วันซวย

904 Words
วันนี้หล่อนมีไฟลท์พิเศษ ลูกค้าจองเครื่องบินลำเล็กเพื่อเดินทางเป็นส่วนตัวโดยจองแบบเช่าเหมาลำ รินรดาชอบการเป็นแอร์ให้เที่ยวบินแบบนี้เพราะว่าหล่อนจะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับคนให้มากนัก... หล่อนอุตส่าห์คิดว่าวันนี้ตัวเองโชคดีแล้วที่ได้ทำงานสบายๆ สุดท้ายหล่อนก็มาซวยที่ต้องมาเกิดอุบัติเหตุ... ทำให้เสียเวลาซ้ำต้องเอารถไปซ่อมเองอีกต่างหาก แล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องออกเงินเองหรือเปล่าด้วยเพราะเช็คที่ได้มาง่ายดายทำให้ไม่ค่อยมั่นใจว่ามันจะใช้ได้หรือเปล่า เผลอๆ อาจจะเป็นเช็คเด้งด้วยซ้ำ “วันนี้มันวันซวยอะไรของเธอนะเนี่ยหนูดี” รินรดาขับรถไปเซ็งไปตลอดตั้งแต่จุดเกิดเหตุจนไปถึงสนามบิน... ร่างสูงใหญ่ในชุดสีเทาเดินเข้ามาที่อาคารผู้โดยสารที่เมื่อก่อนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย หากแต่ตอนนี้มีการเปิดใช้สนามบินแห่งใหม่ สนามบินดอนเมืองจึงมีเที่ยวบินน้อยลง สำหรับเขานั้นเขาชอบขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมืองมากกว่าเพราะรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ ก่อนหน้านั้นเทียวบินไปโน่นมานี่ตั้งแต่ยังเด็กจนรู้สึกว่าที่นี่เป็นบ้านอีกหลังไปแล้ว ดีที่ตอนนี้สายการบินต้นทุนต่ำและสายการบินชาร์เตอร์ไฟลท์ย้ายฐานมาบินที่ดอนเมืองทำให้สนามบินคึกคักไม่เงียบเหงา ลูกน้องสองสามคนที่จะตามไปประชุมด้วยกันนั้นรอเขาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ดูเหมือนว่าทุกคนจะพร้อมใจกันใส่สูทสีดำจนดูเหมือนว่าเป็นแก๊งมาเฟียแล้วมีเขาที่ใส่สูทสีต่างเพื่อนเป็นหัวหน้า ทั้งที่จริงแล้วเขาเป็นแค่ผู้บริหารโรงแรมเท่านั้น... เคยมีคนบอกเขาว่าหน้าตาเรียบๆ ของเขานั้นดูน่าเกรงขาม แล้วยิ่งนิสัยเขาเป็นคนที่เคร่งขรึมยิ้มยากยิ่งทำให้น่ากลัวเข้าไปใหญ่ ผิดกับน้องชายของเขาที่ละม้ายคล้ายกันจนมีใครหลายคนทักว่าเป็นคู่แฝด แต่อีกฝ่ายนั้นหน้าตาเป็นมิตรยิ้มแย้มแจ่มใส จึงเป็นขวัญใจ เด็ก สตรี และคนชรา ดังนั้นคนที่รู้จักกันนานมากขึ้นจะรู้ว่านิสัยเขากับน้องชายแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว... จึงจำได้ว่าใครเป็นใคร ไม่ได้จำสลับกันเหมือนบางคนที่รู้จักกันผิวเผิน น้องชายเขาร่าเริง ยิ้มง่าย มองโลกในแง่ดี หากเปรียบกับผ้าก็คงเป็นสีขาว ส่วนเขา... เงียบขรึม ชอบความสงบ และมองโลกในแง่ลบ แถมไม่ได้ใจดีเหมือนน้องชาย ถ้าหากเปรียบแล้วก็คงเหมือนผ้าสีดำ แต่ความแตกต่างนี้ไม่ได้ทำลายความสามัคคีของพวกเขาสองพี่น้องแต่อย่างใด พวกเขายังรักกันดีเพราะมีกันอยู่แค่สองคน เนื่องจากบิดามารดาของเขาและน้องชายนั้นเสียชีวิตไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสมัยที่พวกเขาเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยกันใหม่ๆ ทั้งสองฝ่าฟันธุรกิจและทำงานร่วมกันมาอย่างยากลำบาก จึงไม่เคยทิ้งกันเลย... “นายเล็กบินหรือยังล่ะ” เขาหันไปถามเตวิชญ์ซึ่งเป็นเลขาคู่ใจที่ทำงานด้วยกันมาหลายปี ก่อนที่จะมาที่นี่เขากับน้องชายยังประชุมงานด้วยกันอยู่ แต่เลขาของน้องชายเขาจัดตารางงานซ้อนกัน เขตแดนจึงรีบออกมาก่อน ส่วนเขาที่ต้องขึ้นไปดูโรงแรมที่ทางเหนือนั้นตามมาทีหลัง... “บินไปแล้วเรียบร้อยครับ เห็นบอกว่าจะอ่านเอกสารที่จะต้องพูดในที่ประชุมตอนอยู่บนเครื่อง ผมคำนวณดูเวลาแล้วน่าจะทันครับ” “เลขานายเล็กยังทำงานไม่คล่องเท่าไหร่ ขนาดว่าเป็นเด็กจบเกียรตินิยมมหาวิทยาลัยดัง ซื้อตัวมาด้วยราคาสูงแต่ทำงานไม่ได้เรื่องเลย... ถ้าว่างนายก็สอนเขาหน่อยก็แล้วกัน” หม่อมราชวงศ์อรรถากรบอกลูกน้องก่อนจะพากันเดินมาที่ประตูทางออกเพื่อรอขึ้นเครื่องบินลำเล็กที่ปลายหางเครื่องมีสัญลักษณ์ของสายการบินเอเชียแอร์ไลน์ สายการบินที่ผูกพันกันทางธุรกิจกับกิจการในเครืออมรกรุ๊ปอย่างแน่นแฟ้น ร่างสูงสง่าผ่าเผยไม่ได้มีเพียงสัดส่วนเท่านั้นที่โดดเด่น หากแต่ใบหน้าคมเคร่งขรึมและดวงตาคมกริบประดุจมีดโกนนั้นก็ดูดีไม่แพ้กัน... เขาได้เชื้อสายเจ้ามาจากปู่ ได้สายเลือดยุโรปมาจากย่า เมื่อพ่อเขาเกิดมาก็ใช้นามสกุลของย่าและปู่ร่วมกันเพื่อเป็นการให้เกียรติทั้งสองท่าน และมาถึงรุ่นเขาก็ต้องใช้สืบต่อกันตามมา ด้วยความที่มีเลือดยุโรปในตัวนี้ทำให้รูปร่างของเขาสูงใหญ่กว่าชายไทยทั่วไป และใบหน้าที่หล่อเหลาหาตัวจับได้ยากไม่มีใครเหมือน (ยกเว้นน้องชาย) นั้นบ่งบอกได้ถึงความเป็นคนสายเลือดผสมสองชาติอย่างเขา หม่อมราชวงศ์หนุ่มเดินหน้าเรียบไร้ความรู้สึกขึ้นเครื่องบินไปโดยที่ไม่ค่อยสนใจใครนัก ไม่สนใจแม้กระทั่งแอร์โฮสเตสสาวหน้าหวานที่ยืนมอบพวงมาลัยต้อนรับเขาตามหน้าที่อยู่ เขาแค่หันมามองหล่อนแวบหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไป ปล่อยให้หญิงสาวยื่นมาลัยให้เขาเก้อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD