06

1397 Words
“ฉันชื่อพรสวรรค์ หรือจะเรียกสั้นๆ ว่านางฟ้ามะลิก็ได้ ก่อนตายฉันจะไปสมัครงาน แต่ดันเกิดอุบัติเหตุตายซะก่อน ความจริงฉันก็เกือบจะได้งานทำอยู่แล้ว เพราะฉันทั้งสวยกว่าแล้วก็เก่งกว่าคู่แข่งตั้งหลายเท่า แต่เพราะฉันคิดว่างานแบบนั้นคงไม่เหมาะกับฉันสักเท่าไหร่ ฉันก็เลยปฏิเสธไป” “โกหก” ชีคหนุ่มเสียงเข้ม ทำเอาคนปั้นเรื่องถึงกับสะดุ้ง เพราะคิดว่าถูกจับได้ “รู้อีก! เล่าเสริมนิดเสริมหน่อยก็ไม่ได้ ไหนๆ ก็ตายแล้ว ขอตายอย่างภูมิใจหน่อยไม่ได้เลยรึไง” เธอก้มหน้างึมงำกับตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่าเขาไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้เลยสักนิด “ก็ได้ๆ ความจริงก็คือ ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกบริษัทนั่นปฏิเสธ เหตุผลก็เพราะว่า...ฉันไม่เซ็กซี่พอ แล้วฉันก็ตู้มสู้คู่แข่งไม่ได้ ไม่มีอะไรให้ดึงดูด มีแต่ความเฉิ่มเชย เขาถึงได้ไม่รับฉันเข้าทำงาน คอยดูเถอะ! ถ้าฉันมีเวทย์มนตร์คาถาเมื่อไหร่ ฉันจะเสกให้นมตู้มกว่ายัยนั่นสองเท่าเลย ชิ! ไม่เห็นต้องพึ่งหมอศัลยกรรม นางฟ้าอย่างฉันนี่แหละที่จะทำให้ดู” นางฟ้าฝึกหัดคิดอย่างหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเสกให้ตัวเองตู้มกว่าใครๆ “บังอาจ!” เฟาซีเสียงกร้าวขึ้นทันที เพราะคิดว่าเธอกำลังยึกยักปั้นเรื่องมาปั่นหัวพวกเขา ทำเอาเธอถึงกับหันมามองด้วยความหวาดกลัว และรีบตอบกลับไปว่า “นางฟ้าทำนมไม่ได้เหรอ ก็ได้ ฉันไม่ทำก็ได้ ฉันจะยอมเป็นนางฟ้าคัพเอก็ได้” สีหน้าท่าทางและคำพูดของเธอทำเอาทุกคนถึงกับหันมามองหน้ากันเหลอหลาอีกที “ตกลงนี่เราคุยเรื่องเดียวกันอยู่รึเปล่าวะเฟาซี ทำไมฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังคุยอยู่กับคนสติไม่ดียังไงก็ไม่รู้ว่ะ หรือว่า...ฉันเองก็เพี้ยนไปแล้วด้วยเหมือนกัน” ฮาซานเกาหัวตัวเองเบาๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจนักว่าใครกันแน่ที่เพี้ยน “เอาล่ะ! ช่างเถอะ ถามอะไรไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ ว่าแต่ทำไมป่านนี้ฮารีฟยังไม่มา” ชีคหนุ่มบอกอย่างถอดใจ ก่อนจะถามหาองครักษ์อีกคน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหายไปนานเกินไป แต่ดูเหมือนฮารีฟจะอายุยืน เพราะพูดยังไม่ทันขาดคำ ฮารีฟก็เปิดประตูเข้ามา “เฮ้ย!” ทุกคนถึงกับอุทานพร้อมกันกับสภาพของฮารีฟในตอนนี้ ที่แทบไม่เหลือเค้าขององครักษ์หนุ่มรูปงาม มีเพียงชายหน้าดำหัวตั้งๆ เสื้อผ้าสกปรกมอมแมมที่เดินมาพร้อมกับล้อรถจักรยานยนต์ “ที่นี่มันสวรรค์ แต่ทำไมยมทูตถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ” พรสวรรค์หันไปมองฮารีฟด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่จะฟูมฟายในเวลาต่อมา “หรือว่า...จริงๆ แล้ว ฉันไม่ได้ขึ้นสวรรค์ แต่ต้องไปนรก เขาส่งฉันมาผิดที่ ยมทูตก็เลยจะมารับตัวฉันไป ไม่นะ ไม่เอา ฉันไม่อยากไปนรก คุณเทวดาช่วยฉันด้วย” เธอกระโดดผลุงลงจากเตียง ก่อนจะกระโจนไปนั่งบนตักชีคหนุ่มอย่างหาที่พึ่ง มันเป็นภาพที่ทำเอาทั้งสามหนุ่มถึงกับผงะตาโต พลันฮารีฟรีบโยนล้อมอเตอร์ไซค์ในมือไปอีกทาง พลางสาวเท้าเข้าไปเพื่อจับดึงคนที่บังอาจมานั่งตักอันสูงส่งนั้นด้วยตัวเอง “ไม่เอา ไม่ไป ฉันจะอยู่ที่นี่ ได้โปรดอย่าให้เขาพาฉันไป” คราวนี้ไม่เพียงแค่นั่งตัก แต่เธอยังโอบรอบคอเขาไว้แน่น ทำเอาเจ้าของตักถึงกับวางหน้าไม่ถูก รู้สึกไม่ชอบใจแต่ขณะเดียวกันก็กำลังปั่นป่วนเพราะกลิ่นหอมๆ จากตัวเธอที่ลอยมาเตะจมูก สุดท้ายจึงได้แต่ยกมือโบกไล่ให้ทุกคนออกไป “แต่ว่า...” ฮารีฟตั้งใจจะค้าน แต่เห็นสายตาคมเฉียบนั่นแล้ว ทั้งสามจึงพากันเดินออกไปอย่างขัดไม่ได้ “ปล่อยได้แล้ว ฉันอึดอัด เธอรัดคอฉันแน่น ฉันหายใจไม่ออก” เขาบอกพร้อมกับพยายามแกะสองมือของเธอออกจากรอบคอตัวเอง “เป็นเทวดาต้องหายใจด้วยเหรอ” เธอยอมคลายแขนออกจากต้นคอ ก่อนจะดันตัวเองออกมาเพื่อมองหน้าเขาด้วยสีหน้าระแวงสงสัย แทนคำตอบจู่ๆ เขาก็โน้มใบหน้าฉกวูบลงมาที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ โดยที่สาวเจ้าไม่ทันได้ตั้งตัว คนที่เพิ่งเคยถูกจูบเป็นครั้งแรก ถึงกับชะงักนิ่งมึนงง ก่อนจะดิ้นขลุกขลักเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกอีกฝ่ายปล้นลมหายใจไปดื้อๆ “ทีนี้รู้รึยังว่าต้องหายใจไหม” เขาถามเสียงดุหลังปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ให้ตายเถอะ! นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเสียดายที่ต้องถอนจูบจากผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเฉพาะผู้หญิงธรรมดาๆ ที่แทบไม่มีอะไรเลยอย่างเธอ หรือจะเป็นเพราะความไม่ประสาที่เขาสัมผัสได้ ไม่ก็รสจูบหวานๆ หรืออาจจะเป็นกลิ่นตัวหอมๆ ที่ลอยมาเตะจมูกครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกได้ “มาจูบฉันทำไม” เธอถามเสียงเบาหวิว รู้สึกกลัวบุคคลตรงหน้าขึ้นมาตงิดๆ “ก็เพื่อพิสูจน์ให้เธอรู้ไงว่าไม่ว่าจะฉันหรือเธอ เราต่างก็ยังต้องหายใจ และเราสองคนก็ยังไม่ตาย หรือเธออยากตาย ฉันจะได้สั่งให้คนของฉันมาลากเธอไปจัดการ” คำบอกเล่าคละเคล้าขู่เข็นของเขาทำให้เธอจำต้องมองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง แล้วก็พบกับโลโก้โรงแรมที่ติดอยู่บนฝาห้อง “โรงแรม พวกคุณพาฉันเข้าโรงแรมทำไม จะลักพาตัวฉันมาทำมิดีมิร้ายใช่ไหม หรือว่าพวกคุณเป็นโจรที่ชอบจับผู้หญิงไปขายชายแดน กรี๊ด...! ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย ฉันโดนโจรจับมา ใครอยู่ข้างนอกช่วยที” พรสวรรค์ตีโพยตีพายลุกขึ้นโวยวายเสียงดังลั่นห้อง “เงียบ!” เขาตวาดเสียงกร้าว ทำเอาเธอหยุดชะงัก ก่อนจะกรี๊ดเสียงดังลั่นกว่าเดิม “กรี๊ด....!” เธอกรีดร้องพลางวิ่งไปที่ประตู แต่ก่อนที่มือเธอจะทันได้เอื้อมไปถึงลูกบิด กายสาวก็ถูกฉุดอุ้ม ก่อนจะถูกโยนลงบนเตียง “โอ๊ย! ไอ้บ้า ฉันจะฆ่าแก” เธอทั้งเจ็บทั้งกลัวจนน้ำตาซึม ชี้หน้าตั้งใจจะลุกขึ้นสู้ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายโถมตัวลงมาคร่อมเอาไว้จนไม่สามารถลุกไปไหนได้ “ถ้าอยากให้ไอ้พวกกลัดมันข้างนอกมันเข้ามารุมโทรม ก็เชิญแหกปากให้ดังๆ เธอก็เห็นแล้วนี่ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน โดยเฉพาะคนที่มันจะลากเธอออกไปเมื่อกี้ ฉันจะบอกให้ว่ามันทั้งโหดทั้งซาดิสม์แล้วก็วิปริตสุดๆ” เอ่อ...อยู่ดีๆ องครักษ์รูปงามทั้งสามก็กลายเป็นหนุ่มโรคจิตไปซะงั้น โดยเฉพาะฮารีฟที่ดูจะหนักกว่าใครเพื่อน ช่างเป็นการขู่ที่ดูร้ายๆ กับองครักษ์ซะเหลือเกิน แต่มันก็ได้ผลเกินคาด เพราะเธอหุบปากเงียบไปแล้ว “ไง! จะให้ฉันส่งเธอออกไปให้พวกมันตอนนี้เลยก็ได้นะ” เขาขู่แกมท้า ทำเธอส่ายหน้าทั้งน้ำตา เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่เขาจำต้องสวมบทโหดต่อไป เพื่อง่ายต่อการจะควบคุมเธอ “อย่าส่งฉันออกไปข้างนอกเลยนะ อยากได้หรืออยากให้ฉันทำอะไรฉันยอมทุกอย่างเลย” เธอบอกทั้งน้ำตา ขณะที่ใบหน้าเธอนั้นก็ห่างจากใบหน้าเขาไม่ถึงคืบ “ทุกอย่างเลยเหรอ” เขาถามด้วยท่าทางคุกคาม พร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน “ยกเว้นตัวฉันได้ไหม” เสียงเธอเบาจนแทบไม่ได้ยิน ด้วยกลัวคำตอบที่จะได้ยิน กลัวว่าเขาจะตอบปฏิเสธคำขอของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD