บทที่ 1 ดาราเจ้าบทบบาท
ประตูตำหนักเย็นถูกปิดมิดชิด อดีตฮองเฮาสกุลหลิวกำลังนอนเกลือกกลิ้งด้วยความทรมานบนพื้นอันเย็นเยียบหลังได้รับพระราชทานยาพิษจากผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตนเอง
เบื้องหน้าคือบุรุษผู้หนึ่งใบหน้าคมคายหล่อเหลาอยู่ในอาภรณ์สีทองสูงส่งสง่างาม รอบกายคล้ายจะมีรัศมีบางอย่างแผ่กระจายออกมาดูเยือกเย็นน่ากลัวยิ่งนัก ทว่าบัดนี้เขาผู้นั้นกำลังมองนางด้วยสายตารังเกียจทั้งอำมหิต
หลิวฉูฉู่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดูน่าเวทนา ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสนใจเสียงร้องนั้นเลยแม้แต่น้อย นางค่อย ๆ ขยับร่างกายเข้าหาเขาผู้นั้นอย่างช้า ๆ อีกเพียงนิดเดียวนิ้วมือเรียวก็จะสัมผัสรองเท้าของเขาอยู่แล้ว ทว่าคนผู้นั้นกลับขยับกายห่างไม่ยอมให้นางได้แตะต้องตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
"ฝะ ฝ่าบาท มะ หม่อมฉัน ทรมานเหลือเกิน"
ดวงตาของหลิวฉูฉู่แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า เมื่อความทรมานนั้นถึงที่สุด โลหิตสด ๆ ไหลออกมาจากปากของนางเป็นสายกระทั่งคำที่จะเอื้อนเอ่ยยังไม่อาจพูดได้มีเพียงเสียงแหบแห้งที่หลุดออกมา ยังมีสายตาเย็นชาของคนผู้นั้นที่เฝ้ามองการตายของนางด้วยความรู้สึกสาแก่ใจ
"เจ้ากล้าวางยารัชทายาททั้ง ๆ ที่เจ้าเป็นผู้ชุบเลี้ยงเขามากับมือตนเอง เขาอายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น หลิวฉูฉู่การตายของเจ้าครานี้ยังน้อยไปนัก สกุลหลิวเลี้ยงบุตรีให้เป็นคนต่ำช้าเลวทราม ต้องโทษประหารเก้าชั่วโคตร บิดามารดา ข้าก็ไม่ละเว้นแม้แต่ผู้เดียว"
เสียงกรีดร้องโหยหวนพลันดังขึ้นในขณะที่ร่างสูงค่อย ๆ สะบัดผ้าเดินออกจากตำหนักเย็นไป หลิวฉูฉู่ดวงตาเบิกค้างไม่อาจทนความเจ็บปวดได้อีกต่อไป ลมหายใจพลันขาดสะบั้นก่อนตายเจ็บปวดทรมานทั้งกายและใจสาสมกับความผิดที่นางได้ก่อเอาไว้
ความเงียบเข้าปกคลุมแสงตะเกียงรำไรสาดส่องร่างกายเล็กในอาภรณ์ขาว ทว่าแปดเปื้อนไปคราบโลหิต ปิดฉากชีวิตฮองเฮาผู้เคยมีอำนาจสูงสุดในวังหลัง ไร้คนเหลียวแล สิ้นวาสนากระทั่งชีวิตบัดนี้ยังไม่อาจรักษาเอาไว้ได้.....
