Episode 06
หลังจากที่ผมกินข้าวต้มที่เธอซื้อให้เสร็จ ผมก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาบ้างพอสมควร มีมากพอที่จะขับรถกลับบ้านเองได้เลยครับ ตอนแรกกะว่าถ้าไม่ไหวจริงๆ จะโทรให้ที่บ้านมารับแล้วนะเนี่ย อันนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับเลิฟเขาไปครับ
“ขอบคุณนะ พี่ดีขึ้นมากเลย ว่าแต่…ค่าของพวกนี้นี่ทั้งหมดเท่าไหร่เหรอ?” ผมหันไปถามเธอที่กำลังเก็บขยะใส่ถุง เตรียมตัวที่จะนำมันไปทิ้ง ซึ่งขยะพวกนั้นก็คือถ้วยและขวดน้ำที่ผมกินหมดแล้วนั่นเอง
“อันนั้นไม่ต้องก็ได้ค่ะ เพราะหนูเต็มใจที่จะซื้อให้พี่เอง”
“ไม่เอาแบบนั้นสิ พี่เกรงใจ” ผมหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาและกดเข้าแอปธนาคาร ก่อนที่จะยื่นให้เธอ เพื่อที่จะให้เธอพิมพ์เลขบัญชีและจำนวนเงินลงไปเอง “อยากได้เท่าไหร่ก็พิมพ์เอาเองนะ”
“แล้วถ้าหนูไม่อยากได้สักบาทเลยล่ะค่ะ”
“แล้วทำไมถึงไม่อยากได้ล่ะ?” เลิกคิ้วมองเล็กน้อย
“ก็เพราะว่าหนูเต็มใจทำให้พี่ โดยที่ไม่หวังเรื่องเงินมาเป็นค่าตอบแทนยังไงล่ะคะ”
“เธอทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร? พี่โคตรไม่เข้าใจเธอเลย”
“ทุกการกระทำ…ย่อมมีเหตุผลของมันเสมอค่ะ”
“แล้วเหตุผลของเธอคืออะไร? ช่วยบอกพี่หน่อยได้ไหม?”
“ถ้าหนูพูดไป พี่ต้องมองว่าหนูบ้าไปแล้วแน่ๆ”
“ทำไม? เหตุผลของเธอมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ในสายตาของหนู หนูมองว่ามันไม่ใช่เรื่องแย่อะไร แต่ถ้าในสายตาของพี่ รวมไปถึงสายตาของคนอื่นๆ ก็อาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่แย่และบ้ามากๆ ก็ได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยบอกพี่ทีได้ไหม? ว่าเหตุผลของเธอคืออะไร?” เอ…หรือว่าผมจะโดนน้องรหัสตามจีบเข้าซะแล้วนะ? “มันคงไม่ยากเกินกว่าจะบอกกันใช่ไหม?”
“ไม่ยากหรอกค่ะ แต่ก็คิดหนักอยู่เหมือนกันว่าจะพูดดีไหม เพราะหนูยังไม่พร้อมที่จะพูดกับพี่ตอนนี้” ชัดเลย อาการแบบนี้ เธอตกหลุมรักผมเข้าแล้วชัวร์ๆ!
ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่อาการของฝ่ายหญิงมันฟ้องน่ะครับ
“เอาแบบนี้ดีไหม? พี่ให้เวลาเธอกลับไปรวบรวมความกล้าหนึ่งคืน ซึ่งก็คือคืนนี้ แล้วพรุ่งนี้เธอก็ค่อยมาบอกพี่อีกที ว่าเหตุผลของเธอมันคืออะไร โอเคไหม?”
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันที่ใต้ตึกสิบเอ็ดนะคะ หนูจะรอพี่อยู่ที่นั่น” หลังจากที่ตกลงกันได้ พวกเราก็เดินออกมาจากห้อง และแยกย้ายกันกลับบ้านทันที
วันต่อมา
พอมาถึงมหาวิทยาลัย ผมก็พุ่งตรงมาที่ใต้ตึกสิบเอ็ดทันที และเมื่อมาถึงก็พบว่าเธอมานั่งรอผมอยู่ก่อนแล้ว ผมโบกมือให้เธอเล็กน้อย เพื่อที่เธอจะได้รู้ว่าผมมาแล้ว และเมื่อเธอเห็นผม เธอก็โบกมือกลับ และรีบเดินเข้ามาหาผมก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปถึงตัวเธอ
“ไง?”
“อรุณสวัสดิ์นะคะ” เธอยิ้มหน้าแป้น และยื่นขนมมาให้ผม “อันนี้ขนมของพี่ค่ะ หนูซื้อมาให้” เนี่ย…การกระทำแบบนี้! ถ้าไม่ได้เรียกว่าจีบแล้วจะให้เรียกว่าอะไร
“ขอบคุณนะ” ผมรับขนมมา และรีบแกะกินในทันที วันนี้ผมตื่นสายก็เลยไม่ได้กินข้าวเช้ามา ผมหิวครับ ซึ่งขนมที่เธอเอามาให้ผมในวันนี้ก็คือคัพเค้กครับ
“เรามา…เริ่มกันเลยไหมคะ?”
“นั่งคุยกันดีกว่า พี่ไม่อยากยืนนานๆ มันเมื่อย” ว่าแล้วก็พากันเดินไปนั่งที่โต๊ะทันที “มา พี่พร้อมแล้ว”
“หนูหวังว่าเมื่อพี่ฟังจบแล้ว พี่จะเข้าใจในเหตุผลของหนู และไม่มองว่าหนูเป็นคนบ้าหรือตัวประหลาด”
“อืม…ว่ามาสิ”
“คือ!” เธอเม้มปากเข้าหากันแน่นด้วยความประหม่า แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความลังเลแบบสุดๆ ให้เดานะครับ เธอคงจะไม่กล้าบอกชอบผมแน่ๆ ผมรู้! อาการแบบนี้ผมก็เคยเป็นมาก่อน สมัยหัวโปกๆ น่ะ แฮะๆ “คือว่า…”
“คือว่าอะไร…?” ผมเลิกคิ้วมองเธอไปพร้อมๆ กับหยิบคัพเค้กขึ้นมากิน
“พี่ช่วยมาเป็นพ่อของลูกให้หนูหน่อยได้ไหมคะ!” ผมก็ชะงักไปในทันที
“…”
นี่มัน…
เรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!
งงมาก!
“คือยังไง? มันเป็นประโยคบอกรักแบบใหม่เหรอ?”
“มันก็ก้ำกึ่งกันนั่นแหละค่ะ แต่สิ่งที่หนูกำลังจะพูดก็คือ…หนูอยากให้พี่มาเป็นพ่อของลูกให้หนู หนูอยากมีลูกเป็นของตัวเอง ซึ่งการที่เด็กคนนึงจะเกิดมาได้นั้น ก็ต้องมีทั้งพ่อและแม่ใช่ไหมล่ะคะ? และใช่ค่ะ หนูเป็นแม่ แต่หนูขาดพ่อค่ะ พี่พอจะช่วยมาเป็นพ่อให้ลูกของหนูได้ไหมคะ!?”
“หมายความว่า…เราสองคนต้องมีอะไรกัน เพื่อที่จะสร้างเด็กคนนึงขึ้นมาน่ะเหรอ?” นี่เป็นประโยคเชิญชวนแบบใหม่หรือเปล่านะ แบบนี้ไม่เคยเห็นเลย ปกติมีแต่เดินเข้ามาสะกิดแล้วก็จูงมือผมขึ้นห้องไป มาแนวแปลก “ถ้าเธอจะเอาแบบนั้น ก็…ไปตอนนี้เลยก็ได้นะ ไม่เรียนละ”
“ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” เธอส่ายหัวปฏิเสธรัวๆ ก่อนที่จะหยิบเอกสารบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเธอ “หนูไม่ได้หมายความว่าให้เราสองคนมามีอะไรกันแล้วพอหนูท้องก็แยกทางกัน แต่สิ่งที่หนูต้องการจะสื่อก็คือ…การทำเด็กหลอดแก้วค่ะ ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์”
อ๋อ…โอเค
ไม่ใช่ประโยคเชิญชวนให้ไปทำเรื่องอย่างว่า แต่เป็นแนวจริงจังนี่เอง
ขอโทษครับ
แฮะๆ
“อันนี้เป็นข้อมูลที่หนูได้ไปศึกษามาค่ะ ซึ่งในประเทศไทย การที่เราจะทำเด็กหลอดแก้วได้ คนทำต้องเป็นคู่สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ต้องมีทะเบียนสมรสมายืนยัน ไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ แล้วก็ไม่ได้เป็นแบบต่างประเทศด้วย ที่ผู้หญิงจะสามารถหาน้ำเชื้อจากคนที่มาบริจาคในโรงพยาบาล”
[ข้อมูลจาก : https://www.smileivf.com/ทะเบียนสมรส-icsi-iui-ivf/]
“เธอก็เลย…จะมาขอของพี่น่ะเหรอ?”
“พูดกันตรงๆ ก็…ใช่ค่ะ” เธอขำแห้ง และรีบเก็บเอกสารที่เอามาโชว์ผมลงไปทันที
“แล้วทำไมเธอไม่ไปรับเลี้ยงเด็กเอาล่ะ”
“ก็หนูบอกไปแล้วไงคะ ว่าหนูอยากมีลูกเป็นของตัวเอง ลูกที่หนูได้อุ้มท้อง ได้เลี้ยงดู แล้วก็ได้คลอดเขาออกมาด้วยตัวเอง” พอพูดเรื่องลูก แววตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที “หนูสัญญานะคะว่าหนูจะเป็นแม่ที่ดี หนูจะดูแลเขาให้ดีที่สุด หนูจะตั้งใจทำงานหาเงินเพื่อมาส่งเสียให้เขาได้เรียนสูงๆ จะหามาให้เยอะๆ เลยด้วย”
“ถ้าพี่ตกลง…คือเราก็ต้องแต่งงานกันใช่ไหม?”
“ไม่ต้องแต่งค่ะ เพราะที่หนูคิดไว้ก็คือเราสองคนก็จดทะเบียนสมรสกัน แล้วหลังจากนั้นเราก็ไปทำเรื่องเด็กหลอดแก้ว พอทำสำเร็จจนหนูคลอดเขาออกมาได้อย่างเป็นตัวเป็นตนและปลอดภัยแล้ว เราก็ค่อยไปทำเรื่องหย่า แล้วหลังจากนั้นก็แยกย้ายกันได้เลย โดยที่พี่ไม่ต้องมาทำหน้าที่พ่ออะไรทั้งนั้น ไม่ต้องมาหา ไม่ต้องแสดงตัวว่าเป็นพ่อ ไม่ต้องมาส่งเสียเลี้ยงดูอะไรทั้งนั้น เพราะหนูจะเลี้ยงดูเขาด้วยตัวของหนูเอง อ่อ! แล้วก็จะไม่มีการใช้ลูกมาเป็นข้ออ้างเพื่อเข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรในชีวิตของพี่อีกด้วยค่ะ”
“โทษนะ…แต่ทำไมต้องเป็นพี่ด้วย?”
“ก็เพราะว่าพี่เป็นคนดีไงคะ และหนูก็อยากให้ลูกของหนูมีพ่อที่น่ารักแล้วก็จิตใจดีแบบพี่”
“…” ไม่น่าเกิดมาเป็นคนดีเลยเรา
เฮ้อ!
รู้งี้หัดตบยุงเล่นซะบ้างก็ดี
“พี่เป็นผู้ชายที่ดีแล้วก็น่ารักมากๆ เวลาที่หนูได้อยู่ใกล้พี่ หนูรู้สึกอบอุ่นแล้วก็สบายใจมากๆ ด้วยเช่นกัน หนูอยากให้ลูกของหนูมีพ่อที่ดีแบบพี่ แม้ว่าสุดท้ายแล้วหนูจะไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพ่อให้ลูกได้รู้ก็ตาม แต่หนูก็พูดกับลูกได้เต็มปากว่าพ่อของลูกเป็นคนดีแล้วก็หล่อมากด้วย ถ้าพี่ตกลง เดี๋ยวคืนนี้หนูส่งสัญญาไปให้ทางอีเมลนะคะ แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มทำตอนนี้หรอกนะ เอาไว้รอให้หนูเรียนจบและมีงานทำก่อน ตอนนี้หนูยังไม่พร้อม กำลังอยู่ในช่วงกำลังข้ามมองสร้างไปก่อน”
“กำลังสร้าง มองข้ามไปก่อนไหม?”
“ค่ะ! มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ!”
“…”
“แล้วสรุป…พี่จะตกลงไหมคะ?”
“ไม่!”
และหลังจากที่ผมปฏิเสธเธอไปในวันนั้น ชีวิตของผมก็ไม่เป็นอันมีความสุขอีกเลย เพราะเธอ…ตามตื๊อผมทุกวัน
และยังคงตามตื๊อผมอยู่อย่างนั้น…ตลอดไป~
จนกระทั่งผมเรียนจบปริญญาตรี และได้เดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศเยอรมัน นับตั้งแต่ตอนนั้น ผมกับเธอก็ไม่ได้พบเจออะไรกันอีก จนกระทั่งวันนี้…
วันที่เธอมาสมัครงานที่บริษัทของผม และในตำแหน่งเลขาของผม…
ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!