โสดไม่ไหว หัวใจคลั่งรัก 06

1273 Words
“อื้อ...” เสียงครางระงมดังขึ้นอีกครั้งทันทีที่ปากลิ้นของเขาสัมผัสลงมาอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าระหว่างเสียงครางกับเสียงที่เขากำลังดูดเม้มเนินสาว เสียงไหนทำให้กระสันมากกว่ากัน แต่ไม่ว่าจะเป็นเสียงไหน ก็ล้วนแต่ปลุกสัญชาตญาณดิบในตัวเขาให้ตื่นเพริดจนไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป “ถึงจะอดทนไม่เก่ง แต่ก็จะพยายาม” เขาผละออกมาบอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ ถึงร่างกายจะรวดร้าวด้วยปรารถนาจะครอบครองเธอจนแทบคลั่ง แต่ก็ยังพยายามอดทนอย่างที่บอก ด้วยกลัวว่าเธอจะเข็ดขยาด หากว่าเขาผลีผลามทำอะไรตามอำเภอใจ อีกทั้งกายแกร่งที่กำลังแข็งขึงก็เหยียดขยายจนเกรงว่าเธอจะรับไม่ไหว ชายหนุ่มจับดุ้นยักษ์ลำเขื่องที่กำลังไหวระริกมาถูไถทักทายเนินสาว ให้หยาดน้ำแสนหวานอาบชโลมไปทั่วความแข็งขึง กระทั่งปลายดุ้นถูกจับให้มาหยุดจดจ่อ ก่อนจะถูกกดให้ชำแรกแทรกผ่านเข้าไปในความนุ่มลึกร้อนผ่าว “อื้อ...ไม่” ความเจ็บที่แล่นปราดเข้ามาทำให้เธอขยับร่นถอยด้วยความตื่นตระหนก ในขณะที่บางอย่างที่ยังค้างๆ คาๆ ก็พยายามย่างกรายและรุกคืบเข้ามายึดครองพื้นที่ ให้เธอยิ่งอึดอัดจนต้องขยับต่อต้าน แต่ยิ่งเธอขยับ ความอดทนก็ยิ่งถดถอย ในที่สุดเขาก็ทนไม่ได้ “...” หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลงทันทีที่ความแข็งกร้าวทั้งหมดที่มีถูกดุนดันเข้ามาจนสุดทาง เธอเจ็บจุกกับความมหึมาที่ไม่เคยพานพบ ในขณะที่เขาเองก็เสียดเสียวและอึดอัดกับความคับแน่นที่กำลังดูดตอดตลอดทั้งลำ เมื่อเธอช่างผ่าวร้อนอีกทั้งยังบีบอัดรัดแน่นให้เขาเร่าร้อนปิ่มจะระเบิด “อา...” ชายหนุ่มเค้นเสียงลอดไรฟัน พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ผลีผลาม แต่ดูเหมือนความพยายามจะไม่เป็นผล เมื่อเธอมิได้ให้ความร่วมมือ มิหนำซ้ำยังเร่งปฏิกิริยาให้เขากระสันมากขึ้นไปอีก กระทั่งความอดทนก็สะบั้นลงในที่สุด “ขอนะ” สิ้นเสียงโดยไม่รอฟังคำตอบ สะโพกสอบเริ่มโหย่งขยับถอดถอนตัวตน แต่ยังไม่ทันจะสุดทาง ความแข็งขึงนั้นก็ถูกดุนดันกลับมาอย่างหนักหน่วงรุนแรง จนกายสาวผวาสะท้าน “อื้อ...” เสียงหวานถูกกลืนหายกลายเป็นเสียงสะอื้น ทันทีที่เขาฉกวูบลงมาตะโบมจูบมอบจุมพิตดูดดื่ม ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมางาบงับสลับกระหวัดเลียอกอูมตูมเต่งที่บัดนี้ดีดเด้ง ราวกับรอให้เขาก้มลงมาละเลียดชิม ครั้นเมื่อเห็นว่าเธอมิได้ต่อต้าน อีกทั้งยังโอนอ่อนผ่อนตาม สะโพกสอบจึงเริ่มขยับอีกครั้ง “ให้ตายสิ รัดแน่นเหลือเกินทูนหัว” เสียงเขาแหบพร่าจากความกำหนัดที่กำลังแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์ ความซ่านกระสันปลุกเร้าให้สะโพกสอบยิ่งเร่งจังหวะเร็วขึ้น คนหนึ่งขยับตอกอัดหนักหน่วงรุนแรง อีกคนก็ตอดรัดเร่าร้อน จนกลายเป็นความหฤหรรษ์ที่มอมเมาพวกเขาให้หลงระเริงอยู่ในความกำซาบไม่รู้หน่าย ก็ได้แต่หวังว่าคนใดคนหนึ่งจะไม่หมดแรงไปเสียก่อน ไม่ผิดไปจากที่คิด เมื่อคนไร้ซึ่งประสบการณ์แต่กลับถูกยัดเยียดประสบการณ์อันเร่าร้อนไม่หยุดหย่อน ทำเอาไร้เรี่ยวแรงกระทั่งผล็อยหลับไปในที่สุด “อืม...” ทันทีที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก เจติยาถึงกับต้องครางเบาๆ ด้วยความเมื่อยขบ ประหนึ่งเพิ่งผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหักโหม กระทั่งเมื่อได้มองไปรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าก็ค่อยๆ ไหลกลับมา “ไม่...มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง” เธอพึมพำประหนึ่งรับความจริงไม่ได้ เมื่อไม่ใช่แค่ภาพวาบหวิว แต่ยังมีเสียงร้องครวญครางที่ดังก้องอยู่ในหัว อีกทั้งร่างกายที่ร้าวระบมก็ตอกย้ำเกินกว่าจะปฏิเสธได้ โดยเฉพาะความจริงที่ว่าเธอกลายเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายเป็นฝ่ายร้องขอสัมผัสซาบซ่านเหล่านั้นเสียเอง ใช่ เธอจำมันได้ จำภาพที่ผู้ชายคนนั้นทำอะไรต่อมิอะไรบนร่างกายเธอได้ ทุกที่ที่เขาสัมผัสมันยังคงซาบซ่านอยู่ในความรู้สึก โดยเฉพาะภาพที่ศีรษะดกดำขยับก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงหว่างขาทั้งสองข้าง ไม่ใช่แค่ภาพ แต่ทุกสัมผัสที่เรียวลิ้นกระหวัดลงมาละเลงเลียเนินเนื้อโหนกนูนนั้นยังทำให้เธอร้อนผ่าวได้จนถึงตอนนี้ “คิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย” เธอสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แทบไม่กล้าหันไปมองคนที่ยังนอนอยู่ข้างๆ ด้วยกลัวว่าความคิดจะเตลิดไปไกลมากกว่าที่เป็นอยู่ “ฉันทำอะไรลงไป ไม่สิ นั่นไม่ใช่เรา เราไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่ๆ หรือว่า...” ครั้นพอนึกเอะใจถึงความผิดปกติ เธอก็นึกถึงเพื่อนรักเป็นคนแรก ไม่แน่ใจว่าเพื่อนจะมีอาการเดียวกันหรือไม่ จึงผุดลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋าที่วางอยู่ข้างหัวเตียงขึ้นมาโทร แต่โทรเท่าไรก็โทรไม่ติด ทำเอาคนโทรถึงกับทำหน้ายุ่งพลางบ่นพึมพำ กระทั่ง... “อุ๊ย!” คนถูกจุมพิตที่หัวไหล่อุทานด้วยความตกใจ โทรศัพท์ที่ถืออยู่ก็พลอยหลุดมือไปด้วย แต่ยังไม่ทันจะได้หยิบขึ้นมา เขาก็ชิงตัดหน้าคว้าไปเสียก่อน ครั้นจะให้แย่งกลับมา เธอก็ประหม่าเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้ อีกทั้งสภาพเนื้อตัวที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันเอาไว้ก็ไม่เอื้ออำนวย จึงทำได้แค่รีบก้มหน้าหลบสายตา “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้” เขาเลิกคิ้วแสร้งโวยวาย แต่มันกลับเข้าทางคนจนตรอกพอดิบพอดี พลันความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา ‘จริงด้วย ก็แค่บอกว่าจำไม่ได้ซะอย่าง แค่นี้ก็จบ’ “ไอ้บ้า ไอ้ชั่ว แกข่มขืนฉัน” เธอแสร้งโวยวายพร้อมกับโถมตัวเข้าไปประทุษร้ายร่างกายอีกฝ่ายประหนึ่งดาราเจ้าบทบาท “หึๆ มุกความจำเสื่อมสินะ ว่าแล้วว่าคุณต้องมาไม้นี้ ผมเลยต้องเก็บหลักฐานเอาไว้” เขาว่าพลางหยิบมือถือมาเปิดคลิปที่ตัวเองบันทึกเอาไว้ และภาพที่สาวเจ้าเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมซุกไซ้เขาอย่างหน้าไม่อายก็ทำเอาเธอถึงกับกระดากและประดักประเดิดจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด กระทั่งเจ้าของคลิปก้มลงมากระซิบใกล้ๆ “หลักฐานมัดตัวขนาดนี้จะรับผิดชอบยังไงดีล่ะ” “รับผิดชอบ?” เธอหันขวับไปถามเสียงสูง “ใช่ ก็เห็นๆ อยู่ว่าผมเป็นผู้ถูกกระทำ หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ผมต่างหากที่โดนข่มขืน” คนฟังถึงกับลอบกลืนน้ำลาย เมื่อในหัวดันประมวลผลว่าตัวเองจะโดนข้อหาอะไรบ้าง ‘พรากผู้เยาว์ เฮ้ย! แต่จากคลิปนี่ถึงขั้นข่มขืนกระทำชำเราเยาวชนเลยนะเว้ย โอ๊ย! แล้วถ้าโดนข้อหานี้แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน’ ในขณะที่เธอยังคิดไม่ตก จู่ๆ คำพูดของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมาในหัว “เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้แทนตัวเองว่าอะไรนะ” ด้วยไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดหรือว่าคิดไปเอง เธอจึงอดถามไม่ได้ “ผมไง” เขาตอบพลางยักไหล่ ครั้นพอเห็นเธอทำหน้าแหยประหนึ่งว่ากำลังขนลุกนักหนาจึงพูดต่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD