“ลูบหน้าอกอ้ายเอ็ดหยัง?” (ลูบหน้าอกพี่ทำไม)
“ลูบซื่อ ๆ นี่ละ เป็นหยังอ้ายหวงเบาะ” (ลูบเฉย ๆ นี่แหละ ทำไมพี่หวงเหรอ) คนตัวเล็กพอโดนถามตรง ๆ ก็ถึงกับไปไม่เป็นแต่ก็พยายามทำเป็นปากเก่งพูดออกไปเถียงเขาฉอด ๆ แม้ตอนนี้จะหายใจติดขัดกับท่วงท่าอันตรายจนหัวใจดวงน้อย ๆ เต้นสั่นระรัวจนเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอกอยู่แล้วก็ตาม
“บ่หวงดอก แต่คั่นมันแข็งขึ้นมาสิเฮ็ดจังได๋” (ไม่หวงหรอก แต่ถ้ามันแข็งขึ้นมาจะทำยังไง)
“อย่ามาหาตั๋วเถาะลูบส่ำนี่หนึ่งสิมาแข็งหยังไวแท้” (อย่ามาโกหกเลย ลูบแค่นี่เองทำไมจะขึ้นไวจัง)
“บ่เชื่อสิลองจับเบิ่งบ่ล่ะ” (ไม่เชื่อจะลองจับดูไหมล่ะ)
“กะดี สิได้หายกันกับที่อ้ายจับ…ของหนู” (ก็ดี จะได้หายกันกับที่พี่จับ…ของหนู) เมื่อได้ยินอีกคนปากเก่งไม่หยุดเพชรก็อยากกำราบเธอให้อยู่หมัด จึงเอื้อมมือไปจับมือเล็กก่อนจะเลื่อนลงเรื่อย ๆ กระทั่งถึงขอบบ็อกเซอร์
ทางด้านพระพายนอนหอบลมหายใจเข้าปอดหนัก ๆ เมื่อรับรู้ว่าอีกนิดเดียวอุ้งมือของเธอก็จะสัมผัสโดนท่อนเอ็นของเขาแล้ว
ทั้งสองสบตากันไม่ละไปไหนก่อนที่เพชรจะหยุดชะงักเมื่อคนด้านล่างไม่คิดจะขัดขืนปล่อยให้เขาจับมือเธอจนจะสัมผัสโดนท่อนเอ็นลำใหญ่อยู่แล้ว
“กล้าจับอีหลีเบาะ?” (กล้าจับจริง ๆ เหรอ)
“คั่นอ้ายให้จับ หนูก็สิจับ” (ถ้าพี่ให้จับ หนูก็จะจับ) เพชรเพียงอยากสั่งสอนอีกคนให้หลาบจำเท่านั้นแต่คิดไม่ถึงว่าพระพายจะแสบไม่รู้จักเกรงกลัวอะไรแบบนี้ แต่กลับเป็นเขาเองที่ไม่กล้าไปซะอย่างงั้น
เพชรชั่งใจคิดครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ คลายมือออก จากนั้นก็ขยับตัวขึ้นไปหยิบสายชาร์จบนหัวนอนทำให้ท่อนเอ็นลำใหญ่เสียดสีกับจุดกึ่งกลางของพระพายจนคนตัวเล็กเสียวซ่านหายใจไม่ทั่วท้องก่อนจะเอ่ยถามคนตรงหน้าออกไปตรง ๆ
“อ้ายสิเฮ็ดอีหยัง” (พี่จะทำอะไร)
“เอาสายชาร์จ” ซึ่งพระพายก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมเขาต้องเอื้อมมาเอาสายชาร์จท่านี้ด้วยแต่เลือกที่จะไม่ถามอะไรต่อ ทางด้านเพชรเมื่อหยิบสายชาร์จเรียบร้อยก็ดันตัวลุกขึ้นนั่งดี ๆ ดวงตาเหลือบมองพระพายครู่หนึ่งจากนั้นก็เดินตัวงอออกมาจากห้องทันที…
เมื่อเพชรเดินออกไปแล้วพระพายก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ด้วยความรู้สึกโล่งอก แม้ในใจจะนึกเสียดายไม่น้อยที่อีกคนไม่คิดจะทำอะไรเธอเลยทั้งที่เธอพร้อมพลีกายให้เขาขนาดนี้…
ทางด้านเพชรเมื่อปิดประตูลงแล้วล็อกกลอนให้พระพายเรียบร้อยก็เดินเอาโทรศัพท์ไปชาร์จทิ้งไว้จากนั้นก็มุดเข้าไปในมุ้งทิ้งตัวนอนลงบนเสื่อ ก่อนจะได้ยินน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยผ่านความมืดมาจากมุ้งข้าง ๆ
“ไปเฮ็ดอีหยังในห้องน้อง?” (ไปทำอะไรในห้องน้อง) ยายพิณถามลูกชายคนเดียวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแม้รู้ดีว่าทั้งสองจะรู้จักและสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแต่ถึงอย่างไรพระพายก็เป็นผู้หญิงหากลูกชายเธอเข้าไปในห้องพระพายแบบนั้นก็กลัวว่าจะเกินงาม
“ไปเอาสายชาร์จแบต”
“สิเฮ็ดอีหยังก็เบิ่งดี ๆ น้องเป็นผู้หญิง” (จะทำอะไรก็ดูดี ๆ น้องเป็นผู้หญิง)
“ก็บ่ได้เฮ็ดอีหยังเด้ละ” (ก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย)
“ก็ดีแล้ว ต่อไปบ่ต้องเอาผู้หญิงคนได๋มานอนเฮือนอีกพ่อกับแม่บ่ได้รวย เกิดเฮ็ดลูกสาวเพิ่นท้องมาบ่มีปัญญาไปสู่ขอดอกเด้อ” (ก็ดีแล้ว ทีหลังไม่ต้องเอาผู้หญิงคนไหนมานอนบ้านอีกนะ พ่อกับแม่ไม่ได้รวยถ้าเกิดทำลูกสาวเขาท้องขึ้นมาไม่มีตังค์ไปแต่งให้หรอกนะ) ยายพิณพูดย้ำเตือนเพชรอีกครั้งเพราะไม่อยากให้เรื่องมันเกิดก่อนแล้วค่อยแก้ ทั้งที่รู้ดีว่าเพชรนั้นโตพอที่จะคิดเองได้แล้วก็ตาม แต่เรื่องแบบนี้มันก็ไว้ใจไม่ได้ตัวอย่างก็มีให้เห็นเยอะแยะ
“ฮู้แล้ว” (รู้แล้ว) เพชรเลือกที่จะนอนหันหลังให้ยายพิณเพื่อนอนคิดในสิ่งที่แม่คอยบอกและย้ำเตือนเรื่องนี้อยู่เสมอ ซึ่งเพชรเองก็รู้ดี ว่าเขานั้นมันจน ไม่มีอะไรดีพอและคู่ควรกับใครทั้งนั้น รวมถึงพระพายด้วย…