ผู้ชายขายน้ำ 20+
Ep 5. ลีลาสายเปย์
PART : ลีลา
"ทำไมไม่รู้สึกเจ็บ?"
ฉันพึมพำเบาๆเพราะไม่รู้สึกเจ็บอย่างที่คิดไว้
"ก็ลืมตาขึ้นมาดูสิจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร"
"!"
น้ำเสียงยียวนที่สุดแสนจะคุ้นหูทำให้ฉันรีบลืมตาขึ้นมองทันที
ภาพที่เห็นตรงหน้าตอนนี้ ใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้าฉัน ดวงตาคมเข้มกับริมฝีปากบางเฉียบแสนร้ายกาจที่กำลังกดยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อยนั่นฉันจดจำมันได้ขึ้นใจเลยทีเดียว
เขาคนนี้...คืออีเด็กบ้าที่ลวมลามฉันเมื่อคืนไง...จะใครเล่า!
"ความซุ่มซ่ามนี่คงจะติดเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายสินะ?"
ในขณะที่ฉันยังมึน งง และสงสัยอยู่ในอ้อมแขนของเขา เสียงทุ้มกวนๆก็ดังขึ้นมาอีก ทำให้ฉันได้สติและกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่เสียงแหลมๆของน้าเอมอรก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน
"ตายแล้วหนูลี! ทำไมถึงได้ปล่อยให้ผู้ชายปล้ำกอดแบบนั้นล่ะจ๊ะ!?"
น้ำเสียงเหมือนจะห่วงใย แต่จริงๆแล้วฉันรู้ว่านางจงใจพูดเสียงดังเพื่อให้คนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้นพากันหันมามองต่างหาก
"ก็แล้วทำไมลีจะให้เขากอดไม่ได้ล่ะ?"
ฉันสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนของคนที่โอบกอดฉันอยู่ ซึ่งเขาก็ยอมปล่อยฉันแต่โดยดี
ฉันมองหน้าน้าเอมอรนิ่ง ก่อนจะกระตุกยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจพร้อมกับความคิดในหัว ถึงมันจะเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าแต่เพื่อความสะใจฉันจะทำ
"ขอแนะนำให้รู้จักนะคะน้าเอม นี่...แฟนของลีเองค่ะ เรากำลังจะเเต่งงานกันเร็วๆนี้"
พูดจบฉันก็ยื่นมือไปคล้องแขนอีเด็กบ้านี่ทันทีอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ใบหน้าของเขาเหวอเล็กน้อย แต่ไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ฉันพูดโกหกออกไป
"ไม่จริง!เธอโกหกลีลา ฉันให้คนสืบมาหมดแล้วเธอยังไม่มีแฟน!"
น้าเอมอรขึ้นเสียงใส่ฉันอย่างเกรี้ยวกราด คงเป็นเพราะอะไรๆที่นางคิดและหวังไว้กำลังจะพังทลายลงก็เป็นได้
แต่เดี๋ยวก่อนนะ...
นี่ถึงขนาดให้คนตามติดชีวิตฉันเลยเหรอเนี่ย? น่ากลัวจริงๆยัยนี่...
"ไม่ได้โกหก"
ฉันเถียง พูดจบฉันก็กระตุกผ้าพันคอออกเผยให้เห็นรอยแดงทั่วทั้งลำคอ ยิ่งเห็นสายตาตกตะลึงของนางฉันก็ยิ่งสะใจ
"นี่ไงหลักฐาน"
น้าเอมอรนางมองฉันอย่างกับจะกินหัว แต่ฉันไม่คิดจะสนใจ
"หมดเรื่องแล้วขอตัวนะ...ไปค่ะที่รัก"
ประโยคหลังฉันหันไปพูดกับอีเด็กบ้านั่นพร้อมกับลากแขนเขาเดินลงบันไดเลื่อนไป จนกระทั้งถึงที่จอดรถฉันก็ปล่อยแขนเขาลง และไม่ลืมหันไปขอบใจเขาแค่พอเป็นพิธี
"ขอบใจที่ไม่โวยวายออกมานะ"
ฉันบอก เพราะถ้าเขาทำแบบนั้นฉันจะขายหน้ามากๆ และยัยน้าเอมอรก็คงจะไม่ยอมจบง่ายๆแน่
และเมื่อพูดจบฉันก็หันหลังกลับและไขกุญเเจรถเตรียมจะเข้าไปในรถ
ปึ่ก!
"!"
กำลังเปิดประตูรถแต่ยังไม่ทันได้เปิดมือขาวสะอาดก็ยื่นมาดันประตูรถไว้ไม่ยอมให้ฉันเปิดมัน
และที่ทำให้ฉันใจสั่นก็ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดอยู่ข้างหูนี่แหล่ะ...
งื้ออออ...ขอละลายได้ไหม ในฐานะคนอ่อนไหวก็ได้
"แค่ขอบใจ...ง่ายไปไหมเจ๊..."
"อ๊ะ! นี่..."
ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่ออีเด็กบ้านี่มันงับใบหูของฉันเบาๆ ก่อนจะรีบหันไปถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง
"ทำบ้าอะไรของนายยะ นี่มันกลางวันแสกๆในที่สาธารณะนะ!?"
"พูดแบบนี้นี่หมายความว่าถ้าเป็นในห้องหับที่มิดชิดกว่านี้เจ๊ก็จะยอมให้ทำอะไรๆได้ล่ะสิ?"
ฉันถึงกับอ้าปากค้างกับคำถามสองแง่สองง่ามของเขา หัวสมองของอีเด็กบ้านี่วันๆจะไม่คิดอะไรเลยนอกจากเรื่องสิบแปดบวกรึไงนะ
"ที่ไหนก็ไม่ได้ย่ะ ถอยออกไปเดี๋ยวนี้ฉันจะรีบไป"
"นี่!อีเจ๊...อยู่ๆมึงก็ลากกูมาทั้งๆที่กูมีนัดจนลูกค้าส่งข้อความมายกเลิกนัดแล้วเนี่ย ทำคนอื่นเขาเสียเวลาแล้วไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยรึไง?"
ฉันถึงกับอ้าปากค้างกับสรรพนามที่เขาใช้เรียกแทนตัวเอง มึง-กูเลยเหรอ? นี่ฉันสนิทสนมกับนายนี่มากพอที่เขาจะเรียกจิกขนาดนี้เลย!
ช่างดิบและเถื่อนดีจริงๆ
"เวอร์ไปป่ะ...เวลาแค่ไม่ถึงยี่สิบนาทีมันจะไปเสียเวลาอะไรขนาดนั้น?"
ฉันเถียงกลับ ฉันก็ยังเป็นฉันอยู่ดี คนอย่างลีลาไม่เคยจนมุมให้ใครรู้ไว้ซะด้วย
"เวลามันจะแค่ไหนก็เถอะ แต่กับคนหาเช้ากินค่ำมันก็เป็นเงินทองเหมือนกัน หรือสูงส่งซะจนเคยตัวเลยมองไม่เห็นคนชนชั้นต่ำ"
โอ้ววว! รู้สึกเจ็บแสบผิวหนังกำพร้าเล็กน้อยกับคำด่าแบบผู้ดีนั่น!
หนอยย..อีเด็กปากจัด!
พลั่ก!
ฉันผลักเขาออกห่างสุดแรง(ของฉัน)แต่อีตานี่กลับเซถอยหลังไปแค่ก้าวเดียวเท่านั้น! คนหรือหมีทำไมมันทนนัก!?
"ด๊ายยย!อยากได้ค่าเสียเวลาใช่ไหม? ได้เล็ยย! เท่าไหร่ล่ะค่าเสียเวลาของนายน่ะ!?"
ฉันถามอย่างหัวร้อนพร้อมกับควักกระเป๋าตังค์ออกมาก่อนจะดึงแบงค์พันออกมาหนึ่งใบแล้วยื่นให้เขา
"......."
อีเด็กบ้านี่มันยืนเงียบจ้องหน้าฉันนิ่ง...หรือพันนึงมันจะน้อยไปวะ?
คงใช่...ก็เขาเป็นโฮสต์นี่เนอะ ทำงานคิดเป็นชั่วโมง แค่นี้มันคงจะน้อยไปสำหรับเขา
หึ! ขี้งก! หยวนหน่อยก็ไม่ได้...(มีความค่อนขอดในใจ)
"เอ้าสองพันเลยก็ได้"
ฉันพูดขึ้นมาอีกพร้อมกับดึงแบงค์พันออกมาอีกหนึ่งใบ เป็นสองพันละนะ(อีลีเริ่มเหงื่อซึมตามรูขุมขน)
"....."
แต่อีเด็กบ้านี่มันก็ยังคงเงียบเฉยอยู่เหมือนเดิมเว้ย!
ว้อยย! จะเอายังไงวะ!?
สองพันมันยังน้อยไปอีกเรอะ!? เอาก็เอาวะมาขนาดนี้แล้วนี่...แล้วก็ดึงแบงค์พันมาเพิ่มอีกใบ(ปาดเหงื่อบนใบหน้าแพร็บ)
"เอ้า! สามพันแล้วนะ ทั้งกระเป๋ามีอยู่แค่นี้แหล่ะ ถ้าจะเอามากกว่านี้ก็คงต้องรอฉันไปกดเงินมาก่อน หรือจะให้โอนเข้าบัญชีก็ได้นะถ้าสะดวกแบบนั้น"
"หึๆ...."
เหยสสสส! คราวนี้มีเสียงตอบรับเป็นเสียงหัวเราะ แต่อีเด็กนี่มันจะหัวเราะอะไร มีอะไรน่าขำตรงไหนกัน?
"เปลี่ยนใจละ...ไหนๆกูก็เสียลูกค้าไปแล้ว มาโวยวายเอากับมึงก็คงไม่มีประโยชน์ งั้นก็เปลี่ยนเป็นเลี้ยงข้าวสักมื้อแทนก็แล้วกัน"
"หาา!"
อีลีถึงกับเหวออ้าปากค้าง สตั๊นไปสามวิ!
สรุป!
ให้กูพร่ำพูดคนเดียวเป็นนานสองนาน ควักตังค์ออกมาจากกระเป๋าเป็นว่าเล่น สุดท้ายไม่เอาซะงั้น!
"ว่าไงเจ๊...ทำไมคิดนานจังวะ?"
อีเด็กนี่ส่งเสียงเร่งอีก ทำให้ฉันต้องรีบพยักหน้าตกลง จากการคำนวนส่วนได้ส่วนเสียในใจแบบคร่าวๆ แค่เลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อมันไม่มีทางถึงสามพันที่ฉันจะให้เขาแน่นอน
"ก็ได้...แล้วอยากกินอะไรล่ะ?"
ฉันถาม
"แล้วเเต่เจ๊สิ เจ๊เป็นคนเลี้ยงนี่"
อื้อหืมมม...พูดแบบนี้เข้าทางอีลีเลย...
"แน่ใจว่าแล้วแต่คนเลี้ยง ถามแล้วนะ?"
ฉันถามอีกครั้งเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจเลือกร้านเอง
"บอกว่าแล้วแต่ก็แล้วแต่ดิ่ จะถามเยอะเพื่อ?"
นั่นแหล่ะฉันถึงได้หยุดพูดก่อนจะบอกให้เขาขึ้นรถและขับออกไปยังจุดหมายปลายทางทันที
PART : ลีลา
**************************