6

3042 Words
“อ๋อ... เค้าอาย เรียกไปนานๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง ฉิมไปช่วยเค้าทำกับข้าวสิ เดี๋ยวพาคนไปช่วย วันนี้มีแกงที่ฉิมชอบหลายอย่างเลยนะ” อุกฤษฏ์ตอบเนียนๆ คนฟังอย่างพวงชมพูถึงกับอ้าปากค้าง คนอะไรหน้ามึน แอบอ้างว่าเธอเป็นเมีย ไม่ใช่เสียหน่อย อีตาบ้า!!! “จะค้อนอีกนานไหม” พอฉิมพลีรับคำสั่ง วิ่งไปยังจุดหมายคือครัวของหมู่บ้านเล็กๆ อุกฤษฏ์ก็หันมาหาหญิงสาวที่ค้อนเขาจนแทบคอเคล็ด แถมยังเชิดคางสูงขึ้นไปอีก “อุ๊ย!” พอหันมาจะตอบคนหนวดเครารกครึ้ม เขาก็อยู่ตรงหน้าจนเธอต้องผงะ เขาเดินเร็วมาก แถมยังเงียบกริบจนเธอไม่รู้สึกตัว “ไปทำกับข้าวได้แล้ว จะนั่งกินนอนกินเหมือนคุณนายไม่ได้หรอกนะ ที่นี่ไม่มีคนยกประเคนให้ ต้องทำกินเอง” พวงชมพูอ้าปากค้าง คนอะไรปากร้าย พูดดีๆ ก็ได้ เธอช่วยได้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องมาประชดประชัน ทำยังกับว่าเธอทำอะไรไม่เป็น ตอนอยู่ต่างประเทศกับมารดา เธอช่วยท่านทำงานที่ร้านอาหารทุกวันหลังเลิกเรียน แถมยังช่วยเหลือเพื่อนๆ ที่อยากได้งานพิเศษที่ต่างแดนอีก เชอะ! ทำมาดูถูกเธอ ครัวซึ่งเป็นลานโล่งมีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ มีหลังคากันฝน ด้านในไว้สำหรับเก็บข้าวของเครื่องครัวมากมาย ล้วนแล้วเป็นของโบราณทั้งสิ้น ที่นี่ไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้า กระติกน้ำร้อน หรือแม้แต่เตาแก๊ส เธอเห็นพวกผู้ชายกำลังก่อไปด้วยไม้ฟื้น มีก้อนหินสามก้อนเรียงกันโดยรอบไว้สำหรับตั้งหม้อ ตั้งกระทะ มันเป็นอะไรที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน จึงทำให้เธอตื่นเต้นเล็กน้อย พวงชมพูเห็นแม่ครัวมีอายุคอยชี้นิ้วสั่ง น่าแปลกที่ลูกมือล้วนเป็นหนุ่มฉกรรจ์ด้วยกันทั้งสิ้น เขาบอกว่าผู้ชายทำอาหารเก่งเธอไม่เถียง แต่เห็นสภาพแล้วจะอร่อยหรือเปล่าเธอยังไม่แน่ใจ แต่คงอร่อยเพราะทำกินกันแบบนี้บ่อยๆ “ยืนอยู่ทำไมล่ะครับคุณ เห็นไหมว่าเขางานยุ่งกันแค่ไหน” คนที่พาเธอมายังหาเรื่องแดกดัน เธอหันมาสะบัดค้อน ไม่อยากเสวนากับเขานักหรอก ชอบวางอำนาจ สั่งโน่นสั่งนี่ น่าตบปากที่สุด “จะให้ฉันทำอะไรล่ะ” พวงชมพูมองอาหารหน้าตาแปลกๆ พวกนี้แล้วขมวดคิ้วมุ่น เธอไม่เคยกินอาหารบ้านป่าเมืองเถื่อนแบบนี้เลยจริงๆ กลับมาอยู่ประเทศไทยก็กินอาหารไทย แต่ไม่ใช่อาหารพวกนี้แน่ๆ “เค้าให้ทำอะไรก็ช่วยเค้าสิครับ” พวงชมพูสะบัดหน้าใส่อุกฤษฏ์ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปกล่าวสวัสดีทุกคน แล้วถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม ทุกคนดูเงียบงันไปครู่ใหญ่ แต่เมื่อเห็นใบหน้าหวานยิ้มละไม จึงพูดคุยโต้ตอบกับเธออย่างเป็นกันเอง พวงชมพูหันมายักคิ้วให้อุกฤษฏ์ที่ยืนกอดอกมองอยู่อีกด้าน เพียงไม่นานเธอก็เข้ากับคนอื่นได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นคนมีน้ำใจและอัธยาศัยดีอยู่แล้ว หญิงสาวเพิ่งได้สัมผัสชีวิตของชาวบ้านในชนบทแบบนี้ รอบกายมีแต่ผืนป่า ถ้าไม่ใช่เพราะโดนจับตัวมาอยู่ที่นี่ เธอคงรู้สึกดีกว่านี้ อากาศดี ผู้คนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสมีน้ำใจให้กัน เสียงนก เสียงลำธารดังอยู่ไม่ไกลมากนัก ที่สำคัญ มันหอมมาก เธอเพิ่งรู้ว่าผืนป่าในประเทศไทยมีกลิ่นหอมขนาดนี้ กลิ่นหอมเป็นกลิ่นดอกไม้อะไรสักอย่าง ผสมกับกลิ่นใบไม้แห้ง ใบไม้สด ทำให้สูดดมแล้วรู้สึกสดชื่น อาหารที่เธอไม่เคยทานถูกลำเลียงออกมาจัดใส่ถาดเป็นสำรับ เธอเห็นหญิงสาวหลายคนออกมาช่วยพวกผู้ชายทำงานง่ายๆ หยิบจับช่วยเหลือแล้วแต่ว่าจะช่วยอะไรได้ก็ช่วย ส่วนใหญ่คนจัดการประกอบอาหารจะเป็นหนุ่มๆ ที่ทั้งปรุงและชิม ส่วนผู้หญิงคนเดียวที่มีอายุที่สุดเป็นคนกำกับ หรือจะเรียกว่าแม่ครัวใหญ่ก็ได้ เธอนั้นช่วยเด็ดผัก ล้างผักและนั่งมองอย่างเพลิดเพลิน หนุ่มๆ พวกนี้ดูคล่องแคล่วทำอาหารเก่ง เมื่อเสร็จก็ทำหน้าที่เก็บกวาดเช็ดล้าง ทำแทนผู้หญิงทั้งหมด เธอไม่ได้คุ้นชินกับผู้คนในประเทศไทยสักเท่าไหร่ แต่ที่ได้ยินได้ฟังมา ผู้หญิงมักจะเป็นคนทำงานบ้านทุกอย่าง ผู้ชายถืออภิสิทธิ์ไม่หยิบจับอะไรเลย ฟังแรกๆ ก็ดูเหมือนการเอาเปรียบ แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะคิดว่างานบ้านเป็นของผู้หญิง พอมาเห็นเข้าจริงๆ คงต้องบอกว่าเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาไม่จริงทั้งหมด เมื่อทุกคนมาล้อมวงทานอาหารกันในที่โล่ง มีหลังคามุงจากเย็บเป็นแถวๆ ซ้อนทับเอาไว้อย่างดี ป้องกันแดดและฝน มีแคร่กระจายอยู่จนทั่ว เธอทำท่าจะนั่งลงไปที่ไหนสักแห่งที่สามารถแทรกเข้าไปได้ เพราะหิวเหลือเกิน แต่มือแข็งๆ ของคนที่เธอเกลียดขี้หน้าก็มาดึงเธอไปนั่งกับเขาสองคน “ปล่อยนะ ฉันจะนั่งตรงนี้” “อยากโดนจูบโชว์หรือไง” พวงชมพูเลิกขืนตัวเดินตามแรงลากของเขาไป เพราะเธอเห็นฤทธิ์เดชของเขามาแล้ว เขาไม่อายแน่ๆ ถ้าจะจูบเธอต่อหน้าลูกน้อง แต่เธอนี่สิจะต้องอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี อุกฤษฏ์กดร่างบางนั่งลงบนแคร่ที่มีถาดใส่กับข้าวเอาไว้เต็ม เธอตวัดค้อนให้เขา แต่ไม่เล่นตัวนักเพราะหิวจนไส้จะแขวนอยู่แล้ว “นายชื่ออะไร ไม่เห็นแนะนำตัวบ้างเลย” เธอเอ่ยถาม ยกน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ที่ตัดเป็นแก้วทรงสูงขึ้นดื่ม กระบอกไม้ไผ่ถูกเหลาถูกขัดถูอย่างดีสะอาดสะอ้าน กลิ่นหอมของไม้ไผ่ให้ความรู้สึกดี น้ำที่เธอดื่มเข้าไปก็เย็นฉ่ำใสสะอาดจนดื่มเสียหมดแก้วด้วยความกระหาย “กฤษฏ์” เขาตอบสั้น ยื่นจานเปล่ามาให้เธอ พวงชมพูทำหน้างง เขาเลยบุ้ยใบ้ไปที่หม้อหุงข้าว ที่นี่หุงข้าวกับไม้ฟืน กลิ่นข้าวเลยหอมหวน เป็นกลิ่นที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน เธอเผลอสูดดมอย่างหลงใหล จนเขาต้องอมยิ้ม แต่พอเธอหันมาเขาก็ทำหน้าขรึมตามเดิม “หอมจังเลย นายกินเยอะหรือเปล่า” เธอเอ่ยถามเขาอย่างเป็นมิตรขึ้น อย่างน้อยก็ดีกว่าทำตัวแข็งข้อให้เขาหมั่นไส้ แล้วโมโหทำร้ายเอาได้ เขาก็พยักหน้ารับ หญิงสาวจึงตักข้าวกับทัพพีที่ทำจากไม้ไผ่ให้เขาจนเต็มจาน มารดาเลยเล่าเรื่องกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ให้ฟัง แต่นี่ไม่ใช่กล่องข้าวน้อย อาจจะเป็นหม้อข้าวน้อยฆ่าคนกลางป่าก็เป็นได้ พูดแล้วเธอก็หลุดขำคนเดียว ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นเขาทำหน้าสงสัย แต่ไม่ซักไซ้ถามอะไรเธอ เธอจึงเสไปตักข้าวใส่จานของตัวเองบ้าง ที่นี่ใช้จานสังกะสีโบราณ เป็นสีขาวขอบจานเป็นสีน้ำเงิน ช้อนก็ใช้ช้อนสีเขียว เธอมองอย่างแปลกประหลาด แต่ก็พอทานได้เพราะทำความสะอาดมาอย่างดี ไม่มีกลิ่นคาวหรือกลิ่นอะไรให้ต้องอาเจียนตอนกิน “ฉันชื่อพวงชมพู เรียกพิ้งค์ก็ได้” “ใครถาม” “อ้าว...” พวงชมพูอ้าปากค้าง ก่อนจะค้อนให้คนหน้าโหด นึกอยากจะหามีดโกนมาถางหนวดโกนเคราเขาเสียให้สิ้นซาก ชอบทำหน้าเก๊ก หน้าโหดใส่เธอดีนัก “ฉันไม่เคยกินกับข้าวบ้านป่าแบบนี้มาก่อน ไม่เคยทำด้วย” เธอชวนคุยแต่เขาหันไปสนใจกับการตักแกงกะทิหน่อไม้ป่ากับกุ้งแห้งใส่จาน ก่อนจะตักเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ เธอมุ่ยหน้าอีกรอบ ตักมาใส่จานตัวเองแล้วทานบ้าง รสชาติกลมกล่อมทำให้เธอตักเข้าปากอีกคำ เคี้ยวตุ้ยๆ ตามเขาไป หน่อไม้ที่นี่หวานกรอบอร่อย น้ำแกงเข้มข้น เธอแอบถามระหว่างทำอาหารกับคนอื่นๆ เขาเรียกกันว่าแกงเหลือง นอกจากใส่กุ้งแห้งแล้ว ยังใส่เนื้อสัตว์อย่างอื่นได้ด้วย ทั้งเนื้อวัว เนื้อไก่ กุ้งสด หรือแม้กระทั้งเนื้อหมู แล้วแต่ว่าอยากทานจำพวกไหน ส่วนประกอบหลักคือกะทิที่ที่ทำให้ได้รสชาติหอมหวานเมื่อผสมกับเครื่องแกงที่ตำละเอียด เป็นพวกขมิ้น ข่า ตะไคร้ อะไรจำพวกนั้น “หอมจังเลย หน่อไม้ก็หวาน กุ้งแห้งพวกนี้ตัวโตเชียวค่ะ หอมด้วย” คนลืมตัวเอ่ยบอก ก่อนจะหันไปมองกับข้าวชนิดอื่น “นึกว่าจะทานไม่ได้ แต่ก็อย่างว่า พอหิวก็ยัดเข้าปากเรียบ” “แค่กๆๆๆ” พวงชมพูสำลักเมื่อเขาใช้คำว่ายัดกับเธอ นี่เธอกินมูมมามจนเรียกว่ายัดเลยเหรอนี่ หญิงสาวหน้างอ ค่อยๆ กิน ไม่รีบกินเหมือนก่อนหน้า ทั้งๆ ที่หิวจัด Chapter 7 “อันนี้เรียกอะไรคะ” เห็นคนหน้านิ่งกินเอากินเอา เธอเลยชวนคุย ก็อาหารพวกนี้หน้าตาแปลกๆ ส่วนผสมแปลกๆ อีกทั้งยังเป็นอาหารที่เธอไม่เคยกิน “เมื่อกี้เห็นคุยจ้อ ไม่ได้ถามเหรอว่ามันคืออะไร” “ถาม แต่อยากชวนคุย เอาแต่กิน ชิส์” เธอย่นจมูกใส่ ตักยำใบบัวบกใส่จาน ยำใบบัวบกที่นี่เขาทำหอมมาก วัตถุดิบสำคัญที่ทำให้ยิ่งหอมคือกุ้งแห้งแช่น้ำ มะพร้าวคั่ว น้ำกะทิ หอมแดงและพริกสด ไม่ได้เผ็ดจัดเพราะไม่ได้ตำพริกใส่ เพียงแค่หั่นเป็นท่อนๆ ใส่ลงไปเท่านั้น “ถึงจะเป็นอาหารบ้านๆ แต่ให้คุณค่ามากกว่าอาหารขยะที่คุณเคยกินก็แล้วกัน” “หมายถึงอะไรอาหารขยะ พวกแฮม ไส้กรอก ขนมปังนะเหรอ เอ๊ะ! แล้วนายรู้จักได้ยังไง” “ถึงเป็นโจรแต่ไม่ได้โง่หรอกนะ” เขาว่าให้ เธอแอบค้อน หันไปเล็งคอหมูป่าย่างที่มีน้ำจิ้มรสเด็ดอยู่ใกล้ๆ ตาวาว “ตะกละ” เขาว่าให้ แอบชอบใจการกินง่ายอยู่ง่ายของเธอ นึกว่าจะเรื่องมากทำให้เขาปวดหัวเสียอีก “นายก็ตะกละเหมือนกันแหละ” เธอไม่สนตักคอหมูย่างราดน้ำจิ้ม นำเขาปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย คอหมูทั้งนิ่มทั้งหอม จนเธอต้องตักเพิ่มอีกหลายรอบ แกงป่าเผ็ดจัดเธอทานได้นิดเดียวเพราะทนรสจัดจ้านไม่ไหว เห็นเขาหันไปกินปลาดุกย่างกับน้ำพริกกะปิ เลยลองกินบ้าง เขาเหล่มองทำเสียงขัดใจเล็กน้อยเมื่อเธอคอยกินตามเขาทุกอย่าง “ในป่าที่นี่สมบูรณ์มากๆ เลยนะ จริงๆ ไม่เห็นต้องปล้น หรือมาเป็นโจรเลย ปลาดุกพวกนี้เห็นลูกน้องนายบอกว่าไปจับมาจากลำธารด้านโน้น” เธอบุ้ยปากไปอีกทาง เนื่องจากตอนทำกับข้าวได้แอบซักถามเรื่องอาหารไปอย่างละเอียด แต่ไม่มีใครรำคาญเธอสักคน นอกจากจะให้ข้อมูลกระจ่างแล้ว ยังสอนเธอทุกขั้นตอนอีกด้วย ยกเว้นอย่างเดียวคือวิธีการหนีออกจากป่าเท่านั้น ที่ทุกคนเงียบกริบทำเป็นสนใจอย่างอื่น คุยเรื่องอื่นจนเธอยอมแพ้ไม่กล้าถามซ้ำซากเรื่องออกไปจากป่านี้ยังไงอีก “ยุ่ง” “อ้าว” พวงชมพูอ้าปากค้าง แต่เธอไม่สนหรอก รู้ว่าเขาชอบรำคาญ แถมยังไม่ชอบให้ใครขัดใจก็อยากแกล้งคนหน้านิ่งขึ้นมาอีก “ปลาดุกนี่เนื้อหวานจังเลยเนอะ” เธอชวนคุยตักน้ำพริกกะปิใส่มะเขือพวงราดแล้วทานอย่างเอร็ดอร่อย “ระวังก้างติดคอ” พูดไม่ทันขาดคำ พวงชมพูก็ยกมือขึ้นขอความช่วยเหลือ ก้างปลาดุกที่ครีบด้านหลังติดคอ อุกฤษฏ์ลงจากแคร่ขยับไปหา “อย่าดื่มน้ำเข้าไปแบบนั้น ก้างไม่หลุดหรอก” เขาทำเสียงรำคาญแต่หันไปปั้นข้าวในหม้อที่ยังอุ่นๆ เป็นก้อนกลม “กลืนเข้าไป ก้างจะได้หลุด” พวงชมพูเชื่อเขาอย่างไม่มีข้อแม้ เธอยัดข้าวเข้าปาก เขาค่อยลูบหลังลูบไหล่ให้ เวลานี้มันรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นโจรเลยสักนิด “เป็นไงบ้าง” น้ำเสียงของเขาดูห่วงใยและเป็นกังวลจนเธอต้องเงยหน้ามอง อุกฤษฏ์เห็นพวงชมพูส่ายหน้าไปมา เขาเลยร้อนใจ หันไปเรียกฉิมพลีที่กำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่อีกด้าน เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาหาผู้เป็นนาย ยืนอยู่ใกล้ๆ เพื่อรอรับคำสั่ง “พิ้งค์ ขอน้ำฉิมพลีดื่มสิ” “หือ...” พวงชมพูมองหน้าอย่างสงสัย “เร็วสิ” เสียงเข้มๆ ของชายหนุ่มทำให้เธอรีบเอ่ยปากขอน้ำจากฉิมพลีดื่ม เด็กหนุ่มที่ยังงงๆ ก็รีบตักน้ำให้ เธอดื่มเข้าไป แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น เธอทำท่าจะร้องไห้ เขาก็ปั้นข้าวในหม้อยัดใส่ปากเธอไม่หยุด แต่เธอก็รู้ว่าก้างยังติดอยู่ที่ลำคอแต่อาการดีขึ้นมาหน่อย พอกลืนน้ำลายก็รู้สึกเจ็บๆ แสบๆ เคืองๆ ทรมานจนไม่เป็นอันทำอะไร อุกฤษฏ์หันกลับไปสั่งให้ลูกน้องเก็บสำรับ เขาตวัดอุ้มร่างคนในอ้อมแขนกลับไปยังกระท่อม เธอร้องไห้งอแง ตีโพยตีพายว่าลำคอจะอักเสบ ติดเชื้อ แล้วอาการของเธอจะยิ่งแย่ แต่เขาไม่สนใจอะไรสักอย่าง แถมยังสมน้ำหน้าทำเสียงดุเธออีก “คราวหลังก็อย่าตะกละสิ กินดีๆ ไม่มีใครแย่งเสียหน่อย” ร่างสูงเดินหายไปครู่ใหญ่แล้วนำเสื้อผ้ากลับมาให้ เป็นผ้าถุงกับเสื้อคอกระเช้า โยนมาให้เธอ “อาบน้ำเองนะ ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น” เขาบอกสั้นๆ ก่อนชี้ไปที่ประตูอีกด้านของกระท่อม พวงชมพูหน้างอ แต่ก็ยอมทำตามเพราะเหนียวตัวมาก อาบน้ำไปก็พยายามล้วงนิ้วเข้าไปในคอเพื่อเอาก้างปลาออก ทำให้อ้วกบ้าง ล้วงบ้าง แต่ทำยังไงก็ไม่ออก จนสุดท้ายก็หมดความพยายาม เหลือบไปมองชุดที่เขาหาให้แล้วได้แต่ต่อว่าต่อขานเขา แต่ชุดเธอเลอะและเหม็นมาก คงสวมต่อไปไม่ไหว เลยจำต้องซักชุดที่เธอมีแค่ชุดเดียว ยกเว้นเสื้อชั้นในกับกางเกงชั้นในที่เธอนำมาสวมอีกรอบ เพราะถ้าจะปล่อยไว้โล่งๆ ไม่ใส่อะไรเลยเธอคงทำไม่ได้ เสื้อในก็เหนียวๆ มีกลิ่นเหงื่อ ส่วนกางเกงในเธอกลับด้านซะ เพราะจนหนทาง “คนบ้า หาเสื้อผ้ามาให้ ไม่หาชุดชั้นในมาให้ด้วย” ด่าไปก็เท่านั้น เธอรู้ดีว่าเขาเองก็คงหาไม่ทัน ไหนจะกะไซส์ ไหนจะหาซื้ออีก บ้านป่าอย่างนี้ไม่มีชุดชั้นในขาย เพราะไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าเสียหน่อย ก่อนจะออกมาไม่เห็นใครสักคน เธอเลยออกมานั่งเล่น ก่อนจะเผลอหลับไปเมื่อไหร่นั้นไม่รู้ตัวสักนิด “มันหนีรอดไปได้ยังไง” น้ำเสียงของกัญญามาศทั้งฉงนและผิดหวัง รวมถึงความโกรธอยู่ในน้ำเสียงด้วย “มีคนมาช่วยระหว่างทาง” เสี่ยชาญตอบอย่างหงุดหงิดเช่นกัน หลังจากได้เห็นรูปถ่ายของพวงชมพู เขาก็เอามานึกฝันถึงอยากครอบครองเป็นเจ้าของตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จึงร่วมมือกับกัญญามาศเพราะหล่อนก็ต้องการกำจัดลูกเลี้ยงไปให้พ้นทาง หลังจากกวีผู้เป็นสามีบอกเล่าเรื่องราวของบุตรสาวให้เธอฟัง เธอก็ได้แต่เก็บความตกใจและรู้สึกไม่พอใจอยู่ภายใน ก่อนจะแอบขโมยรูปถ่ายนั้นมาให้ชาญได้ดู และประจวบเหมาะกับชาญเกิดพึงพอใจอยากได้ตัวของพวงชมพูขึ้นมาพอดี และแผนการของเธอจึงเริ่มขึ้น สองพ่อลูกแอบติดต่อกันทางจดหมายบ่อยๆ โดยไม่ให้พิมพ์มาดารู้ ดังนั้นจดหมายฉบับสุดท้ายเธอจึงเอาไปทำลายหลังจากอ่านเสร็จ ไม่ให้กวีรู้ ก่อนจะตอบจดหมายกลับไปหาพวงชมพู แต่พิมพ์แทนเขียน โดยอ้างว่าเจ็บนิ้วเขียนไม่ถนัด และพวงชมพูก็ส่งจดหมายมาอีกฉบับ เธอเลยจัดการเผาทิ้งเสีย กวีผู้เป็นสามีเห็นบุตรสาวไม่ติดต่อกลับมาอีกก็เลยส่งจดหมายไปใหม่ เธอเลยจัดการเก็บจดหมายนั้นเอาไว้และนำไปทำลาย และปิดปากคนใช้ที่นำจดหมายไปส่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยเงินหลายพันบาท “กำลังให้ลูกน้องไปสืบอยู่ เดี๋ยวคงได้ข่าวว่าใครมันมาช่วย ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่” “เสี่ยต้องช่วยฉันกำจัดมันนะคะ แล้วจะเอามันไปปู้ยี้ปู้ยำยังไงก็ได้ ฉันไม่สนอยู่แล้ว ขอแค่ให้มันจากโลกนี้ไปก็พอ”  เธอไม่มีวันให้กวีได้พบกับลูกสาวแน่นอน เธอเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าพวงชมพูไม่อยู่ ทรัพย์สมบัติทุกอย่างก็จะต้องเป็นของเธอ เพราะพิมพ์มาดานั้นหย่าขาดจากกวีไปนานแล้ว ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของตระกูลราชฤทธิ์แม้แต่น้อย “ผมจัดการให้แน่นอน คุณไม่ต้องห่วงหรอกน่า” เสี่ยชาญพูดอย่างเจ้าเล่ห์ มือลูบไล้ไปตามแขนเนียนของกัญญามาศอย่างหื่นกระหาย หล่อนรู้ดีว่าเขาต้องการอะไร จึงยินดีและเต็มใจจะปรนเปรอเขาอย่างเต็มที่ เพื่อแลกกับการกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ และได้เล่นการพนันคลายเครียด มือนุ่มลูบไล้ไปตามแขนของเสี่ยใหญ่ ช้อนสายตามีจริตจะก้านแพรวพราวขึ้นสบ ริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงจัดร้อนแรงเผยอออกยั่วเย้า ก่อนจะประกบกับริมฝีปากของชาญที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นบุหรี่และวิสกี้เข้มข้น ชาญเลื่อนมือไปลูบคลึงเรือนร่างอวบอัดของกัญญามาศ อีกฝ่ายมองตาวาวค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อของเขาออกอย่างอ้อยอิ่ง ทุกครั้งก็กดริมฝีปากลงกัดอย่างยั่วๆ ทอดสายตามองอย่างชวนเชิญ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD