และหล่อนก็มาที่นี่ ด้วยรินรวีไม่มีที่จะไป อย่างน้อยหล่อนก็มาที่นี่บ่อยหนจนเกิดความเคยชิน และสนิทสนม บิดามารดาของธนิกต้อนรับหล่อน ซึ่งเป็นเพื่อนของบุตรชายหากภายหลังกลายเป็นแฟน แต่ข่าวคราวเรื่องนี้ที่ระแคะระคายมาพักหนึ่ง ทำให้ผู้ใหญ่ทราบดี สีหน้าที่ดูหมองของรินรวีเหมือนหล่อนไม่ใช่คนเข้มแข็งเหมือนเดิม
ธนิกจึงกระเซ้า
“รวีคนเดิมหายไปไหนน้า ที่แข็งแกร่งกร้าว ไม่เกรงกลัวใคร ไม่ใช่ รวีคนหงอยซึมอย่างนี้”
“นิกไม่รู้นะสิ ว่าเราพบเจอเรื่องอะไรบ้าง”
“นิกรู้ นิกเข้าใจ” ธนิกตอบขึ้นบ้าง แม้เขาจะพยายามทำสีหน้ากระปรี้กระเปร่า แต่จิตใจของเขาข้างในไม่ใช่เลย เมื่อเริ่มนับวันที่จะสูญเสียหญิงคนรักไปให้คนอื่น ซึ่งเขาไม่ต้องการ
“ทำไม ผู้ใหญ่ต้องทำอย่างนี้นะ คลุมถุงชน รวีไม่ชอบ รวีไม่ต้องการ”
หล่อนทั้งบ่นและตีโพยตีพายออกมาดังๆ ระหว่างที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ที่สวนหลังบ้าน ซึ่งมีชิงช้า ที่รินรวีมาบ้านหลังนี้ มักจะเข้ามานั่งเป็นประจำ
วันแต่งงานดูเหมือนผ่านพ้นไปแล้วนะ รินรวีเธอไม่ได้ใช้คำนำหน้าชื่อว่า นางสาวแล้ว และนามสกุลด้วยเช่นกัน ที่จริงสิทธิ์ ณปัจจุบันฝ่ายหญิงจะเลือกใช้นางหรือนางสาว ได้ แต่หล่อนขอแบบเก่า อาจจะหัวโบราณหน่อย ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีวันแรก เขาทำตามอย่างที่ใจของเธอต้องการ คือ เดินตรงไปนอนยังโซฟา รินรวีไม่สงสารเขา แต่มันเป็นสิ่งที่เขาควรจะทำมากกว่า
ก็ในเมื่อต่างฝ่ายก็รู้อยู่แก่ใจมาก่อน ว่าไม่ได้รักกัน จบเรื่องนี้แล้ว เพราะรินรวีทำตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ
และพอตื่นเช้ามาอีกครั้ง เวลานี้ก็สายเอาการ ประมาณแปดโมงครึ่ง หล่อนไม่ใช่คนตื่นสายหรอกนะ แต่สถานที่ตรงนี้แปลกที่ ทำให้นอนตื่นสาย เริ่มผงกศีรษะตื่น หล่อนล็อกกลอนปิดสนิท ในอาณาเขตส่วนตัว ที่ผู้ชายที่เขาได้ชื่อว่า เป็นสามีทางนิตินัย ไม่สามารถเข้ามาได้ หากถ้าหล่อนไม่อนุญาต แม้จะเป็นบ้านของเขาเองโดยตรงก็ตาม
แบบนี้มันเป็นการแต่งงานที่อิหลักอิเหลื่อยุ่งยากใจจริง ในเมื่อตั้งแต่แรกแล้ว คนสองคนมีความไม่พร้อม ถูกจับแต่งงานเพราะหน้าที่และภาระ บทบาทของรินรวีที่จะเป็นภรรยาของผู้ชายแปลกหน้า หล่อนไม่ใช่แม่บ้านแม่เรือนที่ดีนัก
๒
อยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ได้ทำอะไร เพราะในบ้านหลังใหญ่มีแม่ครัวประจำ ตื่นเช้ามาอย่างนี้ หล่อนไม่รู้ว่า จะทักทายคนเป็นสามีอย่างไรดี ไม่เคอะเขินหรอก แต่มันเหมือนกับว่า เป็นคนที่ไม่เคยแสดงไมตรีต่อกันมาก่อน เขามีแต่สาดใส่ความร้ายกาจใส่หล่อน
ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาคมคายในสายตาของบรรดาสาวๆสำหรับรินรวี กลับมองไม่เห็นเสียแล้ว ในเมื่อภาพพจน์ของเขาร้ายกาจอย่างนี้ เธอจะไม่เป็นฝ่ายคุยกับเขาก่อน
เจอนางอุ่นเรือน นางเป็นแม่บ้านที่นี่ รู้จักรินรวีดี ทำให้รินรวีไม่ถึงกับเกร็งแต่ฐานะของรินรวีเปลี่ยนจากเด็กข้างบ้าน มาเป็นลูกสะใภ้เจ้าของบ้าน หากแต่ไม่เพียงห้านาทีต่อมา กลับมีร่างสูงใช้มือบิดประตูห้องเดินออกมา เหมือนเป็นความคุ้นเคยที่เขาจะต้องลงมาข้างล่างเดินผ่านสนามหญ้าไปที่ห้องฝึกซ้อมออกกำลังกายของเขา
เดินมาถึงก็เปิดประตูกระจกเป็นห้องออกกำลังกายที่ติดแอร์และมีหน้าต่าง การแต่งงานที่เปลี่ยนชีวิตของเขา ไม่ได้ทำให้ตัวเองตื่นเต้นมากมาย จนลืมวิถีชีวิตแบบเดิมที่เขาเคยทำ หล่อนเองก็เป็นคนแปลกหน้าในชีวิตของเขาคนหนึ่ง
เขาไม่ได้ทำหน้าที่ของสามีที่ถูกต้องครบถ้วนในวันเข้าหอเหมือนเจ้าบ่าวรายอื่นๆ นั่นคือ เจ้าสาวจะต้องถูกเขากกกอดหอมแก้มหรือทำอย่างอื่น ที่มันลึกซึ้งล้ำลึกมากกว่านั้น ปราการด่านสำคัญคือ คำพูดของหล่อนที่มีใจเย็นชา ปรัณย์ถึงอยากจะเอาชนะ เพราะเขาจะไม่สนใจหล่อนเช่นกัน ถึงแม้เขาจะได้ชื่อว่าเป็นสามีก็ตาม ชีวิตของเขาในเวลานี้ ลมหายใจเข้าออก มีแต่แก้วกานต์ ไม่มีแม่เด็กสาวที่เย่อหยิ่งชื่อ รินรวี
มันเร็วไปเหลือเกินสำหรับรินรวีกับทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะว่าตัวหล่อนถูกกำหนดเอาไว้แล้ว แต่คิดหรือว่า ตัวหล่อนจะกำหนดทิศทางชีวิตของปรัณย์ผู้ชายคนนั้นให้อยู่ในกำมือได้ หล่อนแทบจะไม่แยแสเขา เช่นเดียวกับเขาเช่นกัน
ต่างรู้ทั้งรู้ เพราะมันไม่เหมือนเดิม แม้ในคืนเข้าหอต่างคนต่างนอน เขาทำหน้าที่ของเขาได้ดีเยี่ยม แบบแสดงละครหลอกตบตาผู้คน รินรวียังแอบนึกเสียวเหมือนกัน กลัวเขาจะทำตามอำเภอน้ำใจและทำผิดข้อตกลง
เริ่มต้นแรกสำหรับชีวิตครอบครัว ที่หล่อนไม่ได้ทำหน้าที่แม่บ้านแม่เรือนให้สามี เพราะว่าบ้านหลังนี้มีคนใช้มากมาย และอยู่ในยุคของความทันสมัยสะดวกสบายเรื่องปากท้องแทบไม่ต้องคิดเลย ถ้าไม่มีอะไรทานหรือน่าทานในบ้านหล่อนก็แวะเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ละแวกบ้านที่เคยเดินผ่านออกบ่อย แต่ก็ไม่ใช่ทุกวัน
รวมทั้งอีกอย่างหนึ่งอาศัยช่วยบรรดาร้านชำเล็กๆที่หล่อนช่วยอุดหนุนมากกว่าร้านสะดวกซื้อเปิดแอร์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นเพราะส่วนหนึ่ง รู้จักกันมานาน รวมทั้งเห็นใจและสงสาร ที่ในวันหนึ่งอาชีพของคนกลุ่มเล็กกลุ่มนี้อาจจะหมดสิ้นไป ไม่มีคนสืบทอด เพราะลูกหลานไม่อยากจะลำบากลำบนเหมือนพ่อแม่ ที่ต้องตื่นแต่เช้ามืด
รินรวีมองเห็นภาพเหล่านี้ดี หมวยหรือ มันตนา ลูกสาวของเจ้าของร้านชำ ที่ รินรวีไม่สนิทแต่พอรู้จักดี ครั้นเมื่อเข้าไปช่วยอุดหนุนซื้อของ หล่อนมักจะได้ยินคำบ่นจากนางเล็กกับโกเก้า ผู้เป็นบิดาเสมอ
“ไม่คิดจะช่วยแม่ค้าขายเลย อีกต่อไป ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าไอ้ร้านชำแบบนี้ ใครจะมาช่วยสืบทอด หมวยมันก็อยากทำแต่งานกินเงินเดือน เหมือนอาโต้ พี่ชาย นั่นก็ทำงานกินเงินเดือน”
รินรวีได้รับฟังคำบ่นของนางเล็กเป็นประจำในการพูดคุย
หล่อนรับรู้แต่เพียงว่าด้วยสภาพของสังคมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนเมือง กระจายไปสู่ชานเมือง ชานเมืองปัจจุบันนี้กินความหมายกว้าง และล้วนมีความเจริญไม่แตกต่างไปจากในเมือง เพราะผุดด้วยหมู่บ้านจัดสรรมากมายพร้อมกับการคมนาคมถนนหนทางที่สะดวกสบาย
เมื่อรัฐบาลประกาศมีโครงการจะสร้างรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนชานเมืองเหล่านั้น ต่อไปสิ่งเหล่านี้จะเชื่อมโยงกันเป็นความเจริญที่แยกไม่ออกว่า ตรงไหนเจริญมากหรือเจริญน้อย ดัชนีวัดความแตกต่างแทบจะเทียบกันไม่ได้
แต่ถึงอย่างไรโซนในของภาคธุรกิจที่ราคาแพงมากที่สุดยังเป็นถนนแถวสาทรกับสีลมก่อนจะไล่มาทางสุขุมวิท รัชดา หากแต่ปัจจุบันแนวที่ผ่านกับสถานีรถไฟฟ้าคอนโดทันสมัยแบบใหม่มักจะผุดกันเกลื่อนถนนซอกซอย ยิ่งเพิ่มรถติดอีกหลายเท่าตัว สำหรับสังคมที่ชอบความสะดวกสบายอย่างไทย