ตอนที่ 15

1441 Words
ท้องฟ้าเริ่มไร้แสง โบนิตาเพิ่งจะนึกออก เธอจะมาทำไมเอาป่านนี้ แล้วจะไปนอนที่ไหน ในหัวเริ่มสับสน เดินลงมาจากรถบัสที่จอดเทียบท่า ‘เอาวะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว’ เธอยกมือถือขึ้นมาแล้วเปิดหาห้องพักแบบโฮมสเตย์ที่เคยมาพักครั้งก่อน ยังจำชื่อได้คร่าว ๆ ‘อะฮ้า นี่ไง’ หญิงสาวเริ่มกดเบอร์ไปตามที่เห็น ‘ติดแล้ว’ (“สวัสดีครับ ม่านมะลิโฮมสเตย์ครับ”) “ค่ะ พี่ มีห้องพักว่างสักห้องไหมคะ” เธอยิงคำถามไปในทันที (“ว่างครับ พักกี่ท่านครับ”) พอได้ยินคำตอบเธอก็ถอนหายใจออกมาแบบโล่ง ๆ “หนึ่งคนค่ะ พี่คะรบกวนมารับที่ บขส. ได้ไหมคะ” (“ได้ครับ ค่ารถหนึ่งร้อยยี่สิบบาท”) “ยินดีจ่ายสองเท่าเลยค่ะ แต่พี่รีบ ๆ มาหน่อยได้ไหมคะ” จะไม่ให้กลัวได้อย่างไรแทบนับคนที่อยู่ในท่ารถนั้นได้ (“ครับผม ยังไงถ้าไปถึง ผมจะโทร. เข้าไปครับ”) หญิงสาวยิ้มอย่างดีใจ พ่นลมหายใจออกมาแบบโล่งอก ตลอดการเดินทางมีแต่เรื่องของอลิเชียและหิรัญอยู่เต็มหัว ‘ฉันไม่อยากเป็นมือที่สามของใคร’ ทำเหมือนกับตัวเองสวยมาก “เคยมาพักที่นี่เหรอครับ แต่ตอนนี้เราปรับปรุงใหม่ จะเหลือห้องพักทางด้านที่ติดริมคลองนี้เท่านั้น” “ตรงไหนก็ได้ค่ะ แต่พี่คะ พอจะมีอะไรให้กินไหมคะ ถ้าไม่ได้กิน ก็คงจะนอนไม่หลับ” เธอดูเวลา มันเกือบจะห้าทุ่มแล้ว “อ๋อ มีครับ ตรงนี้มีกาต้มน้ำร้อน มาม่าอยู่ในตู้ หยิบแล้วจ่ายเงินในกระป๋องได้เลยนะครับ กาแฟ โอวัลตินก็มี ราคาเขียนติดอยู่ทุกกระป๋องนะครับ” “ขอบคุณค่ะ” “นี่กุญแจห้อง เดินขึ้นบันไดไปอยู่ทางฝั่งขวามือครับ เบอร์ติดอยู่ที่หน้าห้อง แต่พยายามอย่าส่งเสียงดังนะครับ ห้องน้ำรวม ด้านบนมีสองห้อง ด้านล่างมีหนึ่งห้อง วันนี้คุณได้ห้องพัดลมนะครับ ห้องแอร์หมดคนพักเต็มครับ” “ค่ะ” “จะพักกี่คืนดีครับ” “ห้าค่ะ” ตอบไปแบบไม่ต้องคิด เธอจะต้องหนีใครบางคน และก็ไม่อยากทำให้ชีวิตของตัวเองวุ่นวายไปมากกว่านี้ด้วย โบนิตานอนเอามือก่ายหน้าผาก หยิบรูปของแม่กับยายที่อยู่ในกระเป๋าเงินขึ้นมาดู ใบหน้าของทุกคนในรูปดูยิ้มแย้ม และตัวเธอที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างแม่กับยายด้วย ‘ถ้าแม่ยังอยู่ ถ้ายายยังอยู่ หนูจะไม่เหงาแบบนี้ และหนูคงไม่เป็นแบบนี้’ น้ำตาไหลอาบสองแก้ม เธอนอนหลับไปทั้งน้ำตา เช้าวันใหม่ “เย้ ๆ เย้ ๆ” เสียงโดดน้ำตูมตาม และเสียงเด็กร้องเล่นกันลั่นไปทั้งคลอง โบนิตาลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเดินไปเปิดประตูเดินออกไปที่ระเบียง เธอก้มลงไปดูเด็ก ๆ ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม กำลังกระโดดลงไปในน้ำกันอย่างสนุกสนาน “เล่นน้ำกันตั้งแต่เช้าเลยนะ ไม่หนาวกันหรือไง” “ไม่เช้าแล้วละคุณ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดกับเธอ โบนิตาหันหน้าไปมอง ‘คุณปลื้ม ศิริพัฒนายางกูร’ เธอจำใบหน้าของเขาได้ เจอกับเขาเมื่อไปเสนองานครั้งก่อน ใบหน้าแบบนี้ ลักยิ้ม และแว่นตากรอบดำที่เขาใส่ เขาชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง “สิบเอ็ดนาฬิกายี่สิบห้านาที แล้วครับ ถึงเวลากินข้าวเที่ยงแล้ว” เธอยิ้มกว้างให้กับเขา ชื่อของผู้ชายอีกคนหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสมอง ‘หิรัญ ศิริพัฒนายางกูร’ ‘ทำไม โลกนี้ถึงเล่นตลกกับฉันจัง’ “มาเที่ยวหรือครับ” “ค่ะ พักร้อนค่ะ” เธอค่อย ๆ นั่งลงที่หน้าห้องของตัวเอง ที่ระเบียงห้องของเขา มีทั้งโน้ตบุ๊ก และเครื่องทำกาแฟอย่างดีวางเอาไว้ใกล้ ๆ “ฉันมาถึงที่นี่ดึกน่ะค่ะ กว่าจะได้นอน” “กาแฟสักแก้วไหมครับ” “ไม่ละค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ฉันไม่ดื่มกาแฟน่ะค่ะ” เขาพยักหน้ารับรู้ เธอมองไปรอบ ๆ ทุกสิ่งรอบตัวดูเย็นและสบายตาไปหมด “ผมชอบหนีงานมาที่นี่บ่อย ๆ น่ะครับ” เขาเล่าให้เธอฟัง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ถาม ‘อ้อ มิน่าล่ะ เมื่อวานน้องชายเลยไปทำงานแทน’ ‘เขาชวนเราคุยแบบนี้ แสดงว่าเขาจำเราไม่ได้ละสิ’ เธอก้มมองสภาพตัวเอง ผมเผ้าก็คงยุ่งเหยิงเหมือนเดิม และชุดนอนลายการ์ตูนนี่เธอหันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้กับเขา ได้เจอกับผู้ชายหล่อ ๆ หน้าตาดี ๆ ในตอนเช้า ๆ ในสภาพที่เยินที่สุด “ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” เธอยิ้มให้เขาแบบอาย ๆ หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว นึกขายขี้หน้าเขาอยู่เหมือนกัน คุณปลื้มยิ้มให้ โบนิตาหายวับเข้าไปในห้อง “โธ่เอ๊ย ยังจะมาเจอได้อีกนะ อะไรกันไม่เข้าใจชีวิตเลย” เธอพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ “พี่คะ ขอก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กค่ะ ใส่ทุกอย่างเลยนะคะ” โบนิตาเดินไปเลือกที่นั่งที่ได้ห้อยขาดูแม่น้ำที่ไหลผ่าน และผู้คนที่เริ่มเดินกันขวักไขว่ ดีว่าเป็นวันอังคารนักท่องเที่ยวก็ยังไม่เยอะ ‘ต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีกหรือ’ เธอคิด ก้มตัวลงไปเอามือเท้าคางมองไปแบบไม่มีจุดหมาย “ผมนั่งด้วยคนนะครับ” เสียงคุณปลื้ม “คะ” เธอหันหน้าไปมอง เมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา “เชิญค่ะ” “ร้านนี้อร่อยที่สุดในแถวนี้แล้วครับ ผมมากินทุกวัน” “ค่ะ” เธอไม่รู้จะคุยอะไรกับเขาดี เขาก็แต่งตัวสบาย ๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้นและรองเท้าช้างดาว ดูเป็นคนง่าย ๆ โบนิตาก็อยู่ในชุดแสนจะลำลอง ง่าย ๆ เหมือนใส่อยู่แถว ๆ บ้าน กะว่ากินให้อิ่มท้องจะไปนอนเอกเขนกอยู่ในห้อง นอนให้เต็มตา แล้วอ่านหนังสือที่เธอซื้อติดมาด้วยสองสามเล่ม “สงสัยคุณจะมาแถบนี้บ่อยนะคะ ดูคุ้นเคย” “ผมมีอาชีพหนึ่งเป็นนักเขียนหนังสือน่ะครับ” “หื้อ หรือคะ ไม่รู้มาก่อนเลย เขียนเกี่ยวกับเรื่องอะไรคะ” “การทำอาหาร สูตรขนมไทยอร่อย ๆ แล้วก็สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยของเรา” “อื้อฮือ เป็นอะไรที่น่าสนใจทั้งนั้นเลย” เธอยิ้มปากกว้าง รู้สึกปลื้มเขาให้สมกับชื่อว่าปลื้ม “ไม่เชื่อหรือครับ” “เชื่อค่ะ คนเก่ง ๆ อย่างคุณปลื้ม ทำอะไรก็คงสำเร็จไปหมด” ‘อุ๊บ... ทำเป็นรู้จักชื่อของเขาไปอีก’ หญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดปาก สายตาของคุณปลื้มรู้สึกแปลกใจที่เธอรู้จักชื่อของเขาด้วย เขาหันมามองเธอเต็มตา แล้วพินิจพิจารณา “อ๋อ... ผมจำคุณได้” โบนิตายิ้มแห้ง ๆ ‘เสือกมาจำตรูได้อีก ไม่น่าหลุดปากเรียกชื่อแกออกไปเลย’ “ค่ะ โบนิตาจากบริษัทโฆษณาค่ะ” เธอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ “เอ้ แล้วทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้ล่ะครับ” เขาสงสัย เมื่อวานเธอมีนัดกับเขาเพื่อตกลงเรื่องงาน แล้ววันนี้เธอมาโผล่และนั่งกินลมอยู่ที่นี่ “พักร้อนค่ะ โทษฐานที่ทำงานสำเร็จ” เธอยิ้มหวาน พนักงานเดินเอาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ ในชามของทั้งคู่เหมือนกันทุกอย่าง ทั้งเส้น และก็เครื่องเคียง “ชอบเส้นเล็กเหมือนกันเลยนะครับ” “ค่ะ มันอร่อยดี กินเส้นอื่นไม่เป็นน่ะค่ะ” “ผมก็เหมือนกัน ไปเที่ยวต่างประเทศยังต้องพกเส้นเล็กไปด้วยเลย” “จริงหรือคะ” เธอหัวเราะในความตลกของเขา “วันหลังถ้ามีโอกาส ผมจะผัดไทยเส้นเล็กให้คุณกิน” “อุ้ย... ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ” เขาแสดงอาการเป็นมิตรและต้องการผูกมิตร พอเห็นเธอทำหน้าเหลอหลารีบพูด “ยังไงต้องได้ร่วมงานกันอยู่แล้ว คงเป็นวันศุกร์ผมถึงจะกลับไปเซ็นสัญญาแล้วส่งให้ แจ้งทางคุณสายชลได้เลยนะครับ ว่าให้เตรียมพร้อมได้เลย” “ยังห่วงเรื่องงานอีกเหรอคะ” “ขอโทษครับ ผมลืมไปว่าคุณพักร้อน กินสิครับ เดี๋ยวเส้นอืดกว่านี้จะไม่อร่อยนะครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD