เพชรพ่ายรัก ๑
@จังหวัดสุรินทร์
“แกไม่ไปด้วยจริง ๆ เหรอ” ฟ้าใหม่เอ่ยถามพระพายเพื่อนสนิทของเธอที่ตอนนี้มีศักดิ์เป็นน้องสามีของเธอไปแล้ว เนื่องจากฟ้าใหม่แต่งงานกับพายุพี่ชายของพระพายนั่นเอง
“ไม่ไป แกไปเลย” พระพายตอบฟ้าใหม่ด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสแต่มีความดื้อป่นอยู่ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะมองเลยฟ้าใหม่ไปเห็นพายุกำลังหยอกล้อเล่นกับสายฟ้าลูกชายของเขาอยู่
“งั้นแกก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน กลางค่ำกลางคืนก็ล็อกบ้านให้ดี ๆ นะ” ผู้หญิงเป็นสาวเป็นแส้อยู่บ้านคนเดียวแถมบ้านยังอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้านอีกด้วยฟ้าใหม่ก็อดเป็นห่วงพระพายไม่ได้เลยจริง ๆ ถึงแม้ที่นี่จะเป็นบ้านเกิดของพระพายก็ตาม แต่มันก็ไว้ใจใครไม่ได้เลย แล้วอีกอย่างพระพายไม่ใช่คนขี้เหร่เลยสักนิดเป็นคนสวยที่ผู้ชายหลายคนต่างหมายปองไม่เว้นแต่วัยรุ่นในหมู่บ้านที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งกับเธอเพราะรู้ดีว่าพายุนั้นหวงน้องสาวตัวเองแค่ไหน
“โอเค แกไปได้แล้วเดี๋ยวไปถึงที่พักเย็น” ฟ้าใหม่พยักหน้าตอบก่อนจะเดินไปหยุดยืนข้างสามีของเธอ พายุจึงส่งสายฟ้าให้ฟ้าใหม่อุ้ม ก่อนจะหันมามองน้องสาวตัวเองที่ยืนมองตาเขากับฟ้าใหม่อยู่
“อ้ายบ่อยู่เฮือน กลางค่ำกลางคืนอย่าหาออกไปเลาะไสเด้อ” (พี่ไม่อยู่บ้าน กลางค่ำกลางคืนอย่าออกไปไหนนะ)
“ฮู้แล้ว” (รู้แล้ว) ถึงแม้ไม่อยากทิ้งพระพายอยู่บ้านคนเดียวแต่ทำยังไงได้ในเมื่อเธอไม่ยอมไปด้วยซึ่งพายุก็ไม่อยากบังคับ พายุมองหน้าน้องสาวตัวเองอีกครั้งก่อนจะเดินไปขึ้นรถ
เมื่อทั้งสามขึ้นรถแล้วไม่นานรถเก๋งสีดำก็ขับออกไปจากบ้านโดยมีเจ้าของดวงตากลมโตรับกับใบหน้ารูปไข่ขาวเนียนขับกับผมสีบลอนด์ทองที่พึ่งย้อมมาได้ไม่กี่วันยิ่งทำให้ใบหน้าดูเด่นชัดน่ารักน่าเอ็นดูราวกับตุ๊กตา พระพายมองรถของพี่ชายเธอขับออกไปจนสุดสายตาก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นไปบนบ้าน…
ระหว่างวันพระพายไม่ได้ทำอะไรเอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านเนื่องจากฝนตกตลอดทั้งวันและพึ่งหยุดไปเมื่อช่วงเย็นนี่เอง หลังจากทำกับข้าวเสร็จพระพายก็เตรียมจะลงไปอาบน้ำเพราะอยู่คนเดียวจึงไม่อยากอาบน้ำดึก
มือเล็กถือผ้าถุงเดินออกมาจากห้องนอนขณะที่กำลังจะก้าวลงบันไดบ้านดวงตากลมโตก็มองออกไปนอกตัวบ้านเผื่อว่าจะเห็นใครบางคนที่ไม่เห็นเขาตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปลูกข้าวชาวบ้านที่มีอาชีพหลักคือทำไร่ไถนาก็จะยุ่งหน่อย เนื่องจากต้องทำเกษตรกรรมของตัวเองให้แล้วเสร็จ ทำให้พระพายไม่เจอเพชรเลย
เมื่อไม่เห็นใครพระพายจึงเดินลงบันไดบ้านเพื่อไปอาบน้ำ แต่ขณะที่กำลังจะใส่รองเท้าก็ได้ยินเสียงคล้ายจักรยานกำลังปั่นเข้ามาในบ้านของเธอ พระพายจึงรีบหันไปมองก่อนจะเห็นเพชรที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนสามส่วนมีไฟฉายคาดหัวปั่นจักรยานมาจอดอยู่ที่ตีนบันไดบ้าน
ทางด้านเพชรเมื่อเห็นว่าฝนหยุดตกจึงจะออกไปจับกบแต่ไม่รู้ว่าตาจ่อยพ่อของเขาเอาตาข่ายไปทิ้งไว้ไหนหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จึงจะมายืมตาข่ายของพายุแทนเพราะยังไงก็ต้องปั่นจักรยานผ่านหน้าบ้านพายุอยู่แล้ว แต่เมื่อปั่นจักรยานเข้ามาในบ้านกลับไม่เห็นรถเก๋งจอดอยู่เหมือนเคยแถมบ้านทั้งหลังยังดูเงียบสงัดอีก หากไม่เห็นพระพายยืนอยู่ที่ตีนบันไดบ้านเขาคงคิดว่าไม่มีใครอยู่บ้านแล้ว เมื่อจอดรถที่ตีนบันไดแล้วเพชรก็หันไปมองหน้าน้องสาวเพื่อนที่ตอนนี้ย้อมสีผมใหม่ซึ่งดูแปลกตาไม่น้อยเพราะไม่เคยเห็นพระพายทำสีนี้มาก่อนแต่ในขณะเดียวกันมันกลับดูเร้าใจไม่น้อยเขาจึงอดแซวไม่ได้
“ปู้ย~ เฮ็ดสีผมใหม่เบาะ คือน่าฮักแท้วะ” (อื้อหือ! ทำสีผมใหม่เหรอ ทำไมน่ารักจังเลยอะ)
“ธรรมดาคนมันผู้งามเนาะเฮ็ดหยังก็ดูดีไปเบิ่ดนั่นล่ะ” (ธรรมดาคนมันสวยทำอะไรก็ดูดีไปหมดนั่นแหละ) พระพายพูดพร้อมกับใช้มือสะบัดผมตัวเองทำท่าทีดูมั่นใจเมื่อโดนอีกคนแซวแต่ความรู้สึกข้างในกับเขินอายไม่น้อย
“บ่เถียง” (ไม่เถียง) เพชรยักไหล่พร้อมกับยักคิ้วส่งให้พระพายด้วยท่าที่กวน ๆ ก่อนจะมองขึ้นไปบนบ้านเมื่อไม่เห็นใครนอกจากพระพายคนเดียวเพชรจึงถามออกไปด้วยสีหน้าสงสัย
“บักพาบ่อยู่เฮือนเบาะ?” (ไอ้พาไม่อยู่บ้านเหรอ)
“เห็นบ่ล่ะ?” (เห็นไหมล่ะ)
“บ่เห็นก็เลยถาม คั่นบ่ถามก็คือเห็น” (ไม่เห็นก็เลยถาม ถ้าไม่ถามก็คือเห็น)
“อ้ายเว้าหยัง?” ( พี่พูดอะไร)พระพายถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเจอมุกกะโหลกกะลาของอีกคน
“งงแม่นบ่? อ้ายก็งงคือกัน” (งงใช่ไหม? พี่ก็งงเหมือนกัน) พระพายได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยบอกคนด้านหน้าออกไป
“อ้ายพาบ่อยู่เฮือนดอก เลาพาเมียกับลูกไปเที่ยวทะเล” (พี่พาไม่อยู่บ้านหรอก เขาพาเมียกับลูกไปเที่ยวทะเล)
“เอ้าเบาะ อ้ายคือบ่ฮู้วะ” (อ้าวเหรอ! ทำไมพี่ไม่รู้วะ)
“สิฮู้จั่งได๋เบิ่ดมื้ออยู่แต่ในไห่ในนา” (จะรู้ได้ยังไงทั้งวันอยู่แต่ในทุ่งในนา)
“ธรรมดาคนมันขยันเนาะ ฟ่าวเฮ็ดฟ่าวแล้ว สิได้หาเลาะกินเหล้าต่อ” (ธรรมดาคนมันขยัน รีบทำรีบเสร็จจะได้หาเลาะกินเหล้าต่อ) พระพายได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่คิดในใจว่าเธอชอบคนไม่ผิดใช่ไหม...