ทั้งสองกินกันไปอย่างเงียบ ๆ
โบนิตาหยิบขวดน้ำเปล่าที่วางอยู่ขึ้นมาเปิดดื่ม
“คุณไม่ดื่มน้ำเย็นเหมือนผมเลยนะครับ”
“ค่ะ ดื่มแบบนี้ มันดีกับสุขภาพหน่อย”
“ว่าแต่ว่าท่าทางคุณโบนิตาเป็นคนรักสุขภาพนะครับ”
“ก็กำลังพยายามอยู่ค่ะ”
“เดี๋ยวถ้ากลับขึ้นห้องไป ผมมีหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ ผมจะให้คุณฟรี ๆ เล่มหนึ่ง”
“เกรงใจจังเลยค่ะ”
“มันขายไม่ค่อยออกน่ะครับ ผมเลยคิดว่า แจกฟรีก็เป็นวิทยาทาน”
“แล้วคุณมีแพลนว่าจะไปไหนต่อจากนี้ไหมครับ”
เธอมองหน้าเขาด้วยความฉงน
“ไปเดินเที่ยวในตลาดกับผมไหม” เขาชวนดื้อ ๆ
“ค่ะ” เธอรับปากเขาไปในทันที
ทั้งสองคนเดินลัดเลาะมาตามทางเดินสวนกับผู้คนมากมาย มีทั้งอาหารการกินที่ต้องซื้อชิมนิด ๆ หน่อย ๆ ตลอดทาง จนสองมือของทั้งคู่เต็มไปด้วยถุงใส่ของ
“มุมนี้สวยจังเลยค่ะ ครั้งที่เคยมาเที่ยวกับเพื่อน ๆ ยังไม่มีมั้ง คุณปลื้มถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมคะ” เธอพยายามจะล้วงไปเอามือถือในกระเป๋ากางเกง แต่มันมีของพะรุงพะรังเต็มสองมือ
“คุณโบนิตาครับ เดี๋ยวถ่ายจากมือถือของผม แล้วผมค่อยส่งให้ดีไหมครับ”
เธอยิ้มให้เขาอย่างเกรงใจ แต่ก็ยืนแอกชันส่งยิ้มให้กับกล้องและช่างถ่ายรูป เขาเห็นเธอเป็นคนยิ้มสดใส หน้าตาไม่มีแม้แต่เครื่องสำอางสักชิ้น
“กลับกันหรือยังคะ คุณปลื้มดูไม่เหนื่อยเลย แต่ส้มขาลากแล้วค่ะ”
“ยอมบอกชื่อเล่นของคุณแล้วหรือ” เขาช้อนสายตามอง
เธอทำหน้าไม่ถูก
‘เขาทั้งอ่อนโยนและดูเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เหมือนน้องชาย’
“ให้ผมช่วยถือของไหมครับคุณส้ม”
“ไม่ต้องค่ะ ส้มถือเองได้ กลับทางเดิมใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ”
ทั้งสองเดินอยู่ในตลาดอัมพวาตั้งเกือบสี่ชั่วโมง โบนิตาขอตัวเข้าห้องไป เขาก็ยืนส่งเธอที่หน้าห้องจนเธอปิดประตูลงกลอน
มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอมีอาการสั่น เธอรีบวางของแล้วดึงออกมาดู
มีมิสคอลจากหิรัญอยู่หลายสาย และมีมิสคอลของเอมมาลิน
และข้อความในมือถือเธอก็เด้งขึ้นมา คุณปลื้มได้แอดเธอเป็นเพื่อนในไลน์พร้อมกับส่งรูปถ่ายของเธอมาให้แบบรัว ๆ
(คืนนี้ ผมจะพาคุณไปดูหิ่งห้อยที่ใต้ต้นร่มลำพู)
ข้อความที่เขาทิ้งเอาไว้ใต้ล่างภาพ
โบนิตาถึงกับอึ้ง มันเกิดอะไรขึ้น เขาสนใจในตัวเธอ หรือว่าแค่เห็นว่าเป็นคนเคยรู้จักและจะได้ทำงานร่วมกันเท่านั้น
มีสัญญาณและข้อความส่งมาให้
โบนิตาที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงต้องหยิบขึ้นมาดู
(ผมเพิ่งตื่นนอน เมื่อคืนงานผมยุ่งไปหน่อย)
(เดี๋ยวผมอาบน้ำเสร็จ ผมจะไปหาอะไรกิน แล้วก็เย็นผมจะไปหาคุณที่ห้อง)
(คุณเลิกงานกี่โมง)
‘มันเรื่องของคุณไม่ใช่เรื่องของฉัน คนใจโลเล เห็นว่าฉันง่าย แล้วจะเอาทำเป็นของเล่นของคนรวยใช่ไหม ฝันไปเถอะ’ โบนิตาคิด แต่ใบหน้าของนายหิรัญก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวสมอง
สุดท้ายเธอก็ส่งข้อความที่เธอคิดไปให้เขา
(ไม่ต้องมายุ่งกับฉันแล้วนะ เห็นว่าฉันง่าย แล้วจะเอาทำเป็นของเล่นของคนรวยใช่ไหม ฝันไปเถอะ)
ทางด้านหิรัญ เขาเดินออกมาจากห้องน้ำเดินมาหยิบมือถือก่อนเพื่อเช็กข้อความของเธอ แต่ไม่มีวี่แวว เธอเปิดอ่าน แต่เธอไม่ตอบ
‘เป็นอะไร หรือว่างานยุ่ง’ เกิดความสงสัยขึ้นในหัวใจ
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด มือถือของเขาสั่นขึ้น
‘พี่ปลื้ม’
“จะโทร. มาเช็กงานหรือครับ”
(“เปล่า คุณเหมียวเธอส่งมาให้ฉันทางอีเมลแล้ว”)
“แล้วมีอะไร ไปที่ไหนอีกคราวนี้ ไม่เห็นโชว์รูปในอินสตาแกรม”
(“ฉันไม่เหมือนนาย ที่จะต้องโพสต์ทุกอย่างทุกเรื่องลงในนั้น”)
“ผมก็ไม่”
(“เหรอ แกไม่เห็นข่าวในเว็บฯ ต่าง ๆ ใช่ไหม”)
“ข่าวอะไร” เขาฉงน เพราะเพิ่งตื่นขึ้นมาไม่กี่นาทีที่แล้ว”
(“แกทำอะไรที่ห้องประชุมของฉันเมื่อวาน”)
พี่ชายส่งรูปที่ดูก็รู้ว่าเป็นหิรัญจูบอยู่กับอลิเชียแนบแน่น
“บ้าจริง ใครแอบถ่าย พี่จะมาสนใจว่าผมทำอะไร พี่หาตัวการที่แอบถ่ายรูปผมเถอะครับ แย่ที่สุดเลย ถ้ารู้ว่าเป็นใคร ผมจะไล่ออก”
(“แกมีสิทธิ์อะไรมาไล่คนในบริษัทฉันออก”)
“ก็สิทธิ์ของการเป็นน้องพี่ยังไงล่ะ”
(“ฉันให้เหมียวสืบดูแล้วว่าใครเป็นต้นตอของเรื่อง”)
“วุ่นวายไม่เลิก ยุ่งหัวใจจริง ๆ”
(“ที่แกบ่นเพราะกลัวว่าคนที่แกคบด้วยจะวีนแกละสิ”)
“แหงน่ะสิพี่ ผมคิดว่า ผมเจอรักแท้ให้แล้ว เธอเป็นเนื้อคู่ของผม” หิรัญรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่ได้เสียเป็นสามีกับโบนิตา
(“ฉันก็ว่าฉันเจอแล้วเหมือนกัน ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง”)
“ที่ไหน อย่าบอกนะ”
(“ใช่ ฉันเจอเธอที่นี่”)
“อุต๊ะ ร้ายจริง ๆ พี่เรา”
(“แต่ฉันก็ไม่ร้ายเหมือนแกหรอก ที่จับกดผู้หญิงไม่เลือกน่ะ”)
“โอ้โห... แรงโคตร ว่าแต่ว่าได้คุยกับเธอแล้วเหรอ รู้จักชื่อหรือยัง แล้วได้ทำอะไรที่มากกว่านั้นไหม”
(“แกนี่มันสอดตัวพ่อเลยนะ ไม่บอกโว้ย แค่นี้แหละ คนจะทำงาน”)
“อู้งานไปเขียนหนังสืออีกละสิ”
(“ก็เป็นสิ่งที่ฉันรัก แค่นี้นะ”)
“ดะ เดี๋ยวพี่...”
ตู๊ด...
“กดวางสายไปซะแล้ว”
เขานั่งลงไปที่โต๊ะกินข้าว เลื่อนนิ้วไล่ตามข่าวที่ลงในเว็บฯ ตามที่พี่ชายบอก
“ให้มันได้อย่างนี้สิ”
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที ข้อความมันก็เด้งขึ้นมาในมือถือของเขาอีกข้อความหนึ่ง
หิรัญได้เปิดอ่านข้อความของโบนิตาถึงกับหน้าหงาย
(ไม่ต้องมายุ่งกับฉันแล้วนะ เห็นว่าฉันง่าย แล้วจะเอาทำเป็นของเล่นของคนรวยใช่ไหม ฝันไปเถอะ)
‘เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย’
“คุณกายคะ คุณพ่อกับคุณแม่ให้มาตามให้ไปที่บ้านครับ”
“เรื่องอะไร พี่เพิ่มรู้ไหม”
“ไม่รู้ครับ แต่เห็นมีคุณอลิเชียอยู่ด้วย มากับกะเทยอีกหนึ่งคน”
“งานเข้าแล้วไหมกู” หิรัญรีบยกกาแฟขึ้นซดแล้วเดินไปหาพ่อกับแม่ทันที
อลิเชียนั่งร้องไห้กระซิก ๆ อยู่ข้าง ๆ ผู้จัดการส่วนตัว คุณมะดัน
“อย่าเพิ่งร้องไห้ไป เดี๋ยวก็ตกลงกันได้นะอลิส”
มะดันปลอบดาราสาวในสังกัด
ทั้งภุชงค์และคุณศิริพักตร์ถึงกับทำหน้าไม่ถูก
“มาแล้วค่ะคุณ” คุณศิริพักตร์พยักพเยิดให้สามีดูหน้าลูกชาย
“มานั่งตรงนี้” คุณพ่อทำเสียงเข้ม
อลิเชียเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาน้ำตานองหน้า
หิรัญถอนหายใจ ยกมือไหว้คุณพ่อคุณแม่ และคุณมะดันที่แก่กว่า
“เริ่มเลยนะคะ มะดันจะไม่อ้อมค้อมแล้ว” มะดันสีหน้าจริงจังและร้อนใจ
“ข่าวที่ออกไปนั่นแรงมาก มีผลกระทบกับน้องอลิสมากเลยนะคะ ยังไงมะดันก็ต้องให้จัดแถลงข่าวว่าทั้งสองคนคบกัน”
“เอ่อ...” คุณพ่อคุณแม่ถึงกับอึ้ง
แต่หิรัญยังทำหน้าวางเฉย มองสบตากับอลิเชียที่ตอนนี้ทำเป็นหลบสายตาของเขาเอาแต่ร้องไห้
“แล้วที่พี่เจ็บปวดก็คือ น้องอลิสกับคุณหิรัญอยู่ในบริษัทของคุณหิรัญนะคะ รูปนี้ก็ถ่ายที่นั่น หลุดลอดออกมาจากที่นั่น เสียหายมาก ๆ ค่ะ ไม่น่าจะเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น”
มะดันได้โชว์เนื้อข่าวในนั้นให้ทั้งสองท่านดูแล้ว
“แกมีอะไรจะแก้ตัว” ภุชงค์ถามลูกชาย แววตาและสีหน้าเหมือนจะเค้นเอาความจริง
“ทำไมต้องแก้ตัวครับ ผมจูบกับอลิสจริง แต่จริง ๆ ข่าวแบบนี้ก็ไม่ได้เป็นครั้งแรกไม่ใช่หรืออลิส”
หิรัญจ้องหน้าของอลิเชีย
“ว้าย... กายทำไมเป็นคนปากร้ายแบบนี้” คุณแม่ติง
อลิเชียถึงกับหน้าเสีย แต่ก็รีบปั้นหน้าเศร้า
“ก็พี่กายเบื่ออลิสแล้วก็พูดแบบนี้ออกมาได้ คนอะไรใจร้ายที่สุด พอเจอผู้หญิงคนใหม่ก็เขี่ยถีบหัวอลิสส่ง เมื่อก่อนไม่เห็นพี่กายพูดแบบนี้นี่คะ ฮือ...”
อลิเชียบีบน้ำตา
“อย่าร้องค่ะอลิส เดี๋ยวตาบวม จะต้องไปงานต่อจากนี้ด้วยสิคะ” เจ๊มะดันเริ่มหัวเสีย
“ตากาย” เสียงพ่อดังขึ้น รู้สึกว่าลูกชายของตัวเองไม่เป็นลูกผู้ชาย และเริ่มเห็นใจดาราสาว
“เมื่อวานพี่กายบอกเลิกอลิสค่ะ อลิสผิดอะไรคะ” เธอถามเขาน้ำตานองหน้า
“เอ่อ... อลิส เราสองคนยังไม่เคยเอ่ยปากว่าเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ”
“ทำไมพูดแบบนี้คะคุณหิรัญ จูบกัน กอดกัน รับน้องอลิสไปดูหนังรอบดึก รับไปกินข้าว รับไปเที่ยวด้วยกันที่พัทยา บางทีก็ไปถึงกระบี่ ภูเก็ต”
มะดันชักของขึ้น เด็กนางไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ อยู่ ๆ จะมาป้ายสีพูดทำนองว่าเด็กของนางแรด แววตาแสดงออกมาชัดเจนว่าเคืองอยู่ในใจ
“ทำอย่างนี้มันไม่ให้เกียรติกันชัด ๆ มะดันไม่ยอมนะคะคุณพ่อคุณแม่”
ทั้งสองท่านจ้องหน้าลูกชายแบบหนักใจ และเริ่มเอนเอียงไปทางอลิเชีย
“ยังไงจะรักจะเลิกกันก็ให้ผ่านไปอีกสักระยะค่ะ คุณพ่อคุณแม่ก็เห็นนะคะว่าภาพข่าวออกมาแรงขนาดไหน ถ้าไม่มีการแถลงข่าว พี่ก็ขอให้ออกงานคู่กัน หรือไม่ก็ไปส่งและไปนั่งเฝ้าอลิเชียสักระยะหนึ่งก็ได้ค่ะ ให้เรื่องนี้ซา ๆ ไปก่อน ไม่งั้นงานอะไรต่าง ๆ ที่จะเข้ามาต้องเสียไปหมด โอย... มะดันชักปวดหัว”