"คัท"
หลังความสงบเงียบและเสียงของผู้กำกับพลันดังขึ้น ผู้จัดการของหลิวฉูฉู่รีบเข้ามาแล้วประคองร่างเล็กของเธอขึ้นมา
"เหนียวไปหมดแล้ว เช็ดหน้าก่อน"
ซ้อสี่พี่สะใภ้และผู้จัดการส่วนตัวของหลิวฉูฉู่พูดขึ้น
"ฉากสุดท้ายแล้วต้องทุ่มเทหน่อยไม่เป็นไร"
เธอรับผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาจนสะอาดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาดูที่จอมอนิเตอร์ ผู้กำกับเอ่ยชมเธอจนยิ้มหน้าบาน
"ทำได้ดีมากเลยอาจารย์หลิว สุดยอดเลย สมแล้วที่เป็นเบอร์หนึ่งของวงการ"
"ขอบคุณค่ะ ทั้งหมดนี้เพราะได้ผู้กำกับลี่ฉันเลยเข้าถึงบทบาทและทำได้ขนาดนี้ค่ะ"
แน่นอนว่า แม้ในใจของหลิวฉูฉู่จะลำพองแค่ไหนว่าตัวเองเก่งกาจ แต่เธออยู่ในวงการมานาน การอ่อนน้อมถ่อมตัวกับผู้กำกับและคนอื่นอยู่เสมอจึงกลายเป็นฉากหน้าบังตา และสุดท้ายกลายเป็นนิสัยถาวรของหลิวฉูฉู่ไปแล้ว
ผู้กำกับลี่ยิ้มหน้าบานเมื่อดาราสาวเอ่ยยกย่อง
"เฮ้ยเรื่องนี้ความจริงส่งกันทั้งหมด บทนี้ผู้เขียนบทเขาเขียนมาให้อาจารย์หลิวโดยเฉพาะ กระทั่งชื่อของตัวเอกยังยืมชื่อของอาจารย์หลิวมาใช้ เรตติ้งถึงได้เอาชนะซีรีส์ที่ออกฉายในเวลาเดียวกันนี้ทั้งหมด ใคร ๆ ก็เกลียดฮองเฮาหลิวเข้าไส้เพราะอาจารย์หลิวเข้าถึงบทบาทยังไงล่ะครับ"
หลิวฉูฉู่ยิ้มหวานพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างนอบน้อมยังพูดคุยกับผู้กำกับหลิวอีกหลายคำก่อนที่จะปลีกตัวออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวส่วนตัวของเธอเอง
"พรุ่งนี้ยังมีคิวอะไรอีกหรือเปล่าคะ"
หลิวฉูฉู่ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ด้วยความอ่อนเพลียก่อนจะหลับตาลงแล้วปล่อยให้ช่างแต่งตัวช่วยกันแกะวิกผมออกจากศีรษะของตัวเอง
ซ้อสี่ตอบคำถามอย่างรวดเร็ว
"พรุ่งนี้ไม่มีพี่จัดตารางให้เธอพักสามวันหลังจากนั้นต้องออกรายการโทรทัศน์เพื่อโปรโมทซีรีส์เรื่องนี้อีกหลายรายการ เธอจะไม่ว่างไปอีกสองเดือน"
"แล้วซีรีส์เรื่องใหม่ล่ะคะ พี่ว่ายังไง"
"ติดต่อเข้ามามากเกินไป พี่ต้องให้เธอดูก่อนว่าอยากแสดงบทแบบไหน จะเอาปัจจุบันหรือเป็นย้อนยุคดีล่ะ พี่จะได้เลือกให้"
หลิวฉูฉู่ส่ายหน้า
"ย้อนยุคพักก่อนค่ะ เดี๋ยวจะเข้าหน้าร้อนแล้วขอเป็นแนวปัจจุบันก็แล้วกันถ้าให้ถ่ายย้อนยุคตอนหน้าร้อนฉันได้ตายแน่ ๆ ต้องใส่ชุดแบบนี้ทั้งหนาแล้วยังถูกมัดเป็นบ๊ะจ่าง ไม่ไหวค่ะ"
"ก็ได้ งั้นพี่เลือกแนวปัจจุบันให้เธอก็แล้วกัน"
หลิวฉูฉู่พยักหน้า ช่างทำผมแกะวิกออกจากผมของเธอจนหมดแล้วหลังจากนั้นเลยช่วยเธอเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว จู่ ๆ ท้องของหลิวฉูฉู่ก็ร้องขึ้นมาเธอเพิ่งคิดขึ้นได้ว่าเธอถ่ายละครตั้งแต่เที่ยงวันจนตอนนี้เกือบจะตีสองแล้วเธอยังไม่ได้กินอะไรเลย
ซ้อสี่ได้ยินเสียงท้องร้องของหลิวฉูฉู่เธอจึงพูดขึ้นทันใด "พี่จะไปหาอะไรมาให้กินนะ รอก่อนก็แล้วกันยังมีอาหารแฟนคลับที่ส่งมาซัปพอร์ตเธอข้างนอก เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้กิน"
หลิวฉูฉู่ยิ้มกว้างขอบคุณพี่สะใภ้ที่เอาใจใส่เธอจริง ๆ
"ขอบคุณค่ะ"
ตอนนี้ในห้องมีเพียงหลิวฉูฉู่อยู่เพียงลำพัง เธอจึงนอนพักสายตาเงียบ ๆ หลังจากพี่สะใภ้หายไปไม่ถึงห้านาที ประตูก็ถูกเคาะ ใครบางคนโผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับน้ำส้มคั้นสดในมือ
"ฉันเป็นทีมงานค่ะ ผู้จัดการของอาจารย์หลิวให้มาเชิญอาจารย์หลิวไปทานข้าวค่ะ ดื่มน้ำส้มก่อนนะคะ"
หลิวฉูฉู่ยิ้มขอบคุณ เพราะหิวเธอจึงดื่มน้ำส้มไปเกือบหมดแก้ว ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับบิดขี้เกียจเล็กน้อย คิดว่าอาหารแฟนคลับคงมีเยอะมากจนซ้อสี่เอามาไม่ไหวแน่เลยให้คนมาตามแบบนี้
หลิวฉูฉู่เดินตามทีมงานคนนั้นไปโดยเงียบ ๆ ปกติเธอไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้าอยู่แล้วและทีมงานคนนี้ก็ไม่ช่างพูดเช่นกัน
"ด้านโน้นค่ะเห็นหรือเปล่าคะ ที่แสงไฟตรงนั้น"
หลิวฉูฉู่พยักหน้าเดินนำหน้าทีมงานคนนั้นในขณะที่กำลังเดินข้ามสะพานจู่ ๆ ก็เกิดอาการเวียนหัวกระทั่งหน้ามืดจนมองไปรอบตัวรู้สึกว่ารอบบริเวณหมุนคว้างเหมือนแผ่นดินกำลังไหวอย่างแรง ร่างกายของหลิวฉูฉู่โงนเงนหน้าแทบจะพุ่งลงพื้นดินเธอขยับตัวจับราวสะพานเอาไว้ยกมือจับศีรษะของตัวเองเอาไว้
"โอ๊ะ ฉันหน้ามืดช่วยพยุงฉันหน่อย"
ในตอนแรกหลิวฉูฉู่คิดว่าเพราะตัวเองทำงานโดยไม่ได้พักจึงเกิดอาการแบบนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่ามีความผิดปกติบางอย่าง เมื่อร่างกายถูกกระแทกอย่างแรง กระทั่งหลิวฉูฉู่คล้ายจะพุ่งถลาลงจากที่สูงจนร่างกระแทกเข้ากับผิวน้ำอย่างแรง
เธอพยายามกระเสือกกระสนที่จะว่ายน้ำขึ้นมา แต่เจ้ากรรมหลิวฉูฉู่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กับสายน้ำ ปกติแล้วเธอก็ไม่ถูกกับน้ำเพราะเคยเล่นบทใต้น้ำแล้วทำให้เกือบตายในอดีตและตอนนี้เธอยังมีความหวาดกลัวฝังใจ
สายน้ำเย็นเยียบแทบจะคร่าชีวิตของเธอแล้ว ทีมงานคนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่มีทีท่าว่าจะมีใครมาช่วยเธอเลยแม้แต่คนเดียว
ร่างกายของหลิวฉูฉู่ค่อย ๆ จมลงไปที่ก้นสระลึกทั้งมืดมิดและเย็นเยียบในตอนนี้ที่เธอได้ไร้สติไปแล้ว!