“สาบานได้ว่าครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมหยุด…เจติยา" สิ้นเสียงยกทรงที่ถูกปลดตะขอก็ถูกกระชากทิ้งไป เผยให้เห็นอกอูมตูมเต่งที่กำลังดีดเด้งท้าทายสายตา ถึงมันจะน่าหลงใหลจนไม่อาจละสายตา แต่เชื่อเถอะว่าเขาจะไม่หยุดแค่มอง
ทันทีที่มือข้างหนึ่งยื่นไปลูบไล้ที่ความตูมเต่งตรงหน้า เจ้าของอกอวบถึงกับครางสะท้านพลางแอ่นอกยกตัว ประหนึ่งว่าอยากได้สัมผัสที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น แน่นอนว่าเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน จากมือจึงเปลี่ยนเป็นริมฝีปาก ด้วยการก้มลงมางาบงับสลับเล็มเลียความตูมเต่งเบื้องหน้า ทำเอาเจ้าของทรวงถึงกับครางหวีดหวิว ความเสียดเสียวที่กำลังกลืนกินทั้งจิตวิญญาณปลุกเร้าให้เธอตอบสนองด้วยการดันตัวขึ้นมา แล้วเป็นฝ่ายกดใบหน้าเขาให้แนบชิดกับอกอวบมากกว่าเดิม
“อืม...” ก็ไม่รู้ว่าระหว่างเสียงครางกับเสียงที่ก้อนเนื้อกลมกลึงกำลังถูกดูดดึง เสียงไหนปลุกความกำหนัดของพวกเขาได้มากกว่ากัน
“ช่วย...ด้วย...” เธอครางเสียงกระท่อนกระแท่น รู้สึกราวกับจะขาดใจเสียให้ได้ ไม่ใช่แค่ฤทธิ์ยาที่ทำให้เธอร้อนรุ่ม แต่เขาเองก็มีส่วนทำให้เธอดีดดิ้นทุรนทุราย แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เธอ เขาเองก็ร้อนระอุ จวนจะระเบิดอยู่รอมร่อแล้วเช่นกัน
โซฟาตัวเขื่องที่มันเคยดูใหญ่ มาบัดนี้มันกลับทั้งเล็กทั้งแคบจนน่าขัดใจ จนไม่สามารถทนอยู่ตรงนี้ได้อีก ชายหนุ่มจึงผละออกมาก่อนจะตวัดแขนยกอุ้มคนที่นอนระทดระทวยขึ้นมาแล้วเดินดุ่มๆ เข้าไปด้านในซึ่งมีเตียงหลังใหญ่ตั้งอยู่ และมันก็ใหญ่พอที่จะทำอะไรต่อมิอะไรได้สบายๆ คงไม่ต้องให้สาธยายหรอกนะว่าทำไมเขาถึงต้องมีเตียงเอาไว้ที่นี่
“ฉันไม่ใช่พ่อพระที่จะยอมปล่อยเธอไปเป็นครั้งที่สอง” เขาพึมพำก่อนทอดวางเธอลงบนที่นอนนุ่ม แล้วผละออกมาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง โดยไม่แม้แต่จะละสายตาจากกายสาวขาวผุดผาดที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เพียงเพราะถูกไฟสวาทที่กำลังปะทุแผดเผา กระทั่งยังลามมาจุดไฟในกายเขาให้ลุกโชนจนแทบมอดไหม้ เมื่อคนที่นอนอยู่ไม่นอนเปล่า แต่ยังขยับลูบไล้ไปทั่วเนื้อตัวของตัวเอง
“...” นทีเค้นเสียงลอดไรฟัน กระสันกับทุกการเคลื่อนไหวของเธอ โดยเฉพาะเมื่อมือนั้นค่อยๆ เลื่อนจากอกอวบลงมาสัมผัสที่เนินสวาทโหนกนูน
“อา...” เสียงครางแทบเปลี่ยนเป็นเสียงคำรามกับท่าทียั่วยวนที่เป็นไปโดยไม่ตั้งใจตรงหน้า ใช่...มันเป็นภาพน่ามองที่ทำให้ไม่อาจละสายตา
“ร้อน...” หญิงสาวครวญครางพลางเลื่อนมือข้างหนึ่งมาบีบขยำที่อกอวบ ในขณะที่อีกข้างก็เลื่อนลงมาสัมผัสกรีดกรายบนเนินเนื้อโหนกนูน สองขาเรียวที่เคยบิดเร่าค่อยๆ ขยับถ่างอ้า เปิดเปลือยความลับแห่งอิสตรีให้ปรากฏต่อสายตา พลันการปลดเปลื้องพันธนาการที่เป็นไปอย่างเนิบนาบก่อนหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“ฉันก็ร้อนเหมือนกัน” เสียงเขาแหบพร่านัยน์ตาแดงก่ำขณะกระชากเสื้อผ้าตัวเองออกแรงๆ ก่อนเดินดุ่มๆ ไปทิ้งตัวคุกเข่าลงข้างๆ เธอ ให้บางอย่างที่กำลังผงกผงาดได้ประกาศศักดาต่อหน้า
มือข้างที่เคยลูบไล้อกอวบถูกเขาจับมาวางแหมะที่ดุ้นยักษ์ลำเขื่อง ความผ่าวร้อนที่ราวกับกำลังดีดดิ้นอยู่ในมือทำลมหายใจเธอหอบสะท้าน สติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่น้อยนิดสั่งให้เธอค่อยๆ ปรือตามองความร้อนผ่าวที่อยู่ในมือ แต่ความร้อนนั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอสลัดมันทิ้ง ตรงกันข้ามเธอกลับออกแรงบีบมันแน่นขึ้น
“อา...” ชายหนุ่มเงยหน้าคำรามลั่นพร้อมกับเลื่อนมือของตัวเองไปวางแทนที่มือของเธอ พลางลูบไล้ไปทั่วเนินเนื้ออวบอูม ก่อนจะสอดส่งนิ้วเรียวเข้าไปในความนุ่มลึก
“อ๊ะ...อื้อ...” เธอครางพลางแหงนเงยใบหน้า ถึงจะอึดอัดแต่ก็กระสันซ่านในคราวเดียวกัน เช่นเดียวกับเขาที่เสียดเสียวไม่ต่างกัน เมื่อเธอมิได้ต่อต้าน ตรงกันข้ามกลับแอ่นสะโพกส่ายร่าหามือเขา จากจังหวะเนิบนาบ นิ้วเรียวจึงขยับจุ่มจ้วงเป็นจังหวะเร็วขึ้น กระทั่งเจ้าของนิ้วเสียเองที่เป็นฝ่ายอดรนทนไม่ได้ ต้องถอดถอนนิ้วนั้นออกไปจนพ้นทาง
“อื้อ...!” เสียงครางประท้วงแทบกลายเป็นเสียงหวีดร้อง เมื่อนิ้วเรียวถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากและลิ้นร้อนที่ยื่นลงมาสัมผัสแตะชิมลิ้มรสเนินเนื้อสาว ซึ่งดูเหมือนความหอมหวานนั้นจะทำให้คนชิมอดใจไม่ไหว จำต้องกระหวัดลิ้นลงไปซ้ำๆ
ถ้าเปรียบเธอเป็นดอกไม้งามสักดอก เขาก็คงเป็นแมลงภู่จอมตะกละที่ไม่ใช่แค่ดูดกลืน แต่ยังกัดกินกลีบดอกอย่างตะกรุมตะกราม ไม่เว้นแม้กระทั่งติ่งเกสรที่ถูกดูดเม้ม ราวกับจะรีดเร้นน้ำหวานทุกหยาดหยด น้ำหวานที่เขารู้ดีว่ามันบริสุทธิ์ผุดผ่องเพียงใด น้ำหวานที่แมลงภู่อย่างเขากินเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่มสักที แต่ยิ่งถูกกัดกิน เจ้าของดอกก็ยิ่งทุรนทุราย
“...” เสียงครางสลับกับเสียงหวีดร้องราวกับว่ากำลังถูกทรมาน ใช่...เธอกำลังทรมาน แต่เป็นความทรมานแสนหวานที่ซ่านไปด้วยความกระสัน เพราะไม่เพียงแต่ไม่ต่อต้าน สองขาเธอยังขยับถ่างอ้า มิหนำซ้ำสองมือยังตรึงศีรษะที่กำลังซุกไซ้ตรงหว่างขาให้แนบชิดยิ่งกว่าเดิม โดยไม่รู้เลยว่ากำลังปลุกเสือหิวให้กระหายมากขึ้น มากจนกลายเป็นความมูมมาม แต่จะทำไงได้ ในเมื่อเธอนั่นแหละที่ทำให้เขาลืมไปแล้วว่า...การยับยั้งชั่งใจคืออะไร
“มะ ไม่...ได้โปรด...ช่วย...ฉัน” คนถูกจู่โจมโรมรันจนแทบสิ้นแรงดันตัวขึ้นวอนขอเสียงกระท่อนกระแท่น แต่พอเห็นภาพที่เขากำลังก้มหน้าก้มตาซุกไซ้ตรงนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ประหนึ่งเสือร้ายกำลังฟอนฟัดกัดกินกวางเนื้อหวาน สติสัมปชัญญะที่เคยเตลิดไปไกลพลันแวบกลับมา
“ไม่” จิตใต้สำนึกสั่งให้เธอผลักหน้าเขาออกแรงๆ
“เชื่อเถอะว่าเธอไม่อยากให้ฉันหยุดจริงๆ หรอก เพราะเธอต้องการฉัน...เจติยา” เขาหยักยิ้มก่อนจะก้มลงไปตวัดลิ้นลากไล้บนเนินสาวเนิบช้าแต่หนักหน่วง
“ฉันไม่ใช่พ่อพระ แล้วฉันก็ไม่ถนัดทำอะไรแบบค่อยเป็นค่อยไปซะด้วยสิ” อีกครั้งที่เขาหยักยิ้มร้ายกาจ ในขณะที่สายตาคมกริบยังคงจับจ้องไปที่เนินสวาทสีหวานที่บัดนี้บวมช้ำจากน้ำมือเขาเองไม่วางตา ความอวบอูมที่กำลังผลิแย้มหยาดเยิ้มราวกับกำลังเชื้อเชิญ ทำให้มือทั้งสองข้างที่เคยตรึงกระชับอยู่ที่ต้นขาเรียวพลันขยับยกจนสะโพกลอยสูง กอปรกับใบหน้าเขาเองก็ก้มต่ำลงมา