ตอนที่ 8 ไม่มีเงิน

1667 Words
อำเภอหวงซานเมืองเหลียงโจว แสงแดดร้อนแรงยามเที่ยงวัน ส่งผลให้อากาศทั่วบริเวณท้องทุ่งอันกว้างใหญ่อบอ้าว ร้อนระอุจนคนบนรถม้าต้องเปิดม่านมารับลม รถม้าสี่คันของสกุลเย่ต้องหยุดเดินทางชั่วคราวเพื่อให้ม้าได้ดื่มน้ำใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่ไม่กี่ต้นกลางทุ่งนาสีเหลืองแห้งเหี่ยว เป็นเรื่องปกติของชาวเมืองเหลียงโจวที่จะคุ้นชินกับฤดูร้อนที่ร้อนจนหัวแทบระเบิดเช่นนี้ แม้แต่กับเย่เฟิงผู้เป็นชาวเหลียงโจวแต่กำเนิด แต่เขาก็ย้ายไปอยู่เมืองหลวงมานานเกือบสามสิบปี กลับมาเจอสภาพอากาศของบ้านเดิมยังรู้สึกหายใจไม่ทันอยู่บ้าง ภรรยาทั้งสามและลูกๆ ของเย่เฟิงที่เป็นชาวเมืองหลวงมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยเจออากาศร้อนรุนแรงและแห้งแล้งเช่นนี้มาก่อนจึงปรับตัวไม่ทัน เด็ก ๆ ล้มป่วยสามวันดีสี่วันไข้มาตลอดทาง “อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว เรือนบรรพบุรุษของเรามีลำธารอยู่ใกล้ๆ ท่านปู่ของเจ้าไม่ชอบตัดต้นไม้ รอบเรือนจึงร่มรื่นและเย็นสบายกว่านี้หลายเท่าตัว อดทนอีกนิดนะ” เย่เฟิงพยายามปลอบใจบุตรสาวคนเล็ก “หวังว่าท่านผู้เฒ่าเฉาจะมียาติดเรือนไว้บ้างนะเจ้าคะ ยาที่เราเหลืออยู่ใช้หมดไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว เด็ก ๆ แม้อาการจะเริ่มดีขึ้นกันแล้วแต่เรือนสกุลเย่อยู่ไกลจากตัวเมืองถึงเพียงนี้ เกิดเหตุอันใดมียาติดเรือนไว้ก็อุ่นใจ” หย่งซื่อฮูหยินใหญ่กล่าวพลางทอดสายตาไปยังเด็กหญิงวัยเจ็ดปี บุตรสาวของภรรยาลำดับที่สามที่นางเรียกให้สองแม่ลูกมานั่งรถม้าคันเดียวกัน “เป็นข้าที่ทำให้พวกเจ้าต้องมาลำบาก ข้ามันไร้ความสามารถยิ่งนัก!! เป็นถึงแม่ทัพนำทำไปสู้ศึกเข่นฆ่าศัตรูมามากมายแต่กลับมาเสียทีคนชั่ว ปล่อยให้พวกมันขโมยเงินไปต่อหน้าต่อตา” เย่เฟิงกำหมัดแน่น เจ็บใจในความไม่เอาไหนของตนเอง “คนจ้องจะคิดร้ายไหนเลยเราจะไหวตัวทัน เขาเดินทางมาพร้อมกับพวกเรานานนับเดือนจึงได้ตัดสินใจขโมยของหลบหนี ไม่ใช่ความผิดของท่านพี่หรอกเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย” ใช่! ครั้งนี้ครอบครัวสกุลเย่ไม่ได้ถูกปล้นชิง แต่กลับเป็นคนขับรถม้าที่จ้างวานให้มาส่งจากเมืองหลวงคนหนึ่งคิดไม่ซื่อ เขารอโอกาสมานานเพื่อสอดส่องหาที่ซ่อนทรัพย์สิน พอสบโอกาสก็ขโมยของหนีกลับไปพร้อมกับรถม้าและเสบียงอาหารอีกจำนวนหนึ่ง แม้จะมีข้อแตกต่างไปจากนิยายเรื่องเดิม แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเดิมคือสกุลเย่เหลือเงินติดตัวน้อยยิ่งกว่าน้อย! ภรรยาสามคนของเย่เฟิงจำต้องทยอยขายเครื่องประดับสินเดิมของพวกนางที่สวมใส่ไว้บนร่างกาย แลกเสบียงอาหารเป็นค่าใช้จ่ายมาตลอดทาง ซ้ำร้ายเด็ก ๆ ก็ยังเจ็บป่วย ต้องใช้เงินไม่น้อยในการซื้อยาและพาพวกนางไปตรวจรักษาระหว่างทางอีก