเรียบร้อยเพื่อสร้างภาพเป็นผู้หญิงเรียบร้อยแสนดีอย่างที่ใครๆ เห็นบ่อยๆ แล้วเดินทางกลับบ้าน
เธอแอบติดต่อกับลูกเลี้ยงสาวอย่างพวงชมพูจนล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินทางมาหาบิดา จึงแอบอ้างว่าตัวเองเป็นกวีแล้วให้สมนึกคนของเสี่ยชาญไปรับ แกล้งทำทีว่าเป็นคนของกวี สมนึกก็เล่นละครได้เก่ง แต่เสียดายที่มีคนมาช่วยมันไปได้
ตอนนี้เธอต้องรีบจัดการให้นังเด็กนั่นหายไปจากโลกนี้โดยเร็ว เธอจะหลอกใช้ไอ้เสี่ยชาญนี่แหละ มันบ้าตัณหา มักมากในกามารมณ์แบบนี้ยิ่งดี มันเป็นจุดอ่อนที่เธอจะนำมาใช้ ปรนเปรอให้มันจนสมใจแล้วยืมมือมันจัดการกับศัตรูของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว
เธอทำแบบนี้แนบเนียนนักเพราะกวีก็ไม่รู้ว่าลูกสาวจะมา นังแม่ของมันอย่างพิมพ์มาดาก็ไม่รู้ด้วย และกว่าจะรู้อีกที ลูกสาวมันก็กลายเป็นปุ๋ยอยู่ในป่าที่ไหนสักแห่งไปเรียบร้อยแล้ว แถมยังจับมือใครดมไม่ได้
“คุณจะกลับแล้วเหรอมาศ ผมยังไม่อิ่มเลย”
“แหม... เสี่ยขา เอาแรงมาจากไหนนี่ อึดจริงเชียว”
“ก็กินคุณเป็นอาหารไงเลยคึก”
“แต่มาศต้องไปแล้วนะคะ เอาไว้มาศจะมาหาใหม่”
“ช่วงนี้คุณก็เคร่งศาสนาหน่อยสิ” ชาญพูดอย่างมีนัยน์
“ได้สิคะ เดี๋ยวฉันจะปฏิบัติให้เยอะๆ”
“เพราะถ้าคุณมาปฏิบัติธรรมกับผมบ่อยๆ ผัวหน้าโง่ของคุณก็คงไม่ว่าอะไร ดีเสียอีกไม่ใช่เหรอ”
“มันต้องดีอยู่แล้วล่ะคะ”
เธอหัวเราะคิกคัก หอมแก้มเขาก่อนจะเดินเฉิดฉายออกมาจากบ้านของเขาด้วยรูปลักษณ์ที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง ชุดขาวดูบริสุทธิ์และสะอาด แต่กิริยาท่าทางนั้นแพรวพราวไปด้วยจริตจะก้าน และดวงตาร้ายกาจแฝงไว้ด้วยความอิจฉาริษยาอย่างเต็มเปี่ยม
กัญญามาศแต่งตัวเรียบร้อยด้วยเสื้อผ้ามิดชิด ใบหน้านั้นแต่งแต้มอ่อนบางเหมือนคนที่มีอุปนิสัยเรียบร้อย เธอนั่งรอสามีอย่างใจเย็น เมื่อเขากลับมาก็ถลาเข้าไปหาพร้อมกับน้ำเย็นๆ กวียิ้มรับหอมแก้มภรรยาที่ดูแลเขาดีเสมอมา แม้เขาจะเสียดายที่ไม่มีลูกกับหล่อน แต่มีเรื่องดีใจที่อย่างน้อยเขาก็มีลูกอีกคนที่เกิดจากพิมพ์มาดา
แม้อดีตภรรยาปิดบังไม่บอกเขา เป็นเรื่องน่าแปลกที่เขากลับรู้ เพราะอารดาซึ่งเป็นบุตรสาวของเพื่อนรักคือเกรียงไกรและรวิวดีซึ่งเป็นเจ้าของไร่ข้างๆ ได้ส่งบุตรสาวไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วบังเอิญได้รู้จักเป็นเพื่อนกับพวงชมพู จนเขาได้เห็นรูปถ่ายของเด็กสาว หน้าตาคุ้นเคย จึงสืบเสาะและรู้ว่าเธอเป็นลูกของพิมพ์มาดา และเป็นลูกของเขาด้วย ลูกที่เขาไม่เคยรู้ว่าถือกำเนิดขึ้นมา หลังจากที่เลิกรากับภรรยาเก่าไปนานหลายปี เหตุผลสืบเนื่องมาจากการคบชู้สู่ชายของพิมพ์มาดาเอง