ตอนที่ 7 ตัดใจขาย

1736 Words
“พี่ใหญ่ ข้ายังมีคำขอร้องบางประการถึงท่านด้วยเจ้าค่ะ” นางเห็นนะว่าพี่สาวคนงามของนางเอียงคอหูกางแอบฟังนางกับมารดาสนทนากันมาโดยตลอด กู้ลี่หม่านช้อนสายตาคู่งามมามองน้องสาวด้วยสายตาอ่อนโยนเกินจริง “มีอันใดต้องขอร้อง ข้าเป็นพี่สาวเจ้าย่อมต้องให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว” “พี่ใหญ่ อย่างที่ข้าบอกเมื่อครู่ ข้าคงไม่ได้กลับมาเมืองหลวงโดยง่าย ร้านค้าสองร้าน กับเรือนและที่ดินที่ท่านแม่มอบให้ข้า ข้าคิดจะขายมันเปลี่ยนเป็นเงินติดตัวไปเจ้าค่ะ” “คิดอะไรใหญ่โตไปอีกแล้วถิงเอ๋อร์ สมบัติเหล่านี้เจ้าปล่อยให้เช่าก็ได้นี่ ให้ท่านแม่ส่งค่าเช่ารายปีเป็นครั้งคราวไปไม่ได้ยุ่งยากอันใดเลย อย่าลืมสิว่าเจ้ายังมีร้านค้าที่สกุลเย่มอบให้เป็นสินสอดมาอีกสามร้านนะ รวมกันแล้วแต่ละปีเจ้าก็มีเงินค่าเช่าไว้ใช้จ่ายได้สบายๆ หากคิดว่ายุ่งยากสามปีห้าปีส่งคนมารับเงินครั้งหนึ่งก็ยังได้” กู้ลี่ถิงหวั่นไหวไปเล็กน้อย ดูเหมือนพี่สาวนางก็ไม่ได้น่ารังเกียจเท่าใดนัก นางอาจมีปัญหาเพียงแค่เรื่องหึงหวง แต่ยังมีใจห่วงคิดแทนน้องสาวผู้โง่เขลาเช่นนาง เพียงแต่นางไม่ต้องการ! อีกไม่นานซ่างกวนหลินฟ่งก็จะเริ่มก่อกบฏ บ้านเมืองระส่ำระสาย เมืองหลวงยิ่งแล้วใหญ่เพราะเป็นเป้าโจมตีที่กองกำลังลับขององค์ชายรองใช้เป็นที่ซ่อนตัวก่อความวุ่นวาย หลังจากผ่านการก่อกบฏของซ่างกวนหลินฟ่ง เมืองหลวงก็จะยังไม่สงบสุขเพราะรัชทายาทที่หลบหนีไปได้จะรวบรวมขุนนางที่เคยถูกน้องชายวางแผนให้ร้ายมาช่วงชิงอำนาจคืน การค้าในเมืองหลวงจะซบเซา บ้านเรือนสถานที่ทางการหลายแห่งถูกวางเพลิง ไม่แน่ว่าสมบัติของนางก็อาจจะถูกลูกหลงสูญเปล่าไปด้วย ขายทิ้งตอนนี้เอาเงินไปใช้จ่ายที่ชนบทห่างไกลไม่มีศึกสงครามกลางเมืองจะดีกว่า “ทำการค้าต้องยืมจมูกผู้อื่นหายใจข้าคงไม่ทำเจ้าค่ะ สกุลสามีของข้าก็กำลังตกที่นั่งลำบาก ทางการจะตรวจสอบทรัพย์สินอีกนานเท่าใดก็ยังไม่รู้ พวกเขาจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนรอเก็บค่าเช่ารายปีสามปีไม่ไหวแน่” "เป็นเช่นนั้นเอง น้ำใจเจ้างามนักถิงเอ๋อร์ แต่ข้ามีเงินติดตัวมาไม่มากก็คงจะช่วยเจ้าไม่ได้อยู่ดี" กู้ลี่หม่านโบกผ้าเช็ดหน้าในมือคราวหนึ่ง นางกำนัลผู้ติดตามก็ควักตั๋วเงินจากอกเสื้อออกมา “สองพันตำลึงซื้อร้านค้าของเจ้าไม่ได้หรอกถิงเอ๋อร์ ไว้ไปถึงเหลียงโจวแล้วเจ้าคิดหาวิธีการใหม่เอาเถิด เวลานี้รถม้าและเกวียนก็พร้อมจะออกเดินทางแล้ว เจ้าคงไม่มีเวลาไปขายร้านแล้วกระมัง” กู้ลี่ถิงอยากจะถอนคำพูดชมเชยพี่สาวคนงามเมื่อครู่ของนางเหลือเกิน สองแม่ลูกมาแนวเดียวกันเชียวนะ คิดจะบีบนางให้ทำการค้าขาดทุน!! ดูถูกข้าเกินไปแล้วพี่สาว! พวกท่านเอาเปรียบข้าได้คราวหนึ่ง คิดว่าข้าจะไม่จำหรือไร “ข้าเชื่อฟังท่าน ขอบพระทัยพระชายา” กู้ลี่ถิงตัดบท แม้แต่คำเรียกขานก็จงใจให้ห่างเหินไปอีกชั้น “ประเดี๋ยวก่อน!! พวกเจ้าเล่าพกเงินติดตัวกันมาเท่าใด ทบทวนดูให้ดี!!” พระชายาคนงามทำทีเป็นหาทางช่วยน้องสาวเต็มที่ โบกมืออีกคราวหนึ่ง นางกำลังคนถัดไปก็ควักตั๋วเงินออกมาได้อีกหนึ่งพันตำลึง!! กัวฮูหยินถลึงตาโตใส่บุตรสาวคนโต เมื่อครู่นางขอเงินบุตรสาวไว้ใช้จ่ายกู้ลี่หม่านก็บอกว่าไม่ได้พกเงินมามาก หยิบยื่นให้มารดามาเพียงสามร้อยตำลึงเงินเท่านั้น แล้วที่เห็นนี่อะไร!! ตั๋วเงินสามพันตำลึงไม่ใช่หรอกหรือ? กู้ลี่ถิงรีบใช้สมองคิดถึงเนื้อเรื่องในนิยายอย่างเร่งด่วน นางคิดคร่าวๆ ว่าเรือนพักขนาดใหญ่หลังหนึ่งในพื้นที่ชนบทอาจมีราคาราว 1,000 ตำลึง ร้านค้าของนางขนาดเล็กกว่าแต่ก็อยู่ในเมืองหลวง น่าจะทำเงินได้ร้านละ 1,500-2,000 ตำลึง นางมีร้านค้าห้าร้าน เรือนและที่ดินเปล่าอีกสองผืน ขายเร่งด่วนอย่างน้อยก็ควรได้สัก 9,000 ตำลึงเงินเป็นอย่างต่ำ แต่พระชายาคนงามกลับเสนอเงินมาเพียง 3,000 ตำลึงเท่านั้น คิดได้ดีจริง!! หญิงสาวไม่ตอบคำ แต่กลับเบือนหน้าไปยังนางกำนัลคนถัดไป กู้ลี่หม่านนำนางกำนัลมาคอยปรนนิบัติสี่คน เมื่อครู่เพิ่งควักออกมาสองมิใช่หรือ นางกำนัลอีกสองคนสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นสายตาเว้าวอนจากกู้ลี่ถิง เหลือบตาแอบมองสีหน้าพระชายาผู้เป็นนายเพียงอึดใจเดียวก็ควักตั๋วแลกเงินมาได้อีกคนละพัน ส่วนกัวฮูหยินนั้นทุบอกตัวเองส่งเสียงไอกระหน่ำด้วยความโกรธเคืองบุตรสาวคนโตไปแล้ว “โชคดีจริงที่พวกเจ้าไม่หละหลวม ห้าพันตำลึงหวังว่าน้องสาวจะพอใจ” “พี่ใหญ่เจ้าคะ" ถึงคราวกู้ลี่หม่านต้องขนลุกบ้างแล้ว น้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานเช่นนี้ของน้องสาว นางซ่อนอะไรไว้ในน้ำเต้ากันเล่า!! เหตุใดจู่ ๆ นางก็ฉลาดขึ้นมา หรือว่าสตรีออกเรือนแล้วจะเห็นแก่เงินเช่นนี้ทุกคนกันนะ!! “พี่เขย..เอ้ย!! องค์ชายรองนี่ก็กระไร หากพระองค์เสด็จมาที่นี่ด้วยคงต้องให้ท่านพ่อตักเตือนสักเล็กน้อยแล้วเจ้าค่ะ พระชายากลับมาเยี่ยมเยียนสกุลเดิมทั้งที พระองค์ไม่มอบเงินทองให้ท่านติดกายบ้างเลยหรือเจ้าคะ รู้ถึงหูผู้ใดเข้าเป็นต้องได้อับอายกันแน่” ประโยคนี้กู้ลี่ถิงจงใจทำหน้าตาตื่น ยกมือขึ้นทาบอกหันไปมองกลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการที่ควบคุมคนงานขนสมบัติมาส่งให้นางถึงจวนสกุลกู้ นอกจากนี้ยังมีคนขับรถม้าที่พี่สาวสั่งให้ไปส่งนางถึงมือเย่เซิ่งเจียอีกคันหนึ่งยืนชมเรื่องสนุกของเหล่าสตรีแซ่กู้กันเพลิดเพลิน “จริงสิ หากเจ้าไม่เตือนข้าคงคิดไม่ออก ข้าเลอะเลือนไปเองนั่นล่ะถิงเอ๋อร์ ปกตินางกำนัลก็จะพกเงินแทนข้าอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังยัดใส่มือมาให้จำนวนหนึ่ง” กู้ลี่หม่านล้วงตั๋วเงินออกมาได้อีก 700 ตำลึง กล่าวตามจริงนางพกติดตัวมา 1,000 ตำลึงเท่านั้น มารดาขอแบ่งไปแล้ว 300 ตำลึงจึงเหลือเพียงเท่านี้ น่าอับอายนัก!! นางกำนัลคนหนึ่งของนางยังมีเงินถึง 2,000 แต่นางเป็นถึงพระชายาแต่กลับมีแค่ 700 ตำลึง!! 5,700 ตำลึงเงิน ยังห่างไกลจากราคาขั้นต่ำที่หญิงสาวคิดไว้ในใจมากนัก แต่เพื่อซื้อความสบายใจและตัดปัญหาว่ากู้ลี่หม่านจะไม่ติดตามนางทุกฝีก้าวไปถึงเหลียงโจวอีก สำคัญที่สุดก็คือนางเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการปล้นชิงเงินจากสกุลเย่ในนิยายอาจไม่ได้เป็นฝีมือของซ่างกวนหลินฟ่ง แต่อาจเป็นสองแม่ลูกคู่นี้ล่ะที่วางแผนชั่วร้าย ครั้งนี้เหตุการณ์สกุลเย่ถูกปล้นไม่ได้ถูกเขียนเอาไว้ ก็ไม่แน่ว่าเรื่องราวอาจเปลี่ยนมาเป็นตัวนางเองที่เป็นแพะอ้วนรอให้หมาป่าจับไปกิน ยอมเสียเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ ป้อนอาหารให้ทั้งคู่ได้อิ่มท้อง ที่เหลือก็ต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมว่านางจะเอาตัวรอดไปได้หรือไม่ “ไม่ขายให้ท่านแล้วข้าจะขายให้ผู้ใดเล่าเจ้าคะพี่ใหญ่ จากกันคราวนี้จะได้พบเจอกันอีกหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เอาเป็นว่าทุกอย่างที่ข้าตัดใจขายให้ท่านและมอบให้ท่านแม่ก็ถือเป็นการแสดงความกตัญญูเป็นครั้งสุดท้ายของข้าก็แล้วกันเจ้าค่ะ” เป็นไปตามคาด เมื่อขจัดปัญหายุ่งยากอย่างนางพ้นตัว มารดาก็สะบัดก้นจากไปพร้อมกับสั่งคนมาขนย้ายเครื่องเรือนไปเก็บ ส่วนพี่สาวนางก็เพียงแค่กำชับรถม้าให้ดูแลนางจนถึงเหลียงโจว แล้วก็ทิ้งนางยืนอยู่หน้าจวนสกุลกู้รวมกับสาวใช้สองคนที่ไถ่ตัวเป็นอิสระอย่างไม่ไยดี “คุณหนูสาม ไม่ใช่สินะ ข้าควรเรียกท่านว่าฮูหยินน้อยจึงจะถูก เราจะทำอย่างไรต่อกันดีขอรับ” เจ้าหน้าที่จากศาลตุลาการเกาศีรษะป้อยๆ วางตัวไม่ถูก เดิมทีคิดว่าพระชายาองค์ชายรองจะจัดเตรียมคนมาให้พอเพียงกับการย้ายข้าวของเดินทางให้กู้ลี่ถิง แต่นางกลับส่งรถม้ามาคันเดียว พวกเครื่องประดับเงินทองยังพอยัดใส่รถม้าไปได้ แต่ข้าวของประเภทผ้าแพรพรรณ อาหารแห้งก็ยังมีอยู่ไม่น้อย แล้วจะจัดการอย่างไร? “พี่ชาย คนเหล่านี้เป็นคนของทางการหรือไม่เจ้าคะ เป็นไปได้หรือไม่หากข้าจะจ้างวานให้พวกเขาเดินทางไปส่งข้าที่เหลียงโจวด้วย” ชายวัยกลางคนเม้มริมฝีปากคิดอยู่ครู่เดียว อดีตแม่ทัพเย่เฟิงเป็นบุคคลที่น่านับถือ หากเขาจะให้เกียรติอดีตแม่ทัพใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย ด้วยการช่วยเหลือสะใภ้เพียงคนเดียวของสกุลเย่ไปส่งถึงเมืองเหลียงโจวก็ไม่แปลก “ข้าวของที่เหลือของฮูหยินอย่างมากก็ใช้เกวียนวัวอีกหกคัน ข้าจะให้ทหารสี่คนควบคุมคนงานแบกหามคุ้มกันท่านกับบ่าวไปส่งที่เหลียงโจวเอง แต่ค่าแรงคนบังคับเกวียนกับคนแบกหามอีก 12 คน คงต้องรบกวนให้ฮูหยินจ่ายเองนะขอรับ” “เท่านี้ก็เป็นพระคุณกับข้าแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณพี่ชายมาก” หญิงสาวดีใจจนแทบกระโดด พวกนางเป็นสตรีสามคนเดินทางโดยมีตั๋วเงินและเครื่องประดับไปกับบุรุษแปลกหน้าก็น่ากลัวอยู่ไม่น้อย คนขับรถม้าของกู้ลี่หม่านน่าจะไว้ใจได้แต่เขาก็มีเพียงคนเดียว หากมีทหารสี่คนติดตามไปนางย่อมสบายใจกว่าเยอะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD