อุบัติเหตุ

1132 Words
บนถนนวิภาวดีรังสิตทิศมุ่งสู่สนามบินดอนเมืองช่วงนี้รถยนต์โล่งเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว รถเมอร์เซเดสเบนซ์คันหรูวิ่งโฉบบนท้องถนนยามสายอย่างรีบเร่ง... เขาขับรถปาดหน้าแซงซ้ายแซงขวารถคันอื่นที่ขับอย่างรีบเร่งไม่แพ้กัน บ่อยครั้งที่เขารีบแล้วได้รับการบีบแตรด่าจากรถคันอื่น... หากเสียงแตรมันบอกแทนคนได้ เขาก็คงได้รับคำถามว่า ไอ้ห่า มึงจะรีบไปตายที่ไหนวะ... แต่เขาไม่สนใจ เพราะว่าถ้าไปไม่ทันก็อาจตายได้เหมือนกัน... เขา หม่อมราชวงศ์เขตแดน เลิศยศอมร คลากสัน... รองประธานกรรมการผู้บริหารวัยย่างสามสิบแห่งเครืออมรกรุ๊ป บริษัทยักษ์ใหญ่ในสายธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยและประเทศแถบเอเชีย เนื่องจากว่าเป็นผู้บริหารใหญ่เขาจึงงานยุ่งเหยิงเกินกว่าที่มือสองมือของเขาจะรับไหว แล้วยิ่งเลขาที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ยังไม่ค่อยคล่องงานยิ่งทำให้เขาลำบากมากขึ้น... อย่างเช่นการเร่งรีบในครั้งนี้ก็เพราะไอ้รติพงษ์เลขาตัวดีของเขาที่รับงานซ้อนกันโดยไม่ได้ดูรายละเอียดดีๆ ตามตารางงานที่เลขาจัดไว้คือวันนี้เขาต้องประชุมตอนแปดโมงในโรงแรมแกรนด์อมร ปรินซ์เซส โรงแรมระดับห้าดาวกลางกรุงเทพเมืองฟ้าอมร... จากนั้นสิบโมงเขาต้องไปตรวจงานที่โกดังสินค้าและอาหารแถวๆ สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วรายการสุดท้ายของวันคือเที่ยงครึ่งเขาต้องเป็นประธานประชุมคณะกรรมการผู้บริหารโรงแรมห้าดาวในเมืองท่องเที่ยวแห่งหนึ่งทางภาคใต้... พอรู้เรื่องการผิดพลาดในการวางตารางงานของเลขาใหม่แล้วเขาเกือบเตะผ่าหมากลูกน้องให้มันนอนดิ้นตายกับความผิดพลาดของมัน มันคิดว่าเขาจะแยกร่างตรวจงานที่กรุงเทพฯ ไปด้วย แล้วถอดวิญญาณไปเปิดการประชุมที่ต่างจังหวัดด้วยได้หรือยังไงกัน แล้วงานประชุมที่มันจัดซ้อนกันนั้นก็เลื่อนไม่ได้ เพราะเป็นงานใหญ่ที่มีผลต่อชื่อเสียงของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องบึ่งออกจากห้องประชุมตอนเช้ามาเพื่อขึ้นเครื่องบินไฟลท์ที่เลขาจองไว้ให้ลงภาคใต้ แล้วให้ไอ้เลขาเจ้ากรรมไปตรวจงานแทนเขาที่โกดัง ไม่รู้ว่าเลขาใหม่คนนี้จะทำงานได้เรื่องหรือเปล่า แต่เขารู้แค่ว่าตอนนี้เขาต้องรีบไปที่สนามบินให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นพี่ชายของเขาได้เอาเขาตายแน่ ระหว่างที่รถเขาจะเลี้ยวเข้าถนนอีกเลนนั้นเขาชะลอความเร็วลง แต่ว่ารถอีกคันที่ตามมาไม่ทันได้ตั้งตัวก็พุ่งตรงดิ่งมาที่รถเขา เสียงรถเบรกดังลั่นจนแสบแก้วหู โชคดีที่รถคันหลังไม่ได้ขับด้วยความเร็วสูงนัก เมื่อถึงจุดที่รถปะทะกันจึงไม่ได้ชนกันรุนแรงเท่าไหร่... ท้ายรถเบนซ์สีดำคันโตของหม่อมราชวงศ์หนุ่มที่จอดสนิทอยู่นั้นมีรถยนต์ยี่ห้อเดียวกันที่เป็นสีขาวจูบท้ายอย่างพอดิบพอดี ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย... เขารีบทีไรเป็นได้เรื่องทุกทีซิน่า เขาเดินลงจากรถไปดูรถคันหลังและเคาะกระจกเมื่อเห็นว่าคนที่ขับรถอีกคั้นนั้นฟุบอยู่กับพวงมาลัย... คำขอโทษที่ตั้งใจจะพูดนั้นเป็นอันต้องพับไปเพราะควรจะเป็นการไต่ถามว่าหล่อนยังอยู่ครบสามสิบสองหรือเปล่าแทนมากกว่า... “คุณครับ คุณ” หม่อมราชวงศ์เขตแดนเคาะกระจกหล่อนเพื่อความแน่ใจ เขามองไปรอบๆ รถคันอื่นก็ขับเลยรถเขาและหล่อนไปโดยไม่แยแสว่าต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า... เขาส่ายหัวกับความแล้งน้ำใจของคนกรุงก่อนจะหันมาสนใจแม่สาวในรถต่อ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาจากพวงมาลัยแล้วเงยหน้ามองเขา หล่อนสวมชุดของเจ้าหน้าที่สายการบินที่เขาคุ้นเคย ใบหน้าสวยแต่ซีดเซียวนั้นมองเขา... เหมือนว่าความตกใจของหญิงสาวจะหายไป เหลือเพียงแต่ความเกรี้ยวกราดแทน หล่อนชักสีหน้าใส่เขาอย่างเต็มเหนี่ยวจนคนที่มองอยู่ขนลุก กระจกรถถูกเลื่อนลงมาเมื่อหล่อนพร้อมจะคุยกับเขา “ซื้อใบขับขี่มาหรือไงถึงได้ขับรถห่วยแตกอย่างนี้... อยากตายทำไมไม่ไปขับที่อื่น มาขับตรงที่คนดีๆ เค้าขับทำไม” ถ้อยคำด่าทอผุดออกมาจากปากหล่อนทั้งๆ ที่เขาไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ แทนที่จะโกรธเขากลับหัวเราะที่หล่อนด่าเขามากกว่า ปากเก่งอย่างนี้ท่าทางจะไม่ได้เจ็บได้ปวดอะไรกระมัง... ผู้หญิงบ้าอะไรสวยชะมัด ขนาดตอนโกรธก็ยังสวย “เป็นอะไรไหมครับ” “ไม่” หล่อนตอบเสียงสูง “แต่รถฉันเป็น คุณโทรเรียกประกันมาด้วย” “ผมไม่มีเวลา ต่างคนต่างซ่อมแล้วกัน” “ต่างคนต่างซ่อม” หล่อนทวนคำเขาเสียงสูง “บ้าหรือไงคุณ ฉันต้องรับผิดชอบสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำด้วยหรือไง... คุณนี่ก็หน้าตาก็ดีทำไมชอบปัดสวะไม่รู้จักรับผิดชอบบ้างเนี่ย” อืม...อย่างน้อยหล่อนก็ชมว่าเขาหน้าตาดี... แสดงว่าหน้าตาเขาก็คงใช้ได้อยู่เหมือนกัน หม่อมราชวงศ์หนุ่มยิ้มน้อยๆ กับความคิดของตน “ผมรู้ว่าผมผิด ผมไม่ได้บอกว่าจะให้คุณจ่ายค่าซ่อมเอง... ผมรับผิดชอบแน่ๆ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาและก็รีบมากครับ” “ตอนนี้ฉันก็รีบเหมือนกัน ต้องไปเตรียมตัวขึ้นเครื่องจะมีปัญหาก็เพราะคุณนี่ล่ะ” “ผมก็ต้องรีบไปขึ้นเครื่องเหมือนกัน... เอาอย่างนี้... ผมจะให้เงินคุณไปซ่อมในฐานะที่ผมผิด” เขาล้วงสมุดเช็คจากเสื้อสูทออกมา ปากกาทองฝังเพชรที่อยู่บนอกเสื้อด้านหน้าถูกดึงมาด้วยมือหนาแต่นิ้วเรียวเสลาดุจลำเทียน...เขาเซ็นเช็คให้หล่อนแกรกๆ แล้ววางลงใส่คอนโซลรถของหล่อนโดยไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร “ในวันที่เราไม่รีบค่อยพบกันใหม่นะครับ” แล้วเขาก็ผลุนผันจากไป จากไปพร้อมกับเช็คราคาหนึ่งแสนบาทในมือของรินรดา “รถไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ให้มาเป็นแสน บ้าหรือเปล่าเนี่ย” รินรดาบ่นตามหลังเขาด้วยความไม่เข้าใจ... วางเช็คนั้นใส่กระเป๋าใบโปรดแล้วขับรถตามรถคันสีดำมุ่งหน้าไปเส้นทางเดียวกัน เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนเพราะว่าตอนนี้หล่อนก็รีบไม่ต่างจากเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD