“อันนี้เรียกอะไรคะ” เห็นคนหน้านิ่งกินเอากินเอา เธอเลยชวนคุย ก็อาหารพวกนี้หน้าตาแปลกๆ ส่วนผสมแปลกๆ อีกทั้งยังเป็นอาหารที่เธอไม่เคยกิน
“เมื่อกี้เห็นคุยจ้อ ไม่ได้ถามเหรอว่ามันคืออะไร”
“ถาม แต่อยากชวนคุย เอาแต่กิน ชิส์”
เธอย่นจมูกใส่ ตักยำใบบัวบกใส่จาน ยำใบบัวบกที่นี่เขาทำหอมมาก วัตถุดิบสำคัญที่ทำให้ยิ่งหอมคือกุ้งแห้งแช่น้ำ มะพร้าวคั่ว น้ำกะทิ หอมแดงและพริกสด ไม่ได้เผ็ดจัดเพราะไม่ได้ตำพริกใส่ เพียงแค่หั่นเป็นท่อนๆ ใส่ลงไปเท่านั้น
“ถึงจะเป็นอาหารบ้านๆ แต่ให้คุณค่ามากกว่าอาหารขยะที่คุณเคยกินก็แล้วกัน”
“หมายถึงอะไรอาหารขยะ พวกแฮม ไส้กรอก ขนมปังนะเหรอ เอ๊ะ! แล้วนายรู้จักได้ยังไง”
“ถึงเป็นโจรแต่ไม่ได้โง่หรอกนะ” เขาว่าให้ เธอแอบค้อน หันไปเล็งคอหมูป่าย่างที่มีน้ำจิ้มรสเด็ดอยู่ใกล้ๆ ตาวาว
“ตะกละ” เขาว่าให้ แอบชอบใจการกินง่ายอยู่ง่ายของเธอ นึกว่าจะเรื่องมากทำให้เขาปวดหัวเสียอีก
“นายก็ตะกละเหมือนกันแหละ” เธอไม่สนตักคอหมูย่างราดน้ำจิ้ม นำเขาปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย คอหมูทั้งนิ่มทั้งหอม จนเธอต้องตักเพิ่มอีกหลายรอบ
แกงป่าเผ็ดจัดเธอทานได้นิดเดียวเพราะทนรสจัดจ้านไม่ไหว เห็นเขาหันไปกินปลาดุกย่างกับน้ำพริกกะปิ เลยลองกินบ้าง เขาเหล่มองทำเสียงขัดใจเล็กน้อยเมื่อเธอคอยกินตามเขาทุกอย่าง
“ในป่าที่นี่สมบูรณ์มากๆ เลยนะ จริงๆ ไม่เห็นต้องปล้น หรือมาเป็นโจรเลย ปลาดุกพวกนี้เห็นลูกน้องนายบอกว่าไปจับมาจากลำธารด้านโน้น”
เธอบุ้ยปากไปอีกทาง เนื่องจากตอนทำกับข้าวได้แอบซักถามเรื่องอาหารไปอย่างละเอียด แต่ไม่มีใครรำคาญเธอสักคน นอกจากจะให้ข้อมูลกระจ่างแล้ว ยังสอนเธอทุกขั้นตอนอีกด้วย
ยกเว้นอย่างเดียวคือวิธีการหนีออกจากป่าเท่านั้น ที่ทุกคนเงียบกริบทำเป็นสนใจอย่างอื่น คุยเรื่องอื่นจนเธอยอมแพ้ไม่กล้าถามซ้ำซากเรื่องออกไปจากป่านี้ยังไงอีก
“ยุ่ง”
“อ้าว” พวงชมพูอ้าปากค้าง แต่เธอไม่สนหรอก รู้ว่าเขาชอบรำคาญ แถมยังไม่ชอบให้ใครขัดใจก็อยากแกล้งคนหน้านิ่งขึ้นมาอีก
“ปลาดุกนี่เนื้อหวานจังเลยเนอะ” เธอชวนคุยตักน้ำพริกกะปิใส่มะเขือพวงราดแล้วทานอย่างเอร็ดอร่อย
“ระวังก้างติดคอ”
พูดไม่ทันขาดคำ พวงชมพูก็ยกมือขึ้นขอความช่วยเหลือ ก้างปลาดุกที่ครีบด้านหลังติดคอ อุกฤษฏ์ลงจากแคร่ขยับไปหา
“อย่าดื่มน้ำเข้าไปแบบนั้น ก้างไม่หลุดหรอก” เขาทำเสียงรำคาญแต่หันไปปั้นข้าวในหม้อที่ยังอุ่นๆ เป็นก้อนกลม
“กลืนเข้าไป ก้างจะได้หลุด”
พวงชมพูเชื่อเขาอย่างไม่มีข้อแม้ เธอยัดข้าวเข้าปาก เขาค่อยลูบหลังลูบไหล่ให้ เวลานี้มันรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นโจรเลยสักนิด
“เป็นไงบ้าง” น้ำเสียงของเขาดูห่วงใยและเป็นกังวลจนเธอต้องเงยหน้ามอง
อุกฤษฏ์เห็นพวงชมพูส่ายหน้าไปมา เขาเลยร้อนใจ หันไปเรียกฉิมพลีที่กำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่อีกด้าน เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาหาผู้เป็นนาย ยืนอยู่ใกล้ๆ เพื่อรอรับคำสั่ง
“พิ้งค์ ขอน้ำฉิมพลีดื่มสิ”
“หือ...” พวงชมพูมองหน้าอย่างสงสัย
“เร็วสิ” เสียงเข้มๆ ของชายหนุ่มทำให้เธอรีบเอ่ยปากขอน้ำจากฉิมพลีดื่ม เด็กหนุ่มที่ยังงงๆ ก็รีบตักน้ำให้ เธอดื่มเข้าไป แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น เธอทำท่าจะร้องไห้ เขาก็ปั้นข้าวในหม้อยัดใส่ปากเธอไม่หยุด แต่เธอก็รู้ว่าก้างยังติดอยู่ที่ลำคอแต่อาการดีขึ้นมาหน่อย พอกลืนน้ำลายก็รู้สึกเจ็บๆ แสบๆ เคืองๆ ทรมานจนไม่เป็นอันทำอะไร
อุกฤษฏ์หันกลับไปสั่งให้ลูกน้องเก็บสำรับ เขาตวัดอุ้มร่างคนในอ้อมแขนกลับไปยังกระท่อม เธอร้องไห้งอแง ตีโพยตีพายว่าลำคอจะอักเสบ ติดเชื้อ แล้วอาการของเธอจะยิ่งแย่ แต่เขาไม่สนใจอะไรสักอย่าง แถมยังสมน้ำหน้าทำเสียงดุเธออีก
“คราวหลังก็อย่าตะกละสิ กินดีๆ ไม่มีใครแย่งเสียหน่อย” ร่างสูงเดินหายไปครู่ใหญ่แล้วนำเสื้อผ้ากลับมาให้ เป็นผ้าถุงกับเสื้อคอกระเช้า โยนมาให้เธอ
“อาบน้ำเองนะ ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น”
เขาบอกสั้นๆ ก่อนชี้ไปที่ประตูอีกด้านของกระท่อม พวงชมพูหน้างอ แต่ก็ยอมทำตามเพราะเหนียวตัวมาก อาบน้ำไปก็พยายามล้วงนิ้วเข้าไปในคอเพื่อเอาก้างปลาออก ทำให้อ้วกบ้าง ล้วงบ้าง แต่ทำยังไงก็ไม่ออก จนสุดท้ายก็หมดความพยายาม เหลือบไปมองชุดที่เขาหาให้แล้วได้แต่ต่อว่าต่อขานเขา แต่ชุดเธอเลอะและเหม็นมาก คงสวมต่อไปไม่ไหว เลยจำต้องซักชุดที่เธอมีแค่ชุดเดียว ยกเว้นเสื้อชั้นในกับกางเกงชั้นในที่เธอนำมาสวมอีกรอบ เพราะถ้าจะปล่อยไว้โล่งๆ ไม่ใส่อะไรเลยเธอคงทำไม่ได้ เสื้อในก็เหนียวๆ มีกลิ่นเหงื่อ ส่วนกางเกงในเธอกลับด้านซะ เพราะจนหนทาง
“คนบ้า หาเสื้อผ้ามาให้ ไม่หาชุดชั้นในมาให้ด้วย”
ด่าไปก็เท่านั้น เธอรู้ดีว่าเขาเองก็คงหาไม่ทัน ไหนจะกะไซส์ ไหนจะหาซื้ออีก บ้านป่าอย่างนี้ไม่มีชุดชั้นในขาย เพราะไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าเสียหน่อย
ก่อนจะออกมาไม่เห็นใครสักคน เธอเลยออกมานั่งเล่น ก่อนจะเผลอหลับไปเมื่อไหร่นั้นไม่รู้ตัวสักนิด
“มันหนีรอดไปได้ยังไง” น้ำเสียงของกัญญามาศทั้งฉงนและผิดหวัง รวมถึงความโกรธอยู่ในน้ำเสียงด้วย
“มีคนมาช่วยระหว่างทาง”
เสี่ยชาญตอบอย่างหงุดหงิดเช่นกัน หลังจากได้เห็นรูปถ่ายของพวงชมพู เขาก็เอามานึกฝันถึงอยากครอบครองเป็นเจ้าของตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จึงร่วมมือกับกัญญามาศเพราะหล่อนก็ต้องการกำจัดลูกเลี้ยงไปให้พ้นทาง
หลังจากกวีผู้เป็นสามีบอกเล่าเรื่องราวของบุตรสาวให้เธอฟัง เธอก็ได้แต่เก็บความตกใจและรู้สึกไม่พอใจอยู่ภายใน ก่อนจะแอบขโมยรูปถ่ายนั้นมาให้ชาญได้ดู และประจวบเหมาะกับชาญเกิดพึงพอใจอยากได้ตัวของพวงชมพูขึ้นมาพอดี และแผนการของเธอจึงเริ่มขึ้น
สองพ่อลูกแอบติดต่อกันทางจดหมายบ่อยๆ โดยไม่ให้พิมพ์มาดารู้ ดังนั้นจดหมายฉบับสุดท้ายเธอจึงเอาไปทำลายหลังจากอ่านเสร็จ ไม่ให้กวีรู้ ก่อนจะตอบจดหมายกลับไปหาพวงชมพู แต่พิมพ์แทนเขียน โดยอ้างว่าเจ็บนิ้วเขียนไม่ถนัด และพวงชมพูก็ส่งจดหมายมาอีกฉบับ เธอเลยจัดการเผาทิ้งเสีย กวีผู้เป็นสามีเห็นบุตรสาวไม่ติดต่อกลับมาอีกก็เลยส่งจดหมายไปใหม่ เธอเลยจัดการเก็บจดหมายนั้นเอาไว้และนำไปทำลาย และปิดปากคนใช้ที่นำจดหมายไปส่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเงินหลายพันบาท
“กำลังให้ลูกน้องไปสืบอยู่ เดี๋ยวคงได้ข่าวว่าใครมันมาช่วย ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่”
“เสี่ยต้องช่วยฉันกำจัดมันนะคะ แล้วจะเอามันไปปู้ยี้ปู้ยำยังไงก็ได้ ฉันไม่สนอยู่แล้ว ขอแค่ให้มันจากโลกนี้ไปก็พอ”
เธอไม่มีวันให้กวีได้พบกับลูกสาวแน่นอน เธอเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าพวงชมพูไม่อยู่ ทรัพย์สมบัติทุกอย่างก็จะต้องเป็นของเธอ เพราะพิมพ์มาดานั้นหย่าขาดจากกวีไปนานแล้ว ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของตระกูลราชฤทธิ์แม้แต่น้อย
“ผมจัดการให้แน่นอน คุณไม่ต้องห่วงหรอกน่า” เสี่ยชาญพูดอย่างเจ้าเล่ห์ มือลูบไล้ไปตามแขนเนียนของกัญญามาศอย่างหื่นกระหาย
หล่อนรู้ดีว่าเขาต้องการอะไร จึงยินดีและเต็มใจจะปรนเปรอเขาอย่างเต็มที่ เพื่อแลกกับการกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ และได้เล่นการพนันคลายเครียด
มือนุ่มลูบไล้ไปตามแขนของเสี่ยใหญ่ ช้อนสายตามีจริตจะก้านแพรวพราวขึ้นสบ ริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงจัดร้อนแรงเผยอออกยั่วเย้า ก่อนจะประกบกับริมฝีปากของชาญที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นบุหรี่และวิสกี้เข้มข้น
ชาญเลื่อนมือไปลูบคลึงเรือนร่างอวบอัดของกัญญามาศ อีกฝ่ายมองตาวาวค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อของเขาออกอย่างอ้อยอิ่ง ทุกครั้งก็กดริมฝีปากลงกัดอย่างยั่วๆ ทอดสายตามองอย่างชวนเชิญ