ยังดีที่ว่าค่าจ้างรถม้าสี่คันที่เหลือได้ชำระไว้ล่วงหน้าแล้ว และพวกเขายังซื่อสัตย์พาคนสกุลเย่มาส่งจนเกือบจะถึงจุดหมายทางที่อยู่เบื้องหน้า “ฮูหยินพูดถูกแล้วเจ้าค่ะ หากท่านยิ่งกล่าวโทษตัวเองคุณชายก็จะยิ่งท้อใจ เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวที่ต้องปกป้องพี่น้องสตรีย่อมคิดไม่ต่างไปจากท่าน คุณชายมีเรื่องทุกข์ใจมากเกินไปแล้ว พวกเราเองก็ต้องเข้มแข็งเอาไว้เป็นตัวอย่างให้กับเด็ก ๆ” ความเงียบเกิดขึ้นในรถม้าโดยไม่ได้นัดหมาย ยามต้องคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสามเดือนก่อน เย่เฟิงลากลับมาร่วมพิธีแต่งงานของบุตรชายแท้ๆ แต่กลับต้องโทษละเลยหน้าที่ หัวหน้าครอบครัวถูกโบยและถูกตัดสินให้ปลดออกจากราชสำนัก จวนแม่ทัพถูกยึดคืน ทรัพย์สินทั้งหมดในจวนต้องถูกตรวจสอบก่อนพวกเขาจึงจะได้รับส่งคืนมาภายหลัง สิ่งที่พวกเขานำติดตัวมาได้ คือข้าวของที่ติดอยู่บนตัวจริง ๆ อย่างพวกเครื่องประดับหรือเงินในถุงผ้าข้างเอว เสื้อผ้าและเครื่องครัวที่จำเป็นต้องใช้ในระหว่างเดินทาง นอกนั้นต้องให้เจ้าหน้าที่ทางการนำรายการสินเดิมของภรรยาทั้งสามมาแยกออกเพื่อส่งคืนให้ในภายหลัง “ข้ากับอนุรองเป็นเพียงหญิงชาวบ้านที่ท่านพี่ช่วยชีวิตมาจากชนบท ไม่มีสมบัติใด ๆ ติดตัวมาสักชิ้น เครื่องประดับที่สวมใส่ก็เป็นของที่ฮูหยินมอบให้ทั้งสิ้น ข้าขอโทษท่านด้วยเจ้าค่ะฮูหยินที่ไม่สามารถรักษาพวกมันเอาไว้ได้” หย่งฮูหยินฝืนยิ้มอย่างพยายามปลอบใจให้เจินซื่ออนุสาม “ข้าเองก็ใช่ผู้ดีมีสกุลที่ไหน ตบแต่งให้ท่านพี่ก็มีสินเดิมมาไม่มาก ร้านค้าสักร้านก็ยังไม่มีมาด้วยซ้ำ ทรัพย์สินส่วนของข้าที่มีอยู่ในรายการส่วนใหญ่ก็แบ่งให้พวกเจ้าและบุตรสาวสวมใส่ไว้บนตัวกันทั้งหมด รอจนพวกเขาตรวจสอบเสร็จก็ไม่มีอะไรส่งกลับมาถึงข้าอยู่ดี” “ส่วนของข้ายิ่งไม่ต้องหวัง เมื่อก่อนเป็นเพียงนายกองเบี้ยหวัดทั้งหมดก็ไว้ใช้เลี้ยงดูครอบครัวให้พออยู่พอกิน พอรับตำแหน่งแม่ทัพแล้วครอบครัวเราถึงได้เหลือเงินพอจะไปซื้อร้านซื้อที่ดิน พวกเขาจะยึดทรัพย์สินตั้งแต่ข้ารับตำแหน่งแม่ทัพ ก็ไม่ต่างจากเอาทรัพย์สินทั้งหมดที่เรามีกลับคืนไป” “บรรพบุรุษกล่าวเอาไว้ว่า ตราบใดที่ขุนเขายังเขียวขจีก็อย่ากลัวจะไม่มีฟืนเผา เรายังมีชีวิตมีกันและกันเหตุใดจะหาเงินทองมาใช้จ่ายไม่ได้กันเล่าเจ้าคะ เรือนบรรพบุรุษสกุลเย่ก็ยังนับว่าเป็นทรัพย์สินอยู่อีก พวกเราไม่ได้ลำบากถึงเพียงนั้น” “ขอบใจนะฮูหยิน ขอบใจพวกเจ้าและลูกๆ ทุกคนด้วยที่ไม่ตำหนิข้า” เย่เฟิงบีบมือหย่งเหลียนเอาไว้แน่น ส่งสายตามองไปยังรถม้าคันอื่น ๆ ที่มีอนุรองและลูกๆ ทั้งหมดเจ็ดคนนั่งอยู่ด้านใน “ข้าห่วงก็แต่เซิ่งเอ๋อร์ สิ่งที่เขาเพิ่งเผชิญมันหนักสำหรับเขาไม่น้อย” นางหย่งซื่อกล่าวถึงบุตรชายของนางแล้วก็พลันน้ำตาคลอเบ้า ม้าได้พักอยู่นานพอควร ในที่สุดการเดินทางช่วงระยะทางห้าลี้สุดท้ายก่อนจะถึงเรือนบรรพชนก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ทิศทางที่เย่เฟิงชี้มือให้ภรรยาเอกกับอนุสามมองผ่านหน้าต่างรถม้าออกไป สตรีวัยกลางคนทั้งสองมองเห็นแนวต้นไม้ใหญ่เกาะกลุ่มกันอยู่ในบริเวณหนึ่ง บ้านเดิมของเย่เฟิงอยู่ในพื้นที่ของหมู่บ้านลี่เจียง ชายขอบอำเภอหวงซานโดยมีแม่น้ำสายเล็กเป็นเส้นแบ่งเขตกับอำเภอใกล้เคียง บ้านเรือนผู้คนที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกสร้างกระจัดกระจายอยู่ห่างกันโดยคั่นไว้ด้วยทุ่งนาที่กว้างใหญ่ เรือนบรรพบุรุษจึงค่อนข้างจะเงียบสงบและดูร่มรื่นเย็นสบายตาตามที่เย่เฟิงกล่าวแต่แรก เย่เซิ่งเจียได้ยินเสียงบิดาตะโกนออกมาจากรถม้าคันหน้าสุด เพื่อบอกให้บุตรชายหญิงของเขารับรู้ว่าใกล้จะถึงแล้ว ทั้งยังชี้มือไปยังบริเวณเรือนพักขนาดใหญ่ที่มีรั้วดินเตี้ยๆ ล้อมรอบเอาไว้ ตัวเรือนขนาดใหญ่สร้างด้วยไม้และอิฐแตกต่างจากกระท่อมไม้หรือบ้านดินที่เย่เซิ่งเจียมองเห็นมาตลอดทาง ทำให้ชายหนุ่มคลายใจลงเล็กน้อยเพราะดูแล้วมันก็ไม่ได้แย่จนรับไม่ได้ เขากลัวเหลือเกินว่าพี่สาวน้องสาวที่ยังอ่อนแอจะไม่มีห้องพักที่ดีสำหรับการพักฟื้น เรือนสกุลเย่มีการก่อสร้างเรือนพักที่มั่นคงแข็งแรง ซ้ำยังมีขนาดใหญ่กว่าบ้านเรือนทั่วไปในพื้นที่บริเวณนี้ นั่นก็เป็นเพราะเย่เฟิงเป็นถึงทหารมียศในกองทัพต้าเหว่ย เขาจึงส่งเงินมาให้บิดามารดาที่ยังคงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านลี่เจียงไม่เคยขาด พอมีตำแหน่งสูงขึ้นก็แต่งภรรยาที่เมืองหลวง ครั้นเมื่อหย่งซื่อตั้งครรภ์พี่สาวของเย่เซิ่งเจีย บิดามารดาทางอำเภอหวงซานก็ล้มป่วยจากไปโดยที่ยังไม่ทันได้พบหน้าบุตรสะใภ้ ผลงานที่โดดเด่นของเย่เฟิงกอปรกับภรรยากำลังตั้งครรภ์ เขาจึงไม่อาจกลับไปคำนับศพบิดาและมารดาได้ ภายหลังยังถูกส่งไปประจำที่ชายแดนนานถึง 8 ปี รับอนุกลับเมืองหลวงมาอีกสองคน เหตุนี้เย่เซิ่งเจียที่ถือกำเนิดจากฮูหยินใหญ่หย่งเหลียนจึงยังมีอายุน้อย และมีพี่สาวที่เกิดจากภรรยาเอกและภรรยารองอายุมากกว่าเขาอีกสองคน ตลอดระยะเวลาการเป็นขุนนางฝ่ายการทหารของเย่เฟิง ภรรยาทั้งสามของเขาทยอยตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรทีละคน เย่เฟิงจึงไม่เคยได้กลับมาที่อำเภอหวงซานเลยสักครั้ง เพราะระยะเวลาการเดินทางไปกลับต้องใช้เวลานานกว่า 6 เดือนเลยทีเดียว ภรรยาและลูกๆ เห็นว่าเรือนบรรพบุรุษนั้นดูดีกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้มากมาย นั่นเป็นเพราะตลอดทางที่ผ่านมา หากไม่นับความเจริญตามปกติของแต่ละหัวเมือง เรือนชนบทห่างไกลที่พวกเขาเห็นก็เป็นเพียงกระท่อมเล็ก ๆ ที่สร้างจากดินและหญ้าแห้งเท่านั้น แต่สำหรับเย่เฟิงเขารู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD