เมื่อกลับมาที่หมู่บ้านองครักษ์เฉินชุนได้รับคำสั่งให้ไปพบหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อบอกความต้องการของกู้ฮุ่ยหนิงให้หัวหน้าหมู่บ้านรับรู้และเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้หลอกลวงชาวบ้านให้เก็บต้นหญ้ามาทิ้งให้เหนื่อยเปล่า กู้ฮุ่ยหนิงจึงตกลงกับพี่ชายทั้งสองคนว่าคืนนี้จะพักค้างแรมที่หมู่บ้านแห่งนี้หนึ่งคืน และพรุ่งนี้เช้าจะเริ่มรับซื้อต้นสมุนไพรที่ชาวบ้านเก็บมาจนถึงยามอู่และอีกสองวันจะมีคนรับใช้จากจวนตระกูลกู้มารับซื้อสมุนไพรอีกครั้ง
กู้ฮุ่ยหนิงยังประกาศให้ชาวบ้านได้รับรู้ทั่วกันว่าทุกสองวันคนของจวนตระกูลกู้จะเดินทางมาซื้อสมุนไพรที่พวกเขาเก็บได้ กู้ฮุ่ยหนิงได้มอบหน้าที่ให้อันฉีไปอธิบายวิธีการเก็บรักษาสมุนไพรที่ชาวบ้าน เพื่อไม่ให้สมุนไพรเกิดความเสียหายก่อนที่คนตระกูลกู้จะเดินทางมารับซื้อ
“หนิงเอ๋อเจ้าจะเอาต้นหญ้าพวกนั้นไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น”
“เอาไปขาย”
พรุ๊ดดดด!!!!
“แค๊กก!!!ๆ”
กู้หวังจิ้งที่ยกน้ำชาขึ้นดื่มต้องพ้นน้ำชาออกจากปากด้วยความตกใจพร้อมกับส่งเสียงไอเพราะสำลักน้ำชาที่เพิ่งจะดื่ม น้องสาวของเขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้มีความคิดที่จะขายหญ้าพวกนี้
ถึงแม้ร้านน้ำชาของนางจะกิจการดีมากแค่ไหนกู้หวังจิ้งก็คิดว่ามันเป็นเพียงความโชคดีเท่านั้นเพราะถึงยังไงกู้ฮุ่ยหนิงน้องสาวของเขาก็มีอายุเพียงสิบขวบเท่านั้นความคิดของนางยังเป็นเพียงเด็กอายุสิบขวบที่ไม่เคยผ่านโลกมาก่อน เขาคิดว่าเพราะอีกฝ่ายประสบความสำเร็จในการทำร้านค้าจึงทำให้เกิดความคะนองและคิดที่จะขายหญ้าพวกนี้ให้ได้เงินเหมือนกับขายขนมที่อยู่ร้านน้ำชา ซึ่งเรื่องเช่นนี้มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนจะมีใครสติไม่ดียอมจ่ายเงินซื้อหญ้าที่มีอยู่ทั่วไปเต็มภูเขากัน
“น้องสาวเจ้าโชคดีที่กิจการร้านน้ำชาขายดีแต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะขายหญ้าพวกนี้ได้นะข้าว่าเจ้าเลิกล้มความคิดนี้เสียเถอะ”
“พี่รองท่านจะพนันกับข้าอีกครั้งหรือไม่ว่าข้าสามารถขายหญ้าพวกนี้ได้แถมยังขายได้กำไรดีเสียด้วย”
“น้องสาวเจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรจะมีคนบ้าที่ไหนยอมจ่ายเงินตำลึงซื้อหญ้าที่ขึ้นอยู่ทั่วไปในป่าเช่นนี้”
คุณชายรองกล่าวโต้แย้งน้องสาวอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดของนาง
“ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถขายได้ก็แล้วกัน”
“ดีถ้าเจ้ามั่นใจข้าจะพนันกับเจ้า”
“ครั้งนี้พี่รองจะเอาอะไรมาพนันกับข้าท่านอย่าลืมนะว่าเคยแพ้พนันให้ข้ามาแล้วครั้งหนึ่งและตอนนี้ตัวท่านก็ต้องยอมทำตามคำสั่งของข้า
เป็นเวลาห้าปีตามคำสัญญา”
“จะ เจ้า หึ ข้าคุณชายรองตระกูลกู้ยังมีคลังสมบัติส่วนตัวอยู่ที่เรือนส่วนตัวของข้า ข้าจะเอาสมบัติเหล่านั้นมาพนันกับเจ้า”
“นะ นี้ น้องรองใจเย็น ๆ ก่อนนะ”
กู้หวังหมิ่นได้ยินน้องชายยอมยกเอาสมบัติในคลังสมบัติส่วนตัวมาพนันกับน้องสาวจึงได้รีบเอ่ยปากห้ามปรามด้วยความหวังดี
“พี่ใหญ่ท่านไม่ต้องมาห้ามข้า ข้าไม่เชื่อว่าหญ้าที่เกิดอยู่เต็มภูเขาเช่นนี้จะขายได้”
กู้หวังจิ้งพูดอย่างมั่นใจเพราะหญ้าพวกนี้เกิดขึ้นมากมายเต็มหุบเขาจะมีคนบ้าที่ไหนยอมควักเงินซื้อ แค่เดินขึ้นภูเขาก็สามารถเก็บหญ้าพวกนี้ได้มากมายแล้ว
“ได้ในเมื่อพี่รองมือหนักเช่นนี้ข้าก็จะพนันกับพี่รอง ถ้าครั้งนี้พี่รองชนะข้าจะยกร้านน้ำชาของข้าให้ท่านและยกเลิกคำสัญญาที่ท่านต้องยอมเชื่อฟังข้าเป็นเวลาห้าปีให้อีกด้วยดีหรือไม่”
“ดี!!! น้องสาวเจ้าเตรียมตัวยกร้านน้ำชาให้พี่ชายคนนี้ได้เลย”
“ได้ครั้งนี้ให้พี่ใหญ่เป็นพยาน”
กู้หวังหมิ่นมองดูกู้หวังจิ้งผู้เป็นน้องชายและกู้ฮุ่ยหนิงผู้เป็นน้องสาวอย่างเหนื่อยใจ สองคนนี้แม้ภายนอกจะมองดูรักใคร่กันดีแต่ภายในลึก ๆ กลับชอบเอาชนะกันเสมอและที่ผ่านมาน้องชายของเขาไม่เคยเอาชนะน้องสาวคนเล็กได้สักครั้ง กู้หวังหมิ่นสังหรณ์ใจว่ารวมถึงการพนันครั้งนี้ด้วยเขากลัวว่าน้องชายจะสูญเสียสมบัติในคลังส่วนตัวให้น้องสาวไปทั้งหวังกู้หวังหมิ่นได้แต่ปลอบใจตนเองว่าเขาคงจะคิดมากเกินไปจึงได้ตกปากรับคำเป็นพยานให้กับน้องชายและน้องสาวของตน
“ได้พี่ใหญ่จะเป็นพยานให้กับพวกเจ้าทั้งสองคน”
กู้ฮุ่ยหมิงยกฝ่ามือขึ้นไปแตะกันกับฝ่ามือของกู้หวังจิ้งอย่างยินดีแค่นี้นางก็จะมีเงินทองเอาไว้ทำทุนเพื่อขยายกิจการแล้วคิดว่าต้องใช้เวลาสักสองสามปีกว่าเก็บเงินได้มากพอที่จะไปลงทุนที่เมืองหลวงไม่คิดเลยว่าพี่ชายคนรองจะยื่นหมอนมาให้ยามที่ต้องการนอนพอดี
ยามโฉ่วภายในหมู่บ้านกลางป่าชาวบ้านต่างปิดประตูบ้านนอนกันแต่หัวค่ำเพราะต้องตื่นแต่เช้าออกไปทำงานในไร่ เพราะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับภูเขายามค่ำคืนจึงมีเสียงหอนของหมาป่าดังแว่วมาแต่ไกลให้ได้ยินชาวบ้านที่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านต่างเคยชินกับบรรยากาศยามค่ำคืนเช่นนี้แล้วผู้คนจึงหลับใหลได้อย่างไร้กังวล
ภายในห้องนอนที่มืดสนิทกู้ฮุ่ยหมิงที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยดูเหมือนว่าภายในห้องนอนของนางจะมีแขกมาเยือนยามวิกาลเสียแล้วไม่นานภายนอกเรือนก็เกิดเสียงดังวุ่นวายขึ้นเมื่อมีคนบุกรุกเข้ามาภายในบริเวณลานบ้านที่พัก กู้ฮุ่ยหนิงขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะลงจากเตียงเดินไปที่ประตูห้องเพื่อแอบฟังเสียงสนทนาที่ดังอยู่ด้านนอกด้วยความอยากรู้
“พวกเจ้าเป็นใครถึงได้บุกรุกเข้ามาภายในเรือนของพวกข้ายามวิกาลเช่นนี้”
เสียงนี้นางจำได้ว่าเป็นเสียงของพี่ชายคนรอง
“ขออภัยคุณชายพวกข้าตามจับผู้ร้ายที่ปล้นจวนของเจ้านายและมันหนีมาทางภูเขาแห่งนี้”
“พวกเจ้าจะตามจับผู้ร้ายก็เรื่องของพวกเจ้าจะค้นเรือนของผู้ใดข้าไม่สนใจแต่จะให้คนมาค้นเรือนของพวกข้าตามใจชอบเช่นนี้พวกเจ้าไม่เห็นตระกูลกู้ของข้าอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหม”
“น้องรองใจเย็น ๆ ก่อน”
“พี่ใหญ่ท่านเชื่อคนพวกนี้หรือ”
กู้หวังจิ้งเรียกพี่ชายของตนด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจคนพวกนี้อยู่ ๆ ก็บุกเข้ามาที่บ้านพักของพวกตนแล้วมาอ้างว่าตามจับโจรผู้ร้ายพวกมันเห็นว่าเขาเป็นคนโง่หรืออย่างไรถึงจะเชื่อคำกล่าวอ้างที่ไม่น่าเชื่อถือเช่นนั้นได้
กู้หวังหมิ่นยกมือห้ามปรามน้องชายก่อนหน้านั้นได้ประมือกับคนพวกนี้สองสามกระบวนท่ากู้หวังหมิ่นจึงมั่นใจว่าคนพวกนี้เป็นยอดฝีมือส่วนจะเป็นคนของใครและตามล่าใครนั้นเขาไม่อยากจะสนใจ
“บ้านหลังนี้มีเพียงพวกเราอาศัยอยู่เท่านั้นหากพวกท่านไม่เชื่อก็เชิญค้นได้ตามสบาย”
“พี่ใหญ่ท่าน!!!”
กู้หวังจิ้งมองพี่ชายอย่างไม่ชอบใจที่ยอมอ่อนข้อให้คนพวกนี้ ถ้ายอมง่ายดายเช่นนี้ต่อไปในอนาคตจะมีใครเห็นคนตระกูลกู้อยู่ไหนสายตาอีก
“หากวันนี้พวกเจ้ากล้าค้นเรือนของข้าข้ากู้หวังจิ้งจะไม่ปล่อยพวกเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน”
เสียงชักกระบี่ของทั้งสองฝ่ายที่พร้อมเผชิญหน้ากันทำให้บรรยากาศภายในลานบ้านมีไอสังหารอย่างรุนแรง องครักษ์ของตระกูลกู้เตรียมพร้อมฟังคำสั่งของเจ้านายตนเองอย่างกล้าหาญ
“พี่ชายพวกท่านเสียงดังกันทำไมเจ้าค่ะ?”
เสียงถามของเด็กหญิงดังขึ้นทำให้บรรยากาศที่กำลังมีกลิ่นอายของการฆ่าฟันที่รุนแรงมลายหายไป ทุกสายตาพร้อมใจกันหันไปมองดูเจ้าของเสียงทันที เมื่อเห็นว่าผู้ที่เดินออกมาเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยทุกคนต่างเก็บอาวุธที่อยู่ในมือ
“หมิงเอ๋อ ทำไมเจ้าถึงออกมาจากห้องเล่า?”
“ข้าได้ยินเสียงพี่ชายรองพูดเสียงดังข้าจึงออกมาดูเจ้าค่ะ”
“ไม่มีอะไรพวกเจ้าหน้าที่เขามาตรวจตราตามปกติ น้องสาวเข้าห้องไปนอนเถอะอันฉีพาคุณหนูเข้าห้องนอน”
“เจ้าค่ะคุณชาย ไปเถอะเจ้าค่ะคุณหนูข้างนอกนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจ”
“อืม”
สายตาของกู้ฮุ่ยหมิงเหลือบมองไปยังป้ายห้อยอยู่ที่เอวของคนพวกนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหันหลังเดินจากมาอย่างเชื่อฟังคำพูดของพี่ชาย