ทำไม ไม่อยากมองหน้าฉันหรือไง ก็อย่ามองสิ

1224 Words
รินรวีมีพูดบ้างกับนางเล็กช่วยอกความเห็น วันนี้ก็เช่นกันสายๆมา หล่อนก็เดินออกจากรั้วบ้านสองหลังพุดซ้อนกับพุดตาน เดินเลยไปอีกสักเล็กน้อยผ่านทางบ้านของหล่อน ซึ่งดูเงียบ รินรวีไม่ได้เข้าไปที่นั่นไม่อยากเจอคำถามแม่ที่จะต้องซัก เกี่ยวกับสามีที่เขาไม่เต็มใจปฏิบัติหน้าที่ อีกหลายอย่าง หล่อนเลยเลี่ยงที่จะเข้าบ้าน และแวะเข้าไปหาร้านชำแห่งนี้ เพราะนางเล็กกับโกเก้าก็ไม่ค่อยซักถามเรื่องส่วนตัวของหล่อนสักเท่าไหร่ ด้วยอุปนิสัยที่รู้ดี รินรวีจึงรู้สึกสบายใจเมื่อมาตรงนี้ แม้หล่อนจะเหมือนเด็ก แต่หล่อนไม่ใช่เด็กแล้วนะ ด้วยวัยสาวที่บ่งบอก ความคิดบางครั้งอาจจะเหมือนเด็ก แต่วัยนั้นสามารถบ่งบอกด้วยว่า หล่อนเป็นสาวแล้ว และเป็นสาวสะพรั่งที่เพิ่งผ่านเข้าสู่ประตูวิวาห์ ที่เหมือนหนูทดลองยามากกว่า ไม่อยากพูดเรื่องส่วนตัวหรอก พูดไปก็ปวดหัว หอมกลิ่นจากที่ไกลๆ ไม่ใช่ดอกไม้ แต่เป็นความหอมชนิดพิเศษจนหล่อนรู้สึกเอียนมากกว่า น้ำหอมราคาแสนแพง ที่พรมฉีดไปทั่วร่างสูงโปร่ง ซึ่งเขาแต่งหล่อ แบบหล่อเหลาที่สุด ไม่เห็นจะต้องหันไปมองทางเขาเลย หล่อนรู้ว่าไม่ควรจะไปสนใจเขา และเขาก็ไม่ควรสนใจหล่อนด้วย ลืมไปเลยถึงภาระกิจร่วมกันอีกทั้งหน้าที่ของการเป็นสามีของภรรยา แต่ในความเป็นจริง ทำให้เป็นเรื่องอุปโลกน์ สีหน้าและแววตาของรินรวีจึงเบ้เหยียดออกไปทางทิวทุ่งดอกไม้ภายในอาณาจักร พอดีสายตาของเขาหันมาเห็นเข้า นอกจากไม่พอใจยังใช้สายตาดึงดุ “ทำไม ไม่อยากมองหน้าฉันหรือไง ก็อย่ามองสิ” ยิ่งทำให้รินรวีอดกลั้นมากกว่าเดิม คนปากร้าย ปากแบบผีเจาะ อย่างเขา เคยสนใจความรู้สึกของใคร จนเธอต้องหันมาตอบเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ “ไปเถอะค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณหรอก เชิญเที่ยวให้หนำใจ และสุขสบายนะคะ เธอเหมือนจะให้พรเขาด้วยซ้ำ แบบไม่อยากพบเจอหน้า “นี่ ถ้าฉันไม่อยู่บ้าน เธอก็อย่าออกไปข้างนอก เพื่อหาเรื่องประชดใส่ฉันนะ” รินรวีอยากจะหัวเราะออกมาทีเดียว เขาพูดคำนี้ออกมาได้ยังไง “ฉันไม่เก่งเท่าคุณหรอกค่ะ ที่ทำอะไรได้ทุกอย่างโดยไม่คิด” ตอบแล้วก็พาฝีเท้าเดินหนีไปจากตรงนั้น “ฉันไม่อยากเจอหน้าเธอ” เขาตะโกนตามด้านหลัง เพราะรินรวีก็เป็นอย่างนี้ แล้วเขาก็เป็นอย่างนั้น ต่างคนใช้อารมณ์ของตนเองมากกว่าเหตุผล ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ หล่อนได้เพียงทะเบียนสมรส แต่หัวใจล่ะ ความจริงความรักนั้นหล่อนต้องการมันทั้งหมด ไหนๆจะลงเอย กับผู้ชายคนหนึ่งในชีวิต ถึงแม้ตนเองไม่ได้ชื่นชอบเขา และบรรดาญาติพี่น้องผลักไสก็ตาม รินรวีพูดถึงความถูกต้อง หัวใจส่วนหนึ่งของหล่อนยังแบ่งให้นิก เคยอยากจะเลื่อนให้เขาอยู่ในฐานะพิเศษ แต่งงานและมีครอบครัวกัน แต่ณ วันนี้ นิกกลายเป็นเพียงเพื่อน ที่เขาจำยอมรับ ใครว่า มันง่ายล่ะกับชีวิตคู่ เพราะมันจะต้องเล่นกับหัวใจอารมณ์ของตัวเอง หล่อนไม่ต้องการให้เขามีคำถาม ในยามตื่นว่า คุณจะทำงานไหม หรือว่า คุณจะหย่ากับผมวันไหน รอคอยหรือ หล่อนรอคอยการพังสลายของชีวิตตัวเอง มันกลายเป็นความรักที่ไม่ผูกพัน ก็ไม่แปลกหรอกนะ ที่เขาจะออกไปแต่เช้า จุดประสงค์เห็นจะไม่ยาก คงเป็นแม่แก้วกานต์หวานใจ แต่หล่อนคิดเสมอว่า อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นมาล้ำเส้นกับครอบครัวของหล่อน ถ้าจะลักลอบกับก็ให้ไกลหูไกลตาของหล่อน อย่าทำให้เห็นใกล้ๆ ไม่งั้น รินรวีจะระเบิดอารมณ์ออกมา อิหลักอิเหลื่อกับการอดทน จะเป็นอยู่อย่างนี้นานแค่ไหน แม้ร่างกายของหล่อนจะไม่ถูกเขาแตะต้องล่วงล้ำไปถึงสิ่งหวงแหนแสนรัก ซึ่งหล่อนทั้งกางกั้นไว้ อีกอย่างตัวเขาก็กั้นทำนบเอาไว้ด้วยความเดียดฉันท์ แต่หล่อนคิดเสมอ หล่อนจะไม่ไว้ใจอย่างเด็ดขาด คุณแม่ของสามีเรียกตัวของหล่อนไป ท่านเอ่ย “แม่อยากจะอุ้มหลานหนูรวี ถ้ามีเจ้าตัวเล็กมาเดินซุกซนอยู่ตรงหน้าก็ดีไม่น้อย“ เป็นความปรารถนาของมารดาสามี แล้วตัวเขาผู้เป็นลูกชายล่ะ จะรับทราบถึงสิ่งที่มารดาต้องการหรือเปล่า รินรวีอดหน้าแดงไม่ได้ แต่มันก็เพียงนิดหนึ่ง ลึกๆในใจคิดว่า หนูจะสนองตอบความต้องการของคุณแม่ได้อย่างไรดีคะ ในเมื่อภาพหรือสภาพปัจจุบันที่เห็นก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าตั้งแต่ในอดีตหรือปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้ คนสองคน ที่ลึกๆไปเหมือนขมิ้นกับปูน ถูกจับมาอยู่ด้วยกัน ไม่ได้เจอหน้ากันนานจนเกือบจำไม่ได้เพราะต่างคนต่างเรียนไปอยู่ที่อื่น ทำให้รินรวีตอบอย่างยากลำบากใจ แต่ก็ยิ้ม“แล้วนี่เขาไปไหนล่ะ ตาปรัณย์ ธุระแต่เช้าเลยหรือ” คำถามพร้อมกับความคิด รินรวีเองต่างหากที่ตอบอะไรออกมายากที่สุด กับการไปคาดการจิตใจคนอื่น แต่ ตอนนี้ ต้องไม่ลืมว่า หล่อนและเขานั้นพร้อมใจกันแสดงละครทั้งหมดเพื่อตบตาผู้ใหญ่ ความจริง ห้องหอที่อยู่ด้วยกัน เป็นการแยกห้องต่างหาก “เอ้อ ใช่คะ” รินรวียอมรับคำไปงั้นๆ เพราะเธอไม่รู้อะไรมากไปกว่านั้นจริงๆ เหมือนว่าเขาจะไปไหนมาไหนเธอไม่ได้ขัดขวาง “แล้วอะไรนี่ จะออกไปข้างนอก ก็ไม่พาหนูรวีไปด้วย ก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว” ยังเป็นคำบ่นของมารดาสามี ซึ่งเธอก็เข้าใจท่านดี ถึงความปรารถนาดี เธอเลยพูดแก้ตัวแทนเขาไปว่า “ก็เจอคุณปรัณย์ตอนเช้าหรอกค่ะ คุณแม่ ตอนที่ลงมาทานกาแฟ” “เขาได้บอกหนู หรือเปล่า ว่าออกไปไหน” เหมือนมารดาของสามีตั้งใจจะซักจริง “ไม่ค่ะ เพราะหนูเองก็ไม่ได้ถาม” รินรวีตอบท่านไปอย่างนั้น คุณนิ่มนวลจึงเสียงเอ็ดดุใส่หล่อนเบาๆ “หนูรวี” “คะ” “หนูอย่าไปเที่ยวไว้ใจตาปรัณย์ขนาดนั้นนะ” คนอย่างหล่อนหรือไว้ใจเขา หล่อนระแวงเขาทุกวันต่างหาก สามทุ่มของคืนนี้นอกจากรินรวีพยายามรีบหลับนอนตั้งแต่หัวค่ำเพื่อป้องกันตัวเองโดยล๊อกปิดกลอนสนิท แต่ก็มีฝีเท้าที่เดินเข้ามาพร้อมกับร่างสูงตัดสินใจเคาะที่ประตูห้อง จะมีใครกันอีกนอกจากสามีทางนิตินัยของหล่อน “คุณมีธุระอะไรคุณปรัณย์ พรุ่งนี้เถอะค่ะ” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับง่วง “ฉันมีธุระจะคุยด้วย” เสียงดังมาจากด้านนอก รินรวีรู้สึกรำคาญที่เขาพูดอย่างนั้น “เอาไว้ วันพรุ่งนี้ก็ได้” “ไม่ได้ ฉันคิดว่า มันสำคัญ” เขาตอบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD