แต่การที่กระทำแบบนี้เหมือนไม่ให้เกียรติ หล่อนเองก็ไม่พอใจแก้วกานต์มานานพอสมควรแล้ว แก้วกานต์ยิ่งทำอะไรแบบไม่มีกาลเทศะ อะไรผิดถูกแทบจะไม่คิดเลยเหมือนสมองมีแต่ขี้เลื่อย
แววตาที่แก้วกานต์มองกลับมาหาหล่อนนั้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ รินรวีเลยไม่พอใจด้วยการทำตาแข็งกราดใส่ และใบหน้าของหล่อนก็ยกเงยขึ้นมองอย่างสมเพช แต่มันก็ถึงคราวที่หล่อนควรจะปกป้องสิทธิ์ของตัวเองไว้
“ฉันเข้ามาในทีนี่ ในฐานะอันชอบธรรม ขอถามกลับไปหน่อยนะแก้วกานต์ ฉันมีตรงไหนที่ทำไม่ได้ล่ะ แม้แต่ผู้ชายตรงหน้าที่เธอพยายามแสดงความเป็นเจ้าของ เขาก็เป็นสมบัติของฉันแล้วนะ แล้วก็มีโซ่ทะเบียนตีตราล่ามเอาไว้ด้วย”
รินรวีพูดเท่านี้ก็ปิดประตูหันกลับ หล่อนไม่อยากนึกอะไรต่อไปอีกแล้ว อารมณ์มักง่ายและใจง่ายของผู้ชายอย่างเขาพาลและทำให้หล่อนเกิดอารมณ์เช่นนี้ออกมา แน่นอน หล่อนจะต้องสู้รบตบมือกับผู้หญิงอย่างแก้วกานต์ไปอีกยาวนาน
แก้วกานต์ยังคงเกาะแขนของปรัณย์แบบไม่ปล่อย แล้วก็มองหน้าของเขา เหมือนหล่อนไม่ยอมให้เขาทำงาน ปรัณย์กลับนิ่งเฉย แม้เขาจะหงุดหงิดบ้าง แต่สำหรับแก้วกานต์แล้ว เขาจะมองข้ามข้อนั้นไปทันที นั่นเพราะเป็นอาการของคนที่กำลังรักและลุ่มหลงอยู่ตลอดเวลา และเขาก็สามารถปกป้องแก้วกานต์ได้ และเขารู้ว่าวาจาของรินรวีนั้นร้ายกาจพอสมควร
แก้วกานต์แสดงใบหน้าที่หน้าหงิกหน้างอใส่ ที่ปรัณย์ไม่ยอมจัดการให้หล่อนในทันที
“เห็นมั้ยคะปรัณย์ รินรวีประชดใส่แก้ว อ๋อ คงนึกเสมอนะสิคะ ว่ามีสิทธิ์เป็นเมียของปรัณย์ที่จดทะเบียนสมรสแล้ว แต่ว่าปรัณย์ไม่ได้รักและชอบหล่อนเลยนี่คะ”
หล่อนถามเขากลับไป ซึ่งเป็นอย่างนั้น
“ถ้างั้น เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว แก้วจะมาขอทำงานที่นี่ด้วยกับปรัณย์นี่ละ”
ปรัณย์ยิ้มอย่างใจกว้างพร้อมเอ่ย
“ได้เลยผมอนุญาต แต่ว่างานมันเหนื่อยนะ ผมอยากจะให้แก้วอยู่แบบสบายมากกว่า ต้องทนลำบาก” นี่ไง ที่ปรัณย์แสดงความรู้สึกออกมาว่าเขาห่วงใยต่อหล่อนจริง ทำให้แก้วกานต์ภูมิใจและหล่อนยิ้ม คนที่จะเหนือกว่ารินรวี คือตัวหล่อนนี่ล่ะ กระนั้นก็ไม่อาจทำให้ใจของแก้วกานต์คลายความร้อนรุ่มเหมือนกองไฟสุมแผดเผาในใจได้ นี่ถ้าหากไม่มาที่นี่ ก็ไม่ได้รู้ว่า รินรวีมาทำงาน
“ทำไม ปรัณย์ไม่บอก แก้วก่อนละคะ ว่า มีรินรวีมาทำงานอยู่ด้วยที่นี่” หล่อนถามด้วยแววตาที่สาดความร้อนอย่างริษยาออกมา
แต่ปรัณย์ตอบแบบไม่ยี่หระ
“สำคัญแค่ไหน ละ ที่ผมต้องบอก เพราะผมไม่สนใจไง”
เห็นคำตอบของเขาก็ทำให้ดวงตาของแก้วกานต์ยิ้มวาบออกมา ในเมื่อเขาเข้าข้างหล่อน และอยู่ในใจของหล่อน เขามีหล่อนอยู่ในใจตลอดมา จนแม้ว่าเขาจะแต่งงานไปแล้วก็ตาม สิทธิ์อันชอบธรรมตรงนี้ควรเป็นของหล่อนมากกว่ารินรวีด้วยซ้ำ
“แก้วดีใจเหลือเกินที่คุณยังพูดคำนี้ตลอดมา แก้วปลื้มค่ะ ถึงแม้ว่าอีกคน แม่ของคุณ ท่านก็ไม่ได้รักได้ปลื้มในตัวของแก้วเลย” หล่อนพอจะรู้ดีว่า คุณนิ่มนวลไม่เคยที่จะพึงใจในตัวหล่อน
“อย่าพูดเลยน่า ใครไม่รัก ผมรักแก้วคนเดียวก็พอแล้วน่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว หล่อนแสนจะพึงพอใจยิ่ง
“อุ้ยปากหวาน แบบนี้ต้องให้รางวัลเยอะหน่อยล่ะค่ะปรัณย์ขา” หล่อนเข้าไปรวบที่ต้นคอด้านหลังของเขา มือของหล่อนสวมกอด พร้อมกับแตะใบหน้าลงที่พวงแก้มของเขาอย่างรักสุดซึ้งและหวงสุดฤทธิ์ ปรัณย์ยิ้มต่อการกระทำของหล่อน ที่เสน่หาต่อเขาเช่นกัน
“สบายใจดีแล้ว ใช่ไหม เดี๋ยวผมจะขอทำงานต่อ”
“เชิญเลยค่ะ แต่แก้วจะยังอยู่เฝ้าคุณ ยังไม่ยอมไปไหน”
“นี่ ยังไม่เชื่อใจผมอีกหรือไง”
“เชื่อใจปรัณย์ค่ะ แต่ไม่เชื่อใจคนอื่น”
หล่อนกลับตอบไปแบบนั้น หล่อนคิดว่าเรื่องต่างๆมันคงจะซาๆไปแล้วและพร้อมกับการกลับไปของผู้หญิงคนนั้น แต่หากทว่าผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นยังอยู่
แม้ในยามพักเที่ยงหล่อนนั้นก็ถือโอกาสเดินออกมาพร้อมกับปรัณย์ แต่ไม่ได้ทานข้าวในแคนทีนของอาคารสำนักงาน หากออกไปทานข้างนอก เพราะแก้วกานต์รบเร้าแก่ปรัณย์ และจากนั้นเขาจะได้ส่งหล่อนกลับเข้าบ้านด้วย
และรินรวีพยายามองภาพตรงหน้านั้นให้เหมือนกับอากาศธาตุที่ว่างเปล่า การกระทำของปรัณย์ที่เขาแทบจะไม่รับรู้ว่ามันได้ไปเสียดแทงใจของใครหลายคน โดยเฉพาะคนที่ถูกต้องตามกฏหมายและเป็นภรรยาอย่างหล่อน จนหล่อนมีความรู้สึกว่า ฤทธิ์เดชของแก้วกานต์เริ่มจะเพิ่มความร้ายขึ้นทุกวัน ในวันหลังนั้นผู้หญิงคนนั้นจะมาในท่าทีแบบไหนก็ไม่ทราบ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเถอะ รินรวีก็จะต้องเตรียมรับสถานการณ์ให้ได้
รินรวี หล่อนถามดูใจตัวเอง หล่อนใจดีมากไปไหมนี่ คนอื่นเขาทำแบบนี้หรือเปล่า ใจกว้างเป็นแม่น้ำ เหมือนไม่สนใจกับตัวตนของคนเป็นสามี ถ้าถามลึกๆแล้วนั้นหล่อนอยากจะถามว่า คนอย่างเขาคิดว่าเป็นสามีของรินรวีหรือเปล่า ถึงได้ทำตัวเองแบบให้น่าสมเพชแบบนี้
จ้างให้หล่อนก็ไม่หึง รินรวีไม่มีอารมณ์แบบนี้ จะอย่างไรก็ไม่หึง
พยายามทำให้เห็นนักภาพที่แสนหวานประคองออดอ้อน หากแต่รินรวีก็เบือนภาพหนี แล้วทุกคนจะเข้าใจอย่างไร ต่างทราบดีถึงความสำคัญและฐานะ แล้วหล่อนอยากจะตอบว่า มันจะมีอะไร ก็พวกไม่รู้จักพอ อยากหาเศษหาเลยหรือมีกิ๊ก
เที่ยงของวันนี้รินรวีได้รับประทานอาหารพร้อมกับพี่เลี้ยงทั้งสองคน คือ จิตติมากับอ้อม ครั้นเมื่อมองเห็นภาพแล้ว จิตติมาอดไม่ได้ที่จะเลียบเคียงถามหญิงสาว ที่เธอนึกถูกชะตาและเอ็นดูเช่นน้องสาว
เพราะรินรวีวางตัวดี ไม่คิดข่มใคร ทำตัวแบบตามสบาย ไม่ถือว่าตัวเองเป็นถึงสะใภ้ของตระกูลนี้ พลอยทำให้จิตติมากับอ้อมนึกเคืองสายตากับท่าทีของแก้วกานต์
“ไป ได้เสียก็ดีค่ะ พี่ล่ะนึกขวางเหลือเกิน ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ เขาคงจะเรียกว่า หนายิ่งกว่าถนนราดซีเมนต์เสียอีก”
รินรวีก็ขบคิด แต่แล้วรีบสลัดออกไปให้พ้นจากใจ เพราะผู้หญิงอย่างแก้วกานต์ไม่มีอิทธิพลสำหรับหล่อน และรินรวีก็เงียบ เป็นคำตอบที่เงียบแบบนี้ ทำให้พี่เลี้ยงสองสาวนั้นเงียบตาม ตี่ในที่สุดรินรวีก็พูดขึ้นมาบ้าง
“รินอยากจะทำงานให้สบายใจที่สุดค่ะ พี่ทั้งสอง ไหนๆ และยังไงก็มาทำแล้ว จะทำให้ดีที่สุด ไม่สนใจพวกแมงเม่าที่ชอบบินเข้ากองไฟหรอกค่ะ”
“ถูกแล้วค่ะ น้องริน ขา ต้องอย่างนี้สิคะ”
ฝ่ายของปรัณย์ที่พาแก้วกานต์ออกมานั่งทานอาหารที่ข้างนอก ร้านค่อนข้างหรูมีแอร์เย็นฉ่ำ ซึ่งหล่อนหลังจากทานอาหารแล้ว ฝ่ายของแก้วกานต์กลับรบเร้าที่จะกลับออฟฟิศไปพร้อมกับเขา