“เอ่อ พี่เอ็มคะคือ...”
“น้อง...ชอบพี่เหรอ?”
“...ฮะ?”
“น้องชอบพี่เหรอครับ”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ แพรชอบเพื่อนพี่เอ็ม” ฉันบอกช้า ๆ เผื่อพี่เอ็มเขาเข้าใจผิด แต่เมื่อกี้ฉันก็มั่นใจว่าไม่มีตรงไหนที่จะชวนให้เข้าใจผิดว่าฉันชอบพี่เอ็มเลยนะ ฉันย้ำว่าฉันชอบเพื่อนเขา เอ่ยชื่อด้วยซ้ำว่าฉันชอบพี่ภูผา -///-
“รู้” เออก็รู้ แล้วถามทำไมว่าชอบพี่เหรอ
แต่...ทำไมเสียงพี่เอ็มแปลก ๆ วะผ้าแพร
“นี่...พี่เอ็มรึเปล่าคะ”
“เปล่า”
“ฮะ?” มัน...
มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดใช่ไหม ไม่ใช่ผ้าแพร ไม่ใช่แน่ ๆ จังหวะมันจะซิทคอมละครไทยเกินไป
ฉันขยับมือเอาโทรศัพท์ออกจากหูแล้วดูหน้าจอ ก็ชื่อพี่เอ็มนี่ ดูเสร็จก็ยกโทรศัพท์ไปแนบหูอีกครั้ง
“เอ่อ...นี่ใครคะ”
“คนที่น้องบอกว่าชอบไง”
“ฮะ ฮ่า ๆๆ พี่เอ็มแกล้งอะไรแพรเนี่ย ฮ่า ๆๆ” เหมือนขำแต่ขำแห้ง ๆ ขำแทบไม่ออก จะพูดว่าพี่เอ็มแกล้งก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะยิ่งพูดประโยคยาวขึ้นยิ่งชัวร์ว่าเสียงนี้ไม่ใช่เสียงพี่เอ็ม
พี่เอ็มหล่อนะคะ เสียงหล่อด้วย แต่เสียงที่ได้ยินตอนนี้ไม่ใช่เสียงหล่ออย่างเดียวแต่เป็นเสียงโคตรหล่อเลยต่างหาก T_T
“พี่ไม่ใช่ไอ้เอ็ม” จะตอกย้ำทำไม
“เอ่อ พี่...”
“ภูผา” ฮือ~ สาบานว่าฟังเสียงฉันตอนนี้แล้วเขาไม่รู้เลยว่าฉันกำลังทั้งอายทั้งช็อก ฉันอึกอักขนาดนี้แล้วเขาจะย้ำให้มั่นใจมากด้วยการบอกชื่อตัวเองทำไมกัน
“พี่...พี่ภูผาช่วยลืมเรื่องวันนี้ไปได้ไหมคะ” ฉันบ้าค่ะ ฉันบ้ากว่าที่ทุกคนคิดแน่นอน อย่างเช่นตอนนี้ไงที่ฉันกำลังขอให้เขาลืมเรื่องวันนี้ไป T^T
“ลืมเรื่องอะไร”
“ก็... / เรื่องที่น้องบอกว่าชอบพี่น่ะเหรอ”
“...” พี่เขาถามออกมาเสียงเรียบแบบนี้ได้ยังไง จิตใจทำด้วยอะไร! ไม่รู้เหรอว่าอีกคนจะโคตรอายมากแค่ไหน
“คือ...” พูดไม่ออก พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียวแต่จะตัดสายก็ไม่กล้า
“ตกลงว่าน้องชอบพี่เหรอครับ” เขา...เขาถามทำไม เขาไม่เห็นใจเพื่อนร่วมโลกอย่างฉันเลยเหรอ
“เอ่อ เดี๋ยวเอาไว้โอกาสหน้าเราค่อย...เอ่อ...สวัสดีค่ะ”
ติ๊ด!
“กรี๊ด!!!”
ฉันพูดอะไรต่อไม่ได้เลยค่ะ หูอื้อตาลายด้วยความอายจนสุดท้ายก็ตัดสายแล้วมานอนแดดิ้นเป็นหมาน้อยโดนน้ำสาดอยู่บนที่นอน
อาย!
โคตรอาย!
และโคตรอาย!
T^T
#PHAPRAE END
#PHUPHA TALK
“เอ่อ เดี๋ยวเอาไว้โอกาสหน้าเราค่อย...เอ่อ...สวัสดีค่ะ”
“...” ผมนิ่งเพราะกำลังฟังว่าเธอจะพูดอะไรแต่สุดท้ายสิ่งที่ได้กลับกลายเป็นความเงียบ จนกระทั่งเอาโทรศัพท์มาดูหน้าจอนั่นล่ะ
“หึ ๆๆ” ผู้หญิงบ้าอะไรวะโคตรติ๊งต๊องเลย
แอด~
“มึงเป็นไรวะ นั่งยิ้มทำไม” คนที่เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำคือเพื่อนของผมและเป็นเจ้าของโทรศัพท์เครื่องที่อยู่ในมือของผมเช่นกัน
“คนที่มึงชอบโทรมา” ผมบอกมันเสียงเอื่อยแล้วก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม แต่ไอ้เอ็มที่รู้ว่าใครโทรมาก็รีบเดินมาหยิบโทรศัพท์ทันที
“มึง...รับสายเหรอ?” มันหยิบโทรศัพท์ไปดู อาจจะตั้งใจโทรกลับแต่คงเห็นสายล่าสุดว่าผมกดรับสายแถมยังคุยตั้งหลายนาทีเลยเงยหน้าขึ้นมาถามก่อน
“อืม โทรมาสองรอบติดกันกูเลยรับ แค่จะบอกว่ามึงเข้าห้องน้ำอยู่”
“แล้วผ้าแพรว่าไงบ้าง” ทำไมไอ้ห่าเอ็มต้องมองผมด้วยสายตาไม่สบายใจด้วยวะ
“ไม่ฟังอะไรเลย กูยังไม่ได้พูดให้เป็นคำก็ถามเลยว่าทำไมกูไม่โทรหาเพื่อนเขา ตกลงกูชอบเพื่อนเขารึเปล่า” ผมก็ตอบเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ แต่ไอ้เอ็มกลับมาสีหน้าไม่สบายใจหนักกว่าเดิม มันคงรู้สินะว่าผมจะตอบเธอคนนั้นว่ายังไง
“มึง...ตอบผ้าแพรว่ายังไงวะ” หึ ๆๆ เห็นไหม มันต้องเริ่มรู้แต่ก็ยังไม่อยากมั่นใจเลยลองถาม
“ตอบว่ากูไม่ได้ชอบไง”
“...”
“แต่เรื่องนั้นไม่เท่ากับพอกูตอบว่าไม่ได้ชอบเพื่อนเขาน้องคนนั้นของมึงก็รีบพูดเลยว่ะว่าเขา...ชอบกู”
“มึงว่าไงนะ?” มันดูอึ้งไป ผมไม่ได้สะใจนะครับ แต่ผมแค่ไม่ชอบโกหก ได้ยินมาแบบไหนก็บอกมันไปแบบนั้น
“เขาคิดว่ากูป็นกูเป็นมึงก็เลยบอกกูว่าเขาชอบกู สงสัยจะให้มึงช่วยเป็นพ่อสื่อให้”
“มึง...”
“มึงดูไม่ได้ตกใจเท่าไหร่นะเอ็ม” ผมจ้องหน้ามัน เพราะมันดูอึ้งก็จริง แต่ก็เหมือนจะไม่ได้อึ้งที่รู้ว่าเธอคนนั้นชอบผม เหมือนมันอึ้งที่เธอบอกผมมากกว่า
“...”
“มึงรู้?”
“เออ...กูคิดว่าต้องอาจจะเป็นแบบนี้”
“ทำไมถึงคิดว่าอาจจะเป็นแบบนี้”
“กูเห็นสายตาผ้าแพรตอนมองมึงที่ลิฟท์”
“แค่นั้น? เห็นแค่นั่นมึงก็รู้เลย เขากับกูเจอกันครั้งเดียวมึงดูออกเลยว่าเขาชอบกู?” ไอ้ห่านี่เป็นสตอล์กเกอร์รึเปล่าวะ อารมณ์ประมาณว่าแอบชอบเขาแอบศึกษาพฤติกรรมทั้งหมดของเขาจนรู้ทุกอย่าง
“ก็ 50 / 50 เพราะกูไม่เคยเห็นผ้าแพรใช้สายตาแบบนั้นมองใคร น้องเขาดูเขินไม่เป็นตัวของตัวเอง กูเลยคิดว่าเขาอาจจะชอบมึง ทีแรกก็แค่คิดว่าอาจจะชอบแต่ไม่คิดเลยว่ะว่าจะชอบจริง ๆ”
“อ่าส์~ แล้วมึงก็เลยโทรไปหาเขา ไปบอกเขาว่ากูชอบเพื่อนเขาให้เขาเลิกชอบกู?” ตลกสัส ไอ้ห่าเอ็มคิดได้ยังไงวะ
“เออ มันอาจจะปัญญาอ่อนสำหรับมึง แต่กูชอบเขาจริง ๆ นะเว้ย กูไม่อยากให้เขาชอบใคร โดยเฉพาะคนใกล้ตัวกูเพราะกูคงเจ็บมาก อีกอย่าง...มึงก็มองน้องเขา” มันมองหน้าผม จ้องผมด้วยสายตาค่อนข้างเครียด
“เขาสวยกูก็มองแค่นั้นเอง”
“อืม กูรู้ กูแค่หาทางกันไว้ดีกว่าแก้”
“ไอ้เอ็มมึงฟังกู มึงบังคับใจใครไม่ได้หรอก ถ้าสมมุติวันนี้มึงทำสำเร็จผู้หญิงคนนั้นเลิกชอบกู แต่มึงจะแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะไม่ไปชอบคนอื่น ถ้าเขาไม่ชอบมึงมึงจะตามกีดกันแบบนี้ทุกคนเลยเหรอวะ?”
“...มึงสนใจผ้าแพรเหรอวะไอ้ภูผา” มันเงียบไปหลังจากผมพูดจบแล้วก็ถามคำถามนี้ออกมา
“เปล่า กูไม่ได้สนใจน้องเขา แล้วมึงก็ไม่ต้องสนใจความรู้สึกของกูด้วย ตอนนี้มึงต้องจัดการความรู้สึกกับความคิดของมึงก่อน” ผมบอกมันเสียงเครียด เสียงผมเครียดกว่ามันด้วยซ้ำ
บอกตามตรงว่าผมเห็นอาการไอ้เอ็มแล้วผมปล่อยผ่านไม่ได้ ผมต้องคุยกับมันให้รู้เรื่องว่ามันมีสิทธิ์ที่จะชอบเธอได้ แต่มันไม่มีสิทธิ์ไปห้ามหรือกีดกันไม่ให้เธอชอบใครอย่างที่มันกำลังทำตอนนี้
ผมต้องเคลียร์ให้จบไม่งั้นเธอคนนั้นจะลำบาก มันจะเป็นภัยกับเธอ
บอกตามตรงนะครับว่าผม...เป็นห่วงยัยติ๊งต๊องคนนั้น