ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวาดกลัวโจวจื่อเหลียงอยู่ไม่น้อย แต่ความอยากรู้อยากเห็นว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาเป็นยังไงกันนะ ด้วยความสงสัยอันแรงกล้าก็ทำให้เธอลืมตาขึ้นมาและแอบมองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทันใด
หลิวฉูฉู่มองเห็นปลายชุดเหลืองทองอร่ามทั้งยังสามารถ มองเห็นดิ้นทองที่ปักเป็นลายมังกรอันวิจิตรงดงามที่เหมือนจริงชวนให้รู้สึกน่าเกรงขามอยู่ด้านข้าง เธอนอนอยู่ใกล้เขาเพียงนี้สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอแห่งความสูงส่งที่แผ่ออกมาจนทำให้หลิวฉูฉู่รู้สึกหายใจลำบาก
เพียงแค่เห็นด้านข้างหลิวฉูฉู่ก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้หล่อมากจนทำเอาคนหัวใจแทบวาย ขนตายาวงอน ดวงตาลึกล้ำประดุจบ่อน้ำ ทว่ากลับดูเฉยชายิ่งนัก
โจวจื่อเหลียงคงสัมผัสได้ถึงสายตาของเธอที่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเขา สายตาคมนั้นจึงหันมาจ้องกลับ ในยามนี้นี่เองที่หลิวฉูฉู่คิดว่าโจวจื่อเหลียงกำลังเสียดายที่เธอฟื้นขึ้นมา
จากท่าทางและสายตาเช่นนี้เธอเลยคิดว่าเขาคงกำลังแช่งเธอในใจให้เธอตายจริง ๆ ไม่สิไม่ใช่เธอแต่เป็นเจ้าของร่างเดิมต่างหาก
ถึงจะสบตากับเขาแบบนี้ทั้งที่ในใจอดหวาดกลัวไม่ได้ สุดท้ายแล้วเธอก็งัดฝีมือการแสดงออกมา ทั้งแสร้งเหม่อลอยจนเมินหน้าหนีเขา พยายามบังคับให้ตนเองอย่าได้ตื่นเต้น ทว่าสายตาคมที่จ้องมองเธอเหมือนจะทะลุนั้น กลับยิ่งทำให้หัวใจของเธอไม่อาจสงบลงได้อย่างที่ใจคิด
"ได้สติแล้วหรือ"
น้ำเสียงของโจวจื่อเหลียงช่างเย็บเยียบนักทั้งสายตาเหี้ยมเกรียมนั้นก็ทำให้เธอหนาวสะท้าน
ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของคนคู่นี้ไม่สู้ดีนักเพราะเจ้าของร่างเดิมทีเป็นพระสนมที่ฝ่าบาทไม่เคยหยิบป้ายให้มาปรนนิบัติ แต่ได้ดิบได้ดีเพราะคอยเอาใจใส่ไทเฮา และฐานะบ้านเดิมก็เกื้อหนุนบิดาครองตำแหน่งแม่ทัพใหญ่มาตั้งแต่ยังหนุ่มแน่น จนกระทั่งตอนนี้ปลดเกษียณแล้วยังมีอำนาจบารมีมากด้วยพี่ชายของหลิวฉูฉู่คนเดิมล้วนรับราชการตำแหน่งใหญ่โต กุมอำนาจทางทหารแทบจะครึ่งหนึ่งของราชสำนัก
หลิวฉูฉู่คนเดิมถูกเลี้ยงตามใจมาตั้งแต่เด็ก เคยชินกับการใช้อำนาจและมักใหญ่ใฝ่สูง มารดาของนางเป็นสตรีใสซื่อบ้านเดิมเป็นเพียงบุตรสาวของสามัญชนผู้หนึ่งจึงไม่ได้รับความไว้วางใจให้อบรมบุตรสาว คนที่คอยอบรมนางผู้นั้นคือพี่สาวของบิดาที่เป็นสตรีเท้าพิการข้างหนึ่งจึงไม่ได้ออกเรือนไปเช่นสตรีอื่น
ท่านป้าคนนี้เพราะมีปมด้อยจึงเป็นคนทะเยอทะยานอยากกดข่มคนที่เคยดูถูกเธอทั้งแผ่นดิน นิสัยท่านป้านั้นเจ้าเล่ห์เพทุบายเก็บซ่อนความริษยาอาฆาตไว้ภายใต้ความอ่อนโยนอ่อนหวาน ใจจริงแล้วมักใหญ่ใฝ่สูงมาแต่กำเนิด เมื่อได้เลี้ยงดูหลิวฉูฉู่จึงได้ถ่ายทอดนิสัยร้ายกาจเช่นนี้มาให้หลานสาวไม่มีตกหล่น
แต่หลังจากหลิวฉูฉู่เข้าวังมาท่านป้าผู้นั้นก็จากไปด้วยโรคชรา ไม่เช่นนั้นคาดคิดว่าหลิวฉูฉู่จะเหี้ยมโหดยิ่งกว่านี้เสียอีก
หลิวฉูฉู่เหมือนคนใบ้ ปากยังหุบสนิท ทำตัวเหมือนไม่ได้สติ ทว่าเมื่อมองไปเรื่อย ๆ เสแสร้งหลบสายตาคม ความรู้สึกของเธอในยามนี้คือ
โจวจื่อเหลียงตัวจริงคนนี้นี่สิถึงจะเรียกได้ว่านรกของจริง
แม้ว่าคนผู้นี้จะหล่อเหลายิ่งกว่านายแบบคนดัง แต่ในใจนั้นแตกต่างกับหน้าตาดี ๆ ของเขาราวกับหลังมือและฝ่าเท้า เขามีนิสัยเด็ดขาดดุดันทั้งยังใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ภายหน้าอย่างไรก็ต้องมอบความตายให้ตัวเองเป็นแน่ หลิวฉูฉู่ถึงกับขนลุกชันถึงขั้นสัมผัสได้ถึงความตายที่แสนทรมานอย่างชัดเจน ร่างเล็กจึงถอยห่างจากเขาโดยอัตโนมัติ
โจวจื่อเหลียงหัวเราะในใจแล้วเอ่ยเยือกเย็นว่า
"แสร้งบ้าหรือบ้าจริงกันแน่ ครานี้ลงทุนกระโดดลงน้ำด้วยตนเองคิดจะป้ายสีผู้ใดเล่า หากข้าเดาไม่ผิดคงเป็นเฉียนกุ้ยเฟยที่เพิ่งสนทนากับเจ้าที่สะพานนั้นกระมัง เจ้าทำนางตกใจจนเกือบจะไร้สติแล้วไม่รู้หรือ"
หลิวฉูฉู่อยากจะทุบร่างนี้นัก ที่จริงฝ่าบาทคนนี้คงรู้นิสัยร้ายกาจของหลิวฉูฉู่คนเดิมมาตลอดเจ้าของร่างเดิมยังเผยความโง่ออกไปเป็นระยะ ถึงแม้ว่าโจวจื่อเหลียงจะไม่พูดเพราะมีไทเฮาเป็นเกราะคุ้มกันตัวให้หลิวฉูฉู่คนเดิมแต่โจวจื่อเหลียงก็รู้นิสัยของเจ้าของร่างเดิมดีเป็นอย่างยิ่งว่าร้ายกาจเพียงใด
จะไม่บอกว่าโง่ได้อย่างไร วิญญาณหลิวฉูฉู่ตัวจริงไม่รู้ไปอยู่ในปรโลกขุมที่เท่าไหร่แล้ว คิดจะป้ายสีคนอื่นแต่ตัวเองดันตายจริงจนเดือดร้อนคนในโลกอนาคตเช่นเธอต้องมาอยู่ในร่างนี้แทน
จึงนับว่าเป็นตัวโง่เง่าที่สุดที่เธอเคยเห็นมา
หลิวฉูฉู่คิดว่าตัวเองในตอนนี้ต้องหาทางรอด ต้องแก้ไขความเข้าใจผิดทั้งหมดไปก่อน เธอจึงทำใจเย็นสบตากับเขาและแสดงความอ่อนแอจริงใจออกไปให้เขารับรู้
"หาไม่เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันแค่เป็นลมหมดสติและตกลงไปในน้ำเท่านั้น มิใช่ฝีมือของผู้ใด หม่อมฉันยังไม่ได้กล่าวโทษเฉียนกุ้ยเฟยแม้แต่คำเดียว แล้วเหตุใดฝ่าบาทจึงได้กล่าวโทษหม่อมฉันเล่าเพคะ"
คิ้วของโจวจื่อเหลียงขมวดเข้าหากัน เขาได้ยินผิดไปหรือที่สตรีนางนี้ไม่ตีโพยตีพายเล่าความเท็จ ยังไม่โทษผู้ใดอีก ปกติแล้วหากเกิดเรื่องเช่นนี้หลิวฉูฉู่ย่อมหาทางป้ายสีคนเป็นแน่ แต่ครานี้สตรีนางนี้กลับยอมรับโดยง่ายว่าเป็นความผิดของตนเอง
หรือว่าเขาหูแว่วไปไม่ใช่นางที่ยอมรับแต่เป็นเขาที่เข้าใจผิดกระทั่งหลิวฉูฉู่เอ่ยว่า
"หม่อมฉันตกลงไปเองเพคะ ไม่เกี่ยวกับเฉียนกุ้ยเฟยแม้แต่น้อย"
โจวจื่อเหลียงมองนางด้วยสายตาสับสน ได้แต่คิดในใจว่า สตรีร้ายกาจนางนี้กำลังคิดแผนร้ายอันใดอีก!
เกือบสิบวันมาแล้วที่หลิวฉูฉู่มาอยู่ที่นี่และได้พบความจริงอันน่าอดสูว่าตัวเองได้ย้อนเวลาเข้ามาในโลกอดีตไปแล้ว เรื่องราวฮองเฮาตัวร้าย เป็นนิยายที่แต่งโดยอ้างอิงประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงเธอรู้เพียงเท่านี้และตั้งใจแสดงเป็นอย่างดี
หลังจากวันนั้นที่ฮ่องเต้โจวจื่อเหลียงออกจากตำหนักของเธอด้วยท่าทางแปลกประหลาด ก็สั่งให้องค์ชายน้อยห้ามเข้าใกล้เธออีกจนกว่าหลิวฉูฉู่จะหายดี
หลิวฉูฉู่ถอนหายใจโล่งอก เมื่อไร้สายตาพิฆาตของทั้งพ่อและลูกคู่นั้นที่มองเห็นเธอเป็นผู้หญิงเลวทรามคนหนึ่ง
ให้ตายเถอะ ถึงแผนการบ้า ๆ นี้เจ้าของร่างเดิมจะเป็นคนคิด แต่ผู้หญิงโง่คนนั้นก็รับกรรมไปแล้ว และเรื่องนี้หลิวฉูฉู่เองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถอธิบายให้ใครฟังได้เช่นกัน เธอกลัวว่าเรื่องเจ้าของร่างเดิมวางยาองค์ชายน้อยจะแดงขึ้นมาหากเป็นเช่นนั้นก็ไร้หนทางจะกลับบ้านแล้ว
ไม่ได้การ เธอต้องรีบหาทางกลับไปยังโลกของเธอ หวังแต่ว่าร่างของเธอจะยังรออยู่ที่นั่น
หลิวฉูฉู่ยังจำแววตาแข็งกร้าวของเด็กน้อยได้เป็นอย่างดี เด็กคนนี้ความจริงนับว่าฉลาดยิ่งนัก ก็ในละครที่เธอเล่น เด็กน้อยรู้ดีว่าหลิวฉูฉู่เป็นแม่เลี้ยงใจร้ายที่ไม่ชอบเขาลับหลังผู้คนก็ยังทำตัวร้ายกาจกับเจ้าของร่างไม่น้อย แต่เด็กก็เป็นเพียงแค่เด็ก คงคาดไม่ถึงว่าหลิวฉูฉู่จะคิดวางยาตัวเองจนตาย
คิดแล้วหญิงสาวก็เกิดอาการขนลุกเกรียว หลิวฉูฉู่คนเดิมได้ขุดหลุมฝังตัวเองชัด ๆ เมื่อขุดหลุมเสร็จดันชิงตายไปเสียก่อน เดือดร้อนมาถึงเธอที่ต้องรับเคราะห์แทนแล้ว
ในละครเธอแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าหลังดื่มยาพิษแล้วเจ็บปวดทรมานแค่ไหน แต่ตอนนั้นเป็นแค่เพียงเรื่องการแสดง ไม่ใช่ในชีวิตจริงแบบนี้ ตอนนี้หลิวฉูฉู่จึงคิดหาทางออกให้กับตัวเองเธอไม่อยากตายด้วยยาพิษที่แสนทรมานถ้วยนั้น
ทำยังไงถึงจะกลับไปสู่โลกเดิมได้ หลังจากคิดไม่ตกมาหลายวันในที่สุดเธอก็หาทางออกได้
เอาล่ะ มายังไงก็กลับทางนั้นก็แล้วกัน ที่ตรงนั้นแน่นอนว่าต้องมีประตูมิติอยู่แน่ ๆ เหมือนประตูมิติของโดเรม่อนที่พาเธอมาที่นี่ เธอต้องหาประตูโดเรม่อนให้เจอ
หลังจากคิดได้แล้วหลิวฉูฉู่กลับมาสวมบทบาทเป็นฮองเฮาเช่นเดิม ข่าวลือเรื่องนางเป็นบ้าอาละวาดนอกตำหนักถูกปกปิดอย่างมิดชิด แน่นอนว่าด้วยอำนาจของฝ่าบาทเรื่องในตำหนักจึงไม่มีผู้ใดกล้าแพร่งพรายออกไปให้เสี่ยงต่อการถูกตัดหัวเล่นเป็นแน่
ในเย็นวันหนึ่งหลิวฉูฉู่ที่ซึมกะทือมาตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา จู่ ๆ ก็บังเกิดเกิดความกระตือรือร้นขึ้นมาจนอาเหมียนแปลกใจ
"อาเหมียน ข้าตกน้ำลงไปที่สระใด"
อาเหมียนแย้มยิ้ม หลายวันมานี้นิสัยของฮองเฮาเปลี่ยนไปราวกับคนละคน จากแต่เดิมทำสิ่งใดล้วนไม่อาจสร้างความพอใจให้นาง ทว่าตอนนี้ถึงจะดูซึมไปมาก ทว่ากลับมีนิสัยใจเย็นลงอย่างประหลาด
อาเหมียนเองก็คิดว่า ฮองเฮาที่เป็นแบบนี้ดีกว่าเดิมยิ่งนัก นางเองก็ไม่ได้ถูกฝ่ามือของฮองเฮาตบหน้าอย่างไร้เหตุผลเช่นเดิม
"ตรงท้ายอุทยานหลวงเพคะ ตรงนั้นเป็นสระบัวที่ฮองเฮาตกลงไป"
"ไกลหรือไม่"
อาเหมียนส่ายหน้า
"ไม่เพคะ เดินไปราวครึ่งถ้วยน้ำชาก็ถึงแล้วเพคะ"
หลิวฉูฉู่ยกยิ้ม ความคิดพลันวิ่งพล่าน นางขบคิดมานับสิบวันแล้ววันนี้อย่างไรก็ต้องกลับบ้านให้ได้ ประตูมิติรอหลิวฉูฉู่คนนี้ด้วยเถิด
ใจหนึ่งก็คิดถึงว่าหากไม่มีประตูมิติจะทำยังไงแต่คิดไปคิดมา ถ้าไม่มีประตูมิติเธอก็แค่บอกว่าอยากว่ายน้ำเล่น ใครจะทำไม แค่ต้องลงไปสำรวจดูเท่านั้น
เมื่อคิดได้ใจร้อนรนเหมือนเพลิงเผา ไม่สามารถรอได้แล้วต้องไปพิสูจน์ตอนนี้ทันที หลิวฉูฉู่ทำเป็นบิดขี้เกียจ มองหน้าอาเหมียนแล้วขยับตัวยืดเส้นยืดสาย
"อากาศดียิ่ง วันนี้หิมะไม่ตกท้องฟ้าแจ่มใส เราไปเดินเล่นกัน"
"แต่ว่า หมอหลวงสั่งห้ามว่าพระองค์ยังไม่อาจต้องไอเย็นได้นะเพคะ"
อาเหมียนรีบส่ายหน้า ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองท่าทางประหลาดของหลิวฉูฉู่
"ข้าจะออกไป" หลิวฉูฉู่ตัดสินใจแล้วว่าต้องออกไปหาประตูมิติ อาเหมียนไม่รู้จึงคิดขัดขวางเต็มที่ อย่างไรนางก็ห่วงสุขภาพของฮองเฮายิ่งกว่าสิ่งใด
"ฮองเฮาเพคะ อาการประชวรยังไม่หายดีหมอหลวงสั่งห้ามพระองค์ต้องลมเย็น ไม่ควรออกไปยามนี้เพคะ"
"ข้าเบื่อ ให้ข้าออกไปเถอะ หมอหลวงจะมารู้ดีกว่าข้าได้อย่างไร"
"แต่ตอนนี้มืดค่ำแล้วนะเพคะ"
หลิวฉูฉู่ปรับสีหน้าให้เย็นชาประดุจน้ำแข็ง
"ข้าอยากออกไป เจ้าก็แค่ตามข้ามาก็พอ"
"แต่ฮองเฮาเพคะ"
หลิวฉูฉู่เห็นแบบนี้จึงคิดสวมบทร้าย ทำหน้าตาร้ายกาจทั้งยังส่งเสียงดังขึ้นมาทันใด
"หรือต้องให้ข้าโบยเจ้าก่อนถึงจะยอมให้ข้าออกไป"
อาเหมียนหน้าซีด คุกเข่าลงทั้งโขกศีรษะขออภัย เสียงโขกนั้นดังจนหลิวฉูฉู่อดที่จะซู้ดปากด้วยความรู้สึกเจ็บแทนไม่ได้ แม้สงสารอาเหมียนแต่เธอต้องใจแข็ง ก่อนจะพูดว่า
"เช่นนั้นก็เตรียมตัวเถิด"
แน่นอนว่าบทบาทของฮองเฮาร้ายลึกหลิวฉูฉู่ย่อมแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี สายตาพิฆาตระดับนางร้ายนี้เกินที่ใครจะต้านทานได้
อาเหมียนกลัวหัวหด ไม่กล้ากล่าวแย้งอีก จึงได้แต่แต่งตัวให้หลิวฉูฉู่ด้วยเสื้อคลุมขนแกะแน่นหนา ยังมีผ้าพันคอขนสุนัขจิ้งจอกขาวล้ำค่า และมีหมวกคลุมศีรษะกันหนาวอีกด้วย
หลิวฉูฉู่ผู้คิดจะไปพิสูจน์ประตูมิติใต้สายน้ำ ถึงกับรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกห่อตัวหนาขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ตำหนิอาเหมียน หากไม่ใส่คงต้องรบรากับนางกำนัลผู้ภักดีคนนี้จนไม่ต้องไปไหนเป็นแน่