05

1335 Words
“กรี๊ด........!” แม่คุณกรีดร้องสุดเสียง ในขณะที่ดวงตากลับเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ว่าปากก็ร้องแรกแหกกระเชอ สองตาก็จ้องเอาๆ ราวกับจะเก็บรายละเอียดทั้งหมดไว้ กระทั่งเป็นลมล้มพับลงไปกองกับพื้นในที่สุด “เฮ้ย!” ทุกคนถึงกับอุทานออกมาพร้อมกัน และถ้าหวังจะได้เห็นฉากพระเอกถลาเข้าไปรับนางเอกก่อนที่หัวนางเอกจะกระแทกกับพื้นล่ะก็ คงต้องพบกับความผิดหวัง เพราะตอนนี้พ่อพระเอกยังคงยืนอึ้งรับประทานอยู่ เรียกว่างงเป็นไก่ตาแตกกันเลยทีเดียว ก็จู่ๆ แม่คุณก็กรี๊ด แล้วจู่ๆ แม่คุณก็สลบไปแบบไม่ปี่มีขลุ่ย ทำราวกับว่าเห็นผีก็ไม่ปาน “หรือว่าเมาแดดวะ” ฮารีฟอดสันนิษฐานไม่ได้ ขณะทรุดเข่าอยู่ข้างๆ ร่างที่หมดสติไปแล้ว “เฮ้ย! หรือว่าตอนที่ชนประตูเมื่อกี้ ทำให้สมองกระทบกระเทือน เลือดคลั่งในสมอง กล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน ความดันผิดปกติ ติดเชื้อในกระแสเลือด ก็เลยช็อกไปแบบนั้น” ฮารีฟยังคงสันนิษฐานต่อด้วยความตื่นตูม ในขณะที่คนอื่นเพียงหันมามองอย่างเอือมๆ และพูดเพียงว่า “มึงเป็นหมอเหรอ” ทั้งเฟาซีและฮาซานถามแทบจะพร้อมกัน “เอาเถอะ ฉันว่ารีบไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ก่อนที่คนอื่นจะพากันแห่มา เราจะตกเป็นเป้าสายตามากเกินไป อีกอย่างเราอยู่ในที่แจ้งแบบนี้มันอันตราย ไอ้ฟาฮัสอาจฉวยโอกาสนี้มาเล่นงานเรา” ชีคหนุ่มเอ่ยเตือน ซึ่งดูเหมือนเหล่าองครักษ์ก็เห็นดีด้วย “แล้วผู้หญิงคนนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ” เฟาซีถามขึ้น ทำให้ทุกคนก้มมองที่ร่างแน่นิ่งพร้อมกันอีกครั้ง “ปล่อยไว้อย่างนี้แหละ อีกเดี๋ยวก็คงมีคนมาช่วย” ฮารีฟเสนอความคิดอย่างไม่มีทางเลือก แต่... “พาไปด้วย” ทุกคนถึงกับหันขวับมามองหน้าท่านชีคเป็นตาเดียว “แต่...” เฟาซีอยากจะค้าน แต่ก็ถูกขัดขึ้นอีก “ฉันคิดดีแล้ว” สิ้นเสียงชีคหนุ่มก็เดินกลับไปขึ้นรถตามเดิม ปล่อยให้ที่เหลือช่วยกันอุ้มร่างแน่นิ่งของพรสวรรค์ตามมาอย่างเสียมิได้ แต่ก่อนที่สามหนุ่มจะได้นั่งประจำที่ เสียงชีคหนุ่มก็ดังขึ้นอีก “ฮารีฟ ขี่รถคันนั้นตามไป” ทุกคนหันมองตามสายตาชีคหนุ่มที่หยุดกึกอยู่ที่มอเตอร์ไซค์สีหวานคันเล็กที่จอดอยู่ “หา!” ฮารีฟผงะถอยไปหลายก้าวอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ก่อนจะหันไปมองมอเตอร์ไซค์สีหวานสลับกับรถยนต์คันหรูไปมา และก่อนที่เขาจะทันได้ปฏิเสธใดๆ รถยนต์คันหรูก็เคลื่อนออกไป “ไม่ๆๆ อย่าทรงทำแบบนี้ ไอ้เศษเหล็กคันนี้มันไม่เข้ากับทหารเสืออย่างกระหม่อมเลยสักนิด ไม่...!” ฮารีฟแทบจะวิ่งตามรถ ก่อนจะพบว่ามันคงเปล่าประโยชน์ สุดท้ายจึงได้แต่กุมขมับยอมรับในโชคชะตาที่ต้องอยู่ร่วมกับเศษเหล็กสองล้ออย่างเลี่ยงไม่ได้ ณ โรงแรมสุดหรู ในห้องพักสำหรับแขกวีไอพี “ความจริงเราน่าจะพาผู้หญิงคนนี้ไปส่งไว้ที่โรงพยาบาลนะพ่ะย่ะค่ะ พากลับมาด้วยแบบนี้ กระหม่อมเกรงว่าอาจเกิดปัญหาตามมาทีหลัง อีกอย่างให้ไปอยู่ใกล้หมอก็น่าจะดีกว่ามาอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ” ฮาซานไม่เห็นด้วยที่ชีคหนุ่มพาผู้หญิงที่ไม่รู้ที่มาที่ไปกลับมาด้วยแบบนี้ “เอาเถอะ! จะอยู่นี่หรืออยู่โรงพยาบาลมันก็ไม่ต่างกัน เพราะยังไงนางก็ได้เจอหมอเหมือนกัน แล้วหมอเองก็บอกว่านางแค่เป็นลมหมดสติธรรมดา ไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกเดี๋ยวก็น่าจะฟื้น” ก่อนจะมาถึงที่นี่ ชีคหนุ่มได้ให้คนประสานตามหมอจากโรงพยาบาลมาตรวจอาการคนหมดสติ และเมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก “แต่เราไม่ควรไว้ใจนางนะพ่ะย่ะค่ะ” เฟาซีเสริมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอีกคน “เพราะอย่างนี้ไงล่ะ ฉันถึงอยากพิสูจน์ ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นนางนกต่อให้ไอ้ฟาฮัสอย่างที่พวกแกสงสัย ฉันนี่แหละที่จะซ้อนแผนตลบหลังมันเอง” ชีคหนุ่มหยักยิ้มมุมปากพลางหันไปมองคนที่ยังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง กระทั่งเห็นเปลือกตาเธอค่อยๆ ขยับ “อือ...! ที่นี่ที่ไหน” พรสวรรค์ลืมตามองเพดานห้องสีขาวที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เธอต้องเลื่อนสายตาไปมอง “ฟื้นสักทีนะ ยังเจ็บตรงไหนรึเปล่า” น้ำเสียงราบเรียบของคนที่นั่งไขว่ห้างด้วยท่วงท่าสบายๆ ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วสงสัย “หรือว่าเราตายไปแล้ว แล้วที่นี่ก็เป็นสวรรค์ พระเจ้า! เทวดาที่นี่หล่อล่ำชะมัด แล้วเมื่อกี้เขาก็คุยกับเราเป็นภาษาอังกฤษ หรือว่า...” เธอทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ “หรือว่าสวรรค์ก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร โอ๊ย! โชคดีนะที่เราเก่งภาษา อยากขอบคุณที่ตอนเด็กๆ ตั้งใจเรียน ดูซิ ขนาดตายยังได้ใช้เลย” เธอยิ้มอย่างปลื้มปริ่ม ก่อนจะดีดตัวขึ้นจากที่นอนด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ “เฮ้ย! ถ้านี่เป็นสวรรค์ แล้วนั่นคือเทวดา งั้นฉันก็...............นางฟ้าน่ะสิ กรี๊ด! ฉัน...เป็น...นาง...ฟ้า” เอ่อ...ตกใจได้เวอร์มาก ชนิดที่หนุ่มๆ ที่อยู่ในห้องหันมากะพริบตาปริบๆ ให้กันอย่างไม่เข้าใจความเล่นใหญ่ของเธอ “เอ่อ...ฉันนางฟ้าฝึกหัด เพิ่งตายหมาดๆ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” พรสวรรค์หันมาค้อมศีรษะให้กับชีคหนุ่มอย่างนอบน้อมระคนเขินอาย ทำเอาอีกสองหนุ่มที่อยู่อีกด้านของเตียงถึงกับหลุดขำพรืดออกมา “บ้าบอ! ทำไมเทวดาที่นี่ถึงได้ทะลึ่งแบบนี้นะ ดูซิ! เสื้อพงเสื้อผ้าก็ไม่ใส่ จะโชว์ความล่ำอะไรกันนักหนา ไม่รู้รึไงว่าใจมันสั่น ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเป็นคนเจอแบบนี้เราคงเขินและโวยวาย แต่ตอนนี้...ฉันเป็นนางฟ้า ฉันจะมองยังไงก็ได้” หลังจากก้มหน้างึมงำกับตัวเองเสร็จ เธอจึงเชิดหน้าเบิกตาชมความล่ำบึ๊กของเทวดาตรงหน้าอย่างสาแก่ใจ “เฟาซี แกคิดเหมือนฉันไหมวะ” ฮาซานหันมากระซิบถามเพื่อน “คิดว่า?” เฟาซีถาม “ก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ปกติไง สงสัยตอนเกิดอุบัติเหตุเมื่อกี้ หัวคงไปกระแทกกับพื้น ทำไมดูเพี้ยนๆ แปลกๆ” “เรื่องนั้นฉันไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือสายตาที่เขามองท่านชีคมันดูแปลกๆ เหมือน...” เฟาซีสังเกตเห็นสายตาของพรสวรรค์แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ “เหมือนอะไรวะ” “ก็เหมือนกำลังมองท่านชีคนั่งแก้ผ้าอยู่น่ะสิ แกไม่เห็นสายตาวิบวับที่บางครั้งก็ดูเหมือนหิวกระหาย บางครั้งก็ดูเขินอายนั่นเหรอวะ” เฟาซีบุ้ยหน้าชี้ชวนให้เพื่อนสังเกตตาม “ไม่มีอะไรหรอก เสื้อผ้าท่านชีคก็ยังอยู่ครบ อีกอย่างแกยังไม่ชินอีกเหรอวะ ผู้หญิงคนไหนเห็นท่านชีคของเราก็ต้องมองเหมือนหิวแบบนี้ทุกคนแหละ” ฮาซานค้านความคิดของเพื่อน “เออก็จริง สงสัยฉันจะคิดมากไป” “เอาล่ะ! ฉันจะถามเธอดีๆ และเธอคงฉลาดพอที่จะตอบคำถามฉันตรงๆ เธอเป็นใคร มาจากไหน แล้วทำงานให้ใคร” ชีคหนุ่มเสียงขรึมขึ้น ถึงแม้ความจริงจะกำลังประหม่าเพราะสายตาหื่นหิวของเธออยู่ก็ตาม “ดี! ชอบ! เทวดาดุดันแบบนี้นางฟ้าชอบ” เธอก้มหน้าแอบพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าตอบคำถามเขาด้วยรอยยิ้มหวานๆ ในเวลาต่อมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD