“รู้ตัวก็ดีแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ทีหลังอย่าตื่นขึ้นมาแหกปากร้องกรี๊ดๆ ตอนเช้าอีก หัดมีสติซะบ้าง มันรำคาญ หนวกหู เข้าใจไหมที่พูดนี่น่ะ ไม่ใช่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหรอกนะ พูดให้คนฟัง ไม่ใช่พูดให้แมวฟัง”
พวงชมพูอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคนปากจัดพูดใส่หน้า “นะ... นายว่าฉันเหรอ”
“อยู่กันสองคน ว่าแมวหมาที่ไหน”
“อ๊ายย...” เธออยากหาอะไรทุบกบาลเขานัก
“ลุกขึ้นจากที่นอนมาแบบนี้ได้ยังไง กลับไปจัดการที่นอนให้เรียบร้อย พับเก็บกวาดซะด้วย เป็นผู้หญิงประสาอะไร”
“อย่ามาใช้อำนาจบาตรใหญ่กับฉันนะ ทีเมื่อก่อนนายยังทำเองได้ เอ๊ะ! หรือว่าไม่เคยทำ พอเห็นฉันมาเลยใช้เอาๆ” เธอพูดอย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะรู้สึกว่าที่หลับที่นอนของเขาหอมสะอาด ไม่สกปรกสักนิด แต่ใครจะยอมรับ เดี๋ยวเขาได้ใจเกทับเธออีกรอบ ไม่ได้หรอก หึหึ!
“เมื่อก่อนยังไม่มีเมีย ตอนนี้มีแล้ว เมียยืนหัวโด่อยู่นี่ กลับไปพับเก็บที่นอนเข้าตู้ให้เรียบร้อย จะหาว่าไม่เตือน” เขาจิ้มหน้าผาก เธอจนหน้าหงาย พวงชมพูเม้มปากแน่น อยากจะกระโดดกัดหูเขาให้ขาดนัก
“ฉันไม่ใช่เมียนายเสียหน่อย”
“หนึ่ง สอง ถ้าผมนับสามคุณยังไม่ไปเก็บที่นอนแล้วมาแปรงฟัน ผมปล้ำ”
“อ๊ายย ไอ้บ้า ไปแล้วๆ ไอ้บ้าๆๆ”
พวงชมพูร้องอย่างขัดใจ ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของเขาไล่หลังมา เธอรีบวิ่งไปจัดการเก็บที่นอนเข้าตู้ไม้ที่วางอยู่อีกด้านของกระท่อม จะพูดไปกระท่อมของเขาก็กว้างขวางพอสมควร มีห้องน้ำในตัว ห้องครัวยังมีเลย แต่เขาคงชอบออกไปทำอาหารข้างนอก นั่งร่วมวงกินข้าวกับคนอื่นๆ แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ไม่ต้องอุดอู้กันอยู่แต่ในกระท่อม ตัวใครตัวมัน คนที่นี่ดูมีน้ำใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส และเป็นกันเอง
“เสร็จแล้วมาล้างหน้าแปรงฟัน เหม็นขี้ฟันเห็นไหม น้ำลายบูดติดเต็มข้างแก้ม” เขาแกล้งแหย่
“ไม่จริง ไม่มีเสียหน่อย” เธอเดินไปส่องกระจกแล้วหันไปมองเขาตาเขียว
“จริงสิ เมื่อคืนน้ำลายบูดคุณออกมาเยอะมาก แต่เช็ดกับเสื้อผมหมด ดูเสื้อผมก่อนสิยับยู้ยี้หมดเลย ผมต้องทนให้คุณมาเกลือกกลิ้งหน้ากับอกผมทั้งคืน” เขาชี้ที่อกเสื้อทำท่าทางประกอบ เธอถลึงตาเข้าใส่
“อย่ามามั่วนะ” เธอหน้างอ
“แปรงฟันเข้าเร็วๆ เดี๋ยวจะพาออกไปข้างนอก สูดอากาศบริสุทธิ์”
พวงชมพูดึงแปรงสีฟันอีกอันที่เขายื่นให้ ก่อนจะขมวดคิ้ว “เอ๊ะ! นี่มันแปรงสีฟันของฉันนี่นา”
“ก็ใช่น่ะสิ จำแม่นเสียด้วย แสงดว่าสมองยังดีอยู่ โดนโจรดักฉุดข้างทาง ไม่ได้ทำให้คุณสติฟั่นเฟือน” เขาพยักหน้าตีมึนใส่เธอ
“ถ้านายจะไม่พูดกวนฉัน จะเป็นไรไหม” เธอตีหน้ายักษ์ใส่เขา แต่อุกฤษฏ์คิดว่ามันน่ารักชะมัด
“นายกลับไปเอากระเป๋าของฉันมาจากรถแล้วเหรอ” เธอถามแล้ววิ่งออกมาจากห้องน้ำ กวาดสายตามองกระเป๋าเดินทางของตัวเอง พร้อมกับกระเป๋าเป้สะพายหลัง
“ไหนโทรศัพท์ฉันล่ะ”
“ทิ้งไปแล้ว”
“นายทำอย่างนี้ได้ยังไง” เธอหันมาโวยวาย มองเขาอย่างโมโห เขามีสิทธิ์อะไรมาทำลายข้าวของของเธอแบบนี้
“ที่นี่มันไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรอกแม่คุณ จะเอาไว้ทำไม มีก็เหมือนไม่มี”
“นายไม่เข้าใจหรอก” เธอคิดว่าหากรอดไปได้ เผื่อไปเจอสัญญาณจะได้โทร.หาบิดา แต่พูดไปก็เปล่าประโยชน์ เธอเม้มปากแน่น
โจรห้าร้อยอย่างเขาไม่เข้าใจหรอก หึ!
“มาแปรงฟันได้แล้ว เดี๋ยวต้องออกไปหาของป่ามาทำกับข้าว” เขาออกคำสั่ง กอดอกมองเธออย่างวางอำนาจสุดๆ
“ไม่ไป” เธอดื้อแพ่งยืนนิ่งไม่ยอมไหวติง
“แน่ใจ” เขาหรี่ตามอง ไม่ชอบคนดื้อและขัดคำสั่งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“แน่ใจ ว้าย! กรี๊ดด!!! ไอ้บ้า ปล่อยนะ” พวงชมพูกรีดร้องเมื่อโดนจับขึ้นอุ้มพาดบ่า แถมยังโดนฟาดก้นเสียอีก
“คนบ้า ป่าเถื่อน ไอ้คนเฮงซวย อย่าให้ฉันรอดไปได้นะ นายตายแน่”
เธอร้องประท้วง ด่าเขาอย่างโมโหจัด ก่อนที่เขาจะวางเธอลงหน้าอ่างล้างหน้า เธอเพิ่งสังเกตว่าในห้องน้ำสะดวกสบาย บรรยากาศโดยรอบตกแต่งเป็นธรรมชาติ มีก้อนหินหลายขนาดวางซ้อนกันอย่างสวยงาม มีก๊อกน้ำ แถมน้ำยังเย็นฉ่ำ ใสสะอาดอีกด้วย ห้องน้ำเขาหรูเกินไปหรือเปล่า คิดๆ ไปแล้วเหมือนเวลาไปพักที่รีสอร์ทที่เป็นธรรมชาติ บรรยากาศดีสุดๆ ไปเลย
แต่... ไม่ได้ๆ เธอจะเพ้อเจ้อ เพ้อฝันไม่ได้ นี่เธอไม่ได้มาพักผ่อนนะ เธอโดนโจรจับมาอยู่ในป่าต่างหากเล่า
“น้ำจากไหน นายต่อท่อเอาน้ำมาจากไหน” เธอเอ่ยถามอย่างสนใจ
“จากลำธาร ที่ต้นน้ำเลย น้ำสะอาดรับรอง” เขาตอบแล้วกอดอกเหมือนผู้คุม คุมให้เธอทำภารกิจล้างหน้าแปรงฟันจนเสร็จสิ้น
“เอ๊ะ! ก้างปลาในคอฉัน ก้างปลาในคอฉัน” พวงชมพูเพิ่งรู้ตัวว่าก้างปลาที่เธออยากจะเอาออกหนักหนาในคอเมื่อวานหายไปแล้ว เธอดีใจกระโดดโลดเต้นกอดแขนเขาเขย่าเหมือนเด็กๆ อุกฤษฏ์มองอย่างเอ็นดู แต่ซุกซ่อนแววตานั้นเอาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย
“เอ่อ... ขอโทษ” พวงชมพูเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอไปเกาะแขนเขาเสียแน่นเลยรีบปล่อย
ชิส์! ทำมาเป็นหน้าขรึมเครียดใส่เธอ อยากให้เธอกอดแขนล่ะไม่ว่า
“อยากกอดก็กอดสิ ใครว่าอะไร ไม่ต้องทำมาเป็นลืมตัว อยากก็อยาก...” เขาพูดมีนัยน์ มองตาเธอวาวๆ พวงชมพูอยากหาอะไรทิ่มลูกกะตาของเขานัก
“ใครอยากกอดนายกันเล่า ไอ้คนหลงตัวเอง”
“ผมหลงตัวเองได้ แต่คุณอย่ามาหลงผมก็แล้วกัน”
“อี๊... โจรป่าห้าร้อย หนวดรกอย่างนายใครจะไปหลง ฉันอยากจะหนีไปไกลๆ ต่างหาก แต่ติดว่าหนีไปไหนไม่ได้เท่านั้นเอง” เธอเบ้หน้าใส่ เขาหรี่ตามองไม่พูดอะไร กระชากข้อมือเธอไปหาก่อนลากออกไปจากห้องน้ำ
“จะพาฉันไปไหน” เธอร้องอย่างตกใจ บิดข้อมือออกเมื่อเขาดึงเธอให้เดินตาม
“ไปหาของป่า ไปสูดอากาศ เดินออกกำลังกาย”
“ไม่ไปได้ไหม”
“ทำไมล่ะ เผื่อสำรวจทางหนีทีไล่” เขาดักคอ เธอมุ่ยหน้าใส่ เธอจะหนีไปจากเขาได้ยังไง หูตาเขายังกับสับปะรด แค่ขยับเขาก็เตรียมตะครุบแล้วแบบนี้
“พูดยังกับฉันจะหนีจากนายได้อย่างนั้นแหละ”
เธอประชดให้ กล้าต่อฝีปากกับเขาเพราะว่าเขาไม่ได้มีท่าทีคุกคามให้เธอต้องหวาดกลัวเหมือนโจรอย่างที่เธอคิด ไม่ล่ามโซ่ ไม่ขัง มีแค่ใช้แรงงานให้ช่วยทำกับข้าว พอเสร็จก็ยังให้นั่งกินข้าวด้วยกัน เธอยังงุนงงว่าเขาเป็นโจรประสาอะไร เมื่อวานตอนทำกับข้าว เธอแอบถามลูกน้องของเขา พอพูดเรื่องโจรทุกคนกลับนิ่งเงียบกันไปหมด จนเธอต้องถอยอีกรอบ เขาช่างเลี้ยงลูกน้องได้ดี ทุกคนต่างจงรักภักดีกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีใครกล้าเข้าข้างเธอหรือมีท่าทีจะช่วยเหลือให้หนีไปเลยสักคนเดียว
“ไม่แน่... คุณน่ะฤทธิ์เยอะจะตายไป รีบตามมาเร็วๆ”
พวงชมพูตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติรอบกาย หลังจากเดินตามเขาออกมาจากกระท่อม ผืนป่าที่นี่สมบูรณ์มาก ที่สุดของความสดชื่นคืออากาศ เธอไม่เคยสูดอากาศได้เต็มปอดเช่นนี้มาก่อน เสียงนกร้องฟังดูเพลิดเพลิน ร่มไม้ไม่ได้ทำให้การเดินทางหาของป่าเกิดความร้อนและเหน็ดเหนื่อย แต่กลับอยากเดินต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสำรวจความงดงามของธรรมชาติเบื้องหน้า ยิ่งสายลมพัดเย็นสบายเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เหงื่อที่ไหลออกมาชโลมกายเย็นชุ่มไปทั่วตัวมากขึ้นเท่านั้น
“กล้วย กล้วยเยอะแยะเลย นายมาปลูกเอาไว้เหรอ” พวงชมพูมองกล้วยต้นเล็กๆ ที่มีเครือดกติดกันหลายๆ ต้นด้วยความตื่นเต้น
“คิดได้ยังไง มันขึ้นของมันเองตามธรรมชาติ เขาเรียกกล้วยเถื่อน”
เขาว่าให้ เธอขมุบขมุบว่าเขา แล้วใครจะไปรู้เล่า แต่ยอมเดินตามคนหน้าดุหนวดรกเข้าไปมองเขาตัดกล้วยเถื่อนที่เริ่มสุกแล้วบางหวี ส่วนลูกน้องคนอื่นๆ ของเขาหายไปไหนเธอไม่รู้ ตอนมาก็มาพร้อมกัน แต่คิดว่าคงแยกย้ายกันไปหาของป่า