ในค่ำคืนที่มืดมิด สาวน้อยเดินมาตามทางที่มืดสนิท บ้านหลายหลังต่างปิดไฟมืดกันหมดความหวาดกลัวเข้าครอบงำเมื่อเสียงแมวร้องมาเป็นระยะและใกล้ขึ้นเรื่อย
เมี๊ยววว~~~~
" ฮือ อย่าเข้ามานะ " ความอ่อนแอของเธอในเวลานี้ทำให้เธอคิดกลัวแม้กระทั่งเสียงแมว ขาเล็กรีบก้าวฉับๆเร็วขึ้นหวังว่าให้ไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด
เอี๊ยดดดด!!!
" อ้ะ " ร่างเล็กเซถลาล้มลงกับพื้นจนเข่าของเธอเกิดแผลถลอก คนขับเดินลงมาจากรถด้วยท่าทีตกใจ
" พี่ผิง " เป็นธาราที่ขับรถกลับมาจากบ้านของสายน้ำเข้าพอดี ก่อนที่เขาจะโทรบอกสายน้ำและพาผิงไปรอที่บ้านของเขาก่อนไม่นานสายน้ำก็มาถึงสองสาวโผเข้ากอดกันน้ำตาของผิงไหลออกมาอีกครั้ง
หลายวันต่อมา
" ผิง มาหาป๊ามาลูก " สาวน้อยที่ใบหน้าเศร้าหมองเดินเข้าหาพ่ออย่างปฏิเสธไม่ได้
" ป๊าขอโทษ " อิทธิพลกุมมือลูกสาวเบาๆพร้อมกับเอ่ยขอโทษโดยที่ผิงผิงเองก้มต่ำไม่สบตากับพ่อ
" ผิงต้องกลับไปเรียนแล้วนะป๊า " เธอเลือกที่จะพูดคุยเรื่องอื่นแทนเพราะไม่ต้องการพูดถึงเรื่องคืนนั้น
" วันไหน ป๊าซื้อรถให้เอามั้ย " อิทธิพลพยายามพูดคุยกับลูกสาวเหมือนเดิม
" ไม่เป็นไรค่ะ " ผิงผิงพูดจบก็เดินขึ้นห้องไปเก็บของเพราะเธอต้องการที่จะไปก่อนถึงวันจริงๆเหลือเวลาอีกเป็นเดือนก่อนที่จะเปิดเทอม
่อิทธิพลมองลูกสาวที่เดินลงมาด้วยกระเป๋าเป้เพียงใบเดียว ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มตอนนี้มันกลับเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด
" ผิงไปนะป๊า " อิทธิพลเข้ากอดลูกสาวมือหนาลูบผมเบาๆ เสียงสะอื้นไห้ของลูกสาวทำหัวใจแกร่งสั่นไหวก่อนจะกลั้นมันเอาไว้เพราะเขาเลือกทางนี้แล้ว
" ดูแลตัวเองดีๆนะลูก มีอะไรบอกป๊านะ ป๊าจะรอหนูอยู่ตรงนี้ทุกวัน ป๊ารักหนูที่สุดเลยนะ " น้ำตาที่ถูกกลั้นไว้ไหลลงอาบสองแก้มเนียน
" ป๊าาา ฮึก ผิงก็รักป๊านะ " ผิงผิงสวมกอดอิทธิพลครู่นึงก่อนจะเดินไปที่หน้าบ้าน ขาเล็กก้าวขึ้นรถเก๋งสีดำคันหรูที่มารอรับเธออยู่ก่อนแล้ว
เดย์ อายุ21ปี วิศวะปี3 ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมคิ้วสวยราวกับกระบี่ ดวงตาที่ดูยิ้มตลอดเวลาผิวขาวเนียนราวกับผู้หญิงก็มิปานกับส่วนสูงที่มาตรฐาน180+
รุ่นพี่ของธาราเธอมีโอกาสได้คุยได้รู้จักในฐานะรุ่นพี่ บังเอิญว่าเขามาแข่งบอลกับธาราและพักที่บ้านของธารา เขาจะเดินทางกลับวันนี้ผิงผิงเลยขอติดรถเขากลับไปด้วย
" โอเคป่าว " เสียงนุ่มเอ่ยถามทันที เมื่อมองท่าทีของคนด้านข้างที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ใบหน้าที่เขาเคยเห็นมีเพียงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะวันนี้มันกลับดูหม่นหมองโศกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ขอบตาแดงราวกับพึ่งร้องไห้มาอย่างหนัก
" โอเคค่ะ " เสียงเล็กที่สั่นเครือตอบกลับมาโดยที่ไม่มองหน้าเขา
" ยิ้มหน่อย " เดย์ถือวิสาสะจับไปที่แก้มใส ตากลมโตใต้แว่นหนาดูไม่มีชีวิตชีวาหยดน้ำใสๆค่อยเอ่อล้นออกมาและค่อยๆไหลลงที่แก้มใส
" พี่เดย์ ฮือๆ ฮึก " สาวน้อยเอี้ยวตัวโผเข้ากอดคนด้านข้างแน่น เพื่อหาที่พึ่งพิงในยามนี้แขนเล็กเกี่ยวกอดที่คอแน่นและร้องออกมาอย่างหนักหน่วงจนเขาต้องยกมือขึ้นมาลูบหลังปลอบอยู่นาน
" ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่ตรงนี้เงียบก่อนเร็วคนเก่ง " เสียงปลอบโยนกับอ้อมกอดที่อบอุ่นมันถูกส่งผ่านไปยังหัวใจของสาวน้อยทำให้เธอค่อยๆผ่อนเสียงร้องลงและหยุดในที่สุด ชายหนุ่มค่อยๆเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าให้จนเหือดแห้ง
ถึงคราที่รถมุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่ สายตาคมจ้องมองทางสลับกับคนตัวเล็กที่นั่งเงียบมองสองข้างทางด้วยสายตาเหม่อลอย
" กินอะไรหน่อยไหม " เสียงทุ้มเอ่ยถามคนด้านข้างก่อนจะได้คำตอบเป็นการส่ายหัวกลับมา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากในมือเล็กก่อนที่เธอจะกดรับและไม่พูดจา เดย์มองอยู่สักพักก่อนที่ใบน้ำนั้นจะมีน้ำตาไหลผ่านอีกครั้ง
" แม่หรอคะ ฮึกกกก แม่ "
" แม่เป็นยังไงบ้างคะ ฮืออออ ผิงเป็นห่วงแม่ "
" ได้ค่ะ ผิงจะไปหาแม่ตอนนี้เลยนะคะ " ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาทว่ายังมีรอยยิ้มให้เห็นแววตาที่แสดงถึงความดีใจ
" พี่เดย์ ช่วยอะไรหน่อยได้ไหมคะ " หญิงสาวถอดแว่นใสออกก่อนจะเช็ดน้ำตาจนหมดหน้า เดย์ที่รอฟังอยู่เป็นจังหวะเดียวกับไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดง
" พาผิงไปหาแม่หน่อยได้ไหมคะ "
" ที่ไหน " เมื่อมองดูหน้าจอที่สาวน้อยยื่นมาให้เขาก็พยักหน้าตอบตกลงไป และได้รอยยิ้มหวานกลับมาอีกครั้ง
ใช้เวลาเดินทางกว่าสองชั่วโมงรถก็ได้หยุดอยู่ที่บ้านทรงไทยหลังใหญ่ หน้าบ้านเป็นสนามหญ้ากว้างมีต้นไม้ปลูกอยู่บางจุดให้ร่มเงา ผิงมองไปรอบๆด้วยความหลงไหล
" ผิง "
" แม่คะ " สาวน้อยวิ่งโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ด้วยความคิดถึง สายตาเหลือบไปเห็นชายชราเดินมือขัดหลังตามออกมา
" พ่อคะ " ธิดาหันไปหาชายชราก่อนจะโอบผิงแนบข้างเดินเข้าหา
" สวัสดีค่ะ " ผิงผิงเอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้โดยที่ไม่ต้องรอให้คนเป็นแม่แนะนำ
" ดูสิ แม่แกใจร้ายกับตาขนาดไหน " ชายชราพูดขึ้นปนขำ
" โถ คุณพ่อคะ "
" หลานสาวโตขนาดนี้แล้วพึ่งจะพามาหาพ่อ " ชายชราพูดเชิงน้อยใจแต่ใบหน้านั้นยังส่งยิ้มให้ผิงอย่างอบอุ่น
" แล้วนี่มารถใคร " ธิดาหันไปมองที่รถ ชายหนุ่มที่นั่งมองภาพทุกอย่างภายใต้ฟิล์มดำสนิทปากหยักยกยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นว่าคนที่กอดเขาร้องไห้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาตอนนี้ยิ้มร่าดีใจราวกับเด็กได้ลูกอม
" รุ่นพี่ค่ะ พอดีผิงขอติดรถพี่เขากลับหอ แม่โทรมาพอดีหนูเลยให้พี่เขาพามา " สาวน้อยตอบกลับผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันกลับไปมองที่รถคันนั้น
" ตายจริง ไปรบกวนพี่เขาแบบนั้นเกรงใจแย่เลย " ว่าจบธิดาก็เดินไปที่รถชายหนุ่มเมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็ลงจากรถมายืนรอด้วยท่าทีสำรวม
" รุ่นพี่ของผิงผิงใช่มั้ยจ้ะ "
" สวัสดีครับ "
" น้าขอโทษด้วยนะจ้ะที่น้องไปรบกวน ลำบากแย่เลย " เสียงนุ่มของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้
" ไม่ลำบากเลยครับ ยินดีครับ " เดย์ตอบออกไปพลางก้มหน้าเล็กน้อย
" เข้าข้างในก่อนจ้ะ ปะ " ธิดาเอ่ยชวนอย่างเป็นกันเอง แม้ในใจจะคิดว่าเป็นแฟนลูกสาวอยู่ก็ตาม
" เอ่ออออ " เดย์ที่แอบรู้สึกเกรงใจอยู่ลึกๆแต่หาคำปฏิเสธไม่ได้
" ไปเถอะจ้ะ กินข้าวด้วยกันก่อนน้าทำกับข้าวไว้หลายอย่างเลย " เมื่อไม่รู้จะปฏิเสธยังไงชายหนุ่มจึงยอมเดินตามไป
เดย์พาร์ท
ผมที่มองดูคนตรงหน้าที่นั่งทานข้าวท่าทางอร่อย แก้มป่องๆของเธอเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ พูดคุยกับแม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมเองก็เบาใจถ้าเทียบกับเมื่อตอนก่อนออกมาจากบ้าน แปลกที่เวลาเห็นน้ำตาและได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเธอหัวใจของผมมันก็เจ็บตามไปด้วย
ผมมีโอกาสได้รู้จักเธอเพราะธารารุ่นน้องของผมพามาแนะนำ จากนั้นพวกเราก็เหมือนจะเริ่มสนิทกันมากขึ้น ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น ผมไม่รูว่าเพราะอะไรถึงทำให้เธอมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผมมากขนาดนี้ผมอยากเห็นเธอยิ้มมากกว่าร้องไห้
" ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับ "
" ยินดีจ้ะ แวะมาทานบ่อยๆนะ " แม่ของผิงผิงเอ่ยกับผมด้วยท่าทางอ่อนโยนจนผมรู้สึกคิดถึงแม่ผู้ที่จากผมไปอยู่บนฟ้า
" ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ "
" อ้าว กลับยังไงล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว อันตราย " คุณน้าบอกกับผมอีกครั้ง
" ไม่เป็นไรครับ ผมขับจนชินแล้ว "
" ค้างนี่เถอะ ทางแถวนี้อันตรายด้วย พรุ่งนี้ค่อยกลับ "
" จริงพี่เดย์ ค่อยกลับพร้อมกันพรุ่งนี้ หนูไปด้วย " เสียงหวานพูดตามหลังของผู้เป็นแม่ ทนความรบเร้าไม่ไหวอีกอย่าก็เกรงใจจึงยอมทำตามนอนค้างที่บ้านของคุณตาผิงผิง
เมื่อนอนมองเพดานห้องที่เป็นไม้สักทองสีสวยและโคมไฟอบอุ่นก็นึกถึงใบหน้าและแว่นอันหนาเตอะของเธอทันที
" ฝันดีนะ ตัวเล็ก " ผมพูดออกมาคนเดียวเพราะเธอคงไม่ได้ยิน
ก็อกๆๆ!!!
ผมเปิดประตูออกไปก็พบกับคนตัวเล็กที่ผมพึ่งนึกถึงยืนถือน้ำเปล่ามาให้
" ขอบคุณครับ "
" หลับให้สบายนะคะ "
" ห้ะ เดี๋ยวพี่ว่ามันแปลกๆ "
" เอ้ย ฝันดีค่ะ ฮ่าๆๆ " เมื่อนึกได้คนตัวเล็กตัวเอาแต่หัวเราะร่าออกมาจนผมต้องยิ้มตาม
" ฝันดีครับ " ผมโน้มตัวลงจนสายตาของเราอยู่ระดับเดียวกันทว่ามันทำให้ใบหน้าอยู่ใกล้กันเพียงคืบเดียว คนตัวเล็กที่หัวเราะอยู่เมื่อครู่หยุดกระทันหันก่อนจะเดินหันหลังท่าทางแปลกๆไปทางห้องของเธอที่อยู่ถัดจากผมไป
(คนอะไรน่ารักชะมัด อยากได้เป็นแม่ของลูก)