ตอนที่ 6 ยากที่จะยอมรับ

1249 Words
"ไม่จริง มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ" น้ำเสียงสั่นยากที่จะยอมรับความจริงพร้อมแววตาที่สั่นเครือและน้ำตาที่เริ่มรินไหล เงาสะท้อนของกระจกสร้างความหวาดกลัวให้กับเธออย่างมาก สองมือยกขึ้นมาปิดใบหน้าอย่างรับไม่ได้ก่อนจะกรีดร้องออกมาเพราะความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น กริ๊ดดดดดด เสียงกรีดร้องดังขึ้นจนพริษฐ์รีบเก็บโทรศัพท์และตรงไปที่ห้องน้ำทุบประตูร้องหาคนข้างในด้วยความกังวล กลัวจะเกิดอะไรไม่ดีข้างในห้องน้ำ และเขาไม่สามารถเข้าไปได้เพราะประตูห้องน้ำถูกล็อกไว้จากด้านใน "ลิตาเธอเป็นอะไร เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้!" เอ่ยออกคำสั่งพลางทุบประตูเพื่อส่งเสียงแต่ไร้วี่แววที่คนข้างในห้องน้ำจะเปิดออกมา เขาได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องพร้อมเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่ดังตามมา พริษฐ์ผละตัวออกมาตั้งหลักก่อนจะถีบประตูห้องน้ำจนประตูเปิดออกเพราะแรงเท้าของเขา ทันทีที่เห็นคนข้างในก็ทำเอาเขาทั้งสงสัยและสงสารเวทนาเพราะเสียงร้องไห้ปนเสียงสะอึกสะอื้นนั้นไม่น้อย มันราวกับคนที่นั่งอยู่บนพื้นห้องน้ำจะขาดใจตายอย่างนั้น ขนาดเขาพังประตูได้แล้ว ลลิตาก็ยังไม่เงยหน้ามาหาเขาอีก เหมือนไม่รับรู้สิ่งรอบข้างไปแล้วอย่างนั้น "ลิตา เธอเป็นอะไร" เขาย่อตัวลงและจับไปที่แขนสองข้างของลลิตาเด็กเลี้ยงของตัวเองเอ่ยถามอย่างต้องการคำตอบ เมื่อยังไม่ได้รับความสนใจจึงออกแรงเขย่าตัวของเธอให้เธอรู้สึกตัวและสนใจเขา ลลิตาตัวสั่นสะอึกสะอื้นตัวโยนใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาเต็มไปหมดอย่างน่าสงสาร แรงเขย่าตัวทำให้เธอรู้แล้วว่าใครบางคนกำลังอยู่กับเธอในตอนนี้แต่เมื่อจะเงยหน้าสบตาอีกฝ่ายดวงตาทั้งสองข้างกลับเต็มไปด้วยน้ำที่เอ่อล้นจนไม่สามารถมองให้ชัดเจนได้ว่าเป็นใครที่อยู่กับเธอในตอนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นความเสียใจความรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเองก็ยังคงมากกว่า "มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฮึก มันไม่ใช่ใช่ไหม เรื่องทั้งหมดนี้มันไม่จริงใช่ไหม" "เธอหมายถึงอะไรลิตา" "มะ…ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่ลิตา! ไม่ใช่!" ร่างที่สะอึกสะอื้นเริ่มส่ายหน้าแรงขึ้นเรื่อยๆเพื่อปฏิเสธคำเรียกชื่อนั้น และเริ่มออกแรงดิ้นให้พริษฐ์ปล่อยตัวเธอ เธอส่งเสียงโวยวายยกใหญ่พลางผลักคนตัวหนาอย่างสุดกำลังให้ออกห่างจากตัวเองก่อนจะลุกยืนขึ้น "นี่เธอเป็นบ้าอะไร ห๊ะลิตา!" พริษฐ์เริ่มหัวเสียที่โดนผลัก ตั้งแต่ที่ลลิตาฟื้นมาก็เปลี่ยนไปอย่างบอกไม่ถูก มันแทบจะเหมือนเป็นคนละคนกัน แววตาและท่าทางที่เธอปฏิบัติต่อเขามาเปลี่ยนไป มันต่างออกไปจากเดิม "ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่!" เธอร้องโวยวายอย่างไม่ได้สติ พริษฐ์เองก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เขารับมือไม่ถูก แต่ในขณะนั้นเองคุณหมอและพยาบาลก็มาถึงพอดีพร้อมด้วยบอดี้การ์ดของเขาอีกสองคนที่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อหมอและพยาบาลมาถึงก็รีบจับตัวคนไข้ล็อกเอาไว้ก่อนจะพาไปเตียงอย่างยากลำบากเพราะลลิตาดิ้นตลอดจนต้องให้บอดี้การ์ดสองคนไปช่วยเหลือและสุดท้ายหมอก็ฉีดยาสลบให้กับลลิตา . . . . . . หลังหมอมาตรวจอาการของลลิตาเสร็จก็บอกเขาว่าลลิตาไม่ได้มีอาการผิดปกติใดๆที่สมอง ทุกอย่างปกติดี เหลือแค่รักษาอาการบาดเจ็บที่ไหล่ก็เท่านั้น จากตอนแรกที่อาการบาดเจ็บที่ไหล่เริ่มดีขึ้นแล้วแต่เพราะเกิดอาการคุ้มคลั่งก่อนหน้านี้จึงทำให้บาดแผลจากที่จะหายดีก็แย่กว่าเดิมทำให้ต้องรอดูอาการที่โรงพยาบาลอีกสองสามวัน เขาไม่ลืมที่จะสอบถามเรื่องสมองและความจำของลลิตาจากหมอแม้ตรวจดูแล้วสมองจะไม่อาการผิดปกติใดๆก็ตามแต่อาการของลลิตามันเปลี่ยนไปมากจนเขาต้องการคำตอบ แต่สิ่งที่หมอบอกกับเขาก็ทำให้เขาพอเข้าใจได้ สาเหตุที่ลลิตาร้องโวยวายอาจจะเพราะก่อนหน้านี้ไปเจอเหตุการณ์ไม่ดีมาจึงกระทบกระเทือนจิตใจแต่อีกไม่นานก็คงหายเป็นปกติ เมื่อพริษฐ์ทราบทุกอย่างแล้วเขาก็ไม่ได้อยู่รอดูอาการของลลิตาต่อเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะฟื้น เสียเวลาหากจะมานั่งเฝ้าเด็กเลี้ยงเพียงคนเดียวทั้งวันทั้งคืน เขาเดินทางกลับกรุงเทพทันทีและไม่ลืมสั่งลูกน้องสองคนนี้ให้ดูแลลลิตาให้ดี เมื่อหายดีแล้วก็ค่อยพาลลิตากลับกรุงเทพ เขาจะไปรอที่นั่น . . . . . . สองวันผ่านไปแล้วที่ลลิตาฟื้นขึ้นมาและพูดแทบนับคำได้ ตอนนี้บาดแผลภายนอกหายดีแล้วพร้อมกลับบ้านได้ แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกยินดีสักนิด เธอยังทำใจยอมรับสภาพนี้ไม่ได้ มันยากเกินไปจะยอมรับได้เร็ววันขนาดนี้ ในตอนนี้ร่างที่แท้จริงของเธอจะเป็นอย่างไร จะเน่าเปื่อยไปหรือยัง แล้วจะมีใครไปพบศพของเธอไหม พ่อจะรู้ไหมว่าลูกสาวคนนี้หายตัวไปแล้วและไม่สามารถกลับไปหาด้วยภาพลักษณ์เดิมได้อีก เธอนั่งเหม่อตั้งคำถามกับตัวเองอย่างไร้คำตอบไปเรื่อยๆ ยิ่งรอบตัวไม่มีใครมีแต่ความเงียบเพียงอย่างเดียวยิ่งทำให้เธอยิ่งฟุ้งซ่าน คิดมากถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แกร๊ก! แอ๊ด!~ เสียงเปิดประตูทำให้ลลิตาในชุดคนไข้ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนหันไปดูว่าใครกันที่เข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นบอดี้การ์ดชุดดำสองคนที่เธอเคยเห็นหน้ามาในหลายวันนี้ก็เบือนหน้าหนีทันที สองคนนี้รู้จักกับฆาตกรที่ฆ่าเธอ อย่างนั้นก็ต้องเป็นคนไม่ดีด้วย... เธอรู้ว่าไม่ควรไปตัดสินคนอื่นทั้งๆที่ยังไม่รู้จักเขาดีพอ แต่เพราะสองคนนี้รู้จักเจ้าของร่างที่เป็นฆาตกรคนนี้ เธอทำใจทำดีหรือยิ้มให้ไม่ได้จริงๆ ไกรและกริชบอดี้การ์ดของพริษฐ์เดินเข้ามาพร้อมถุงช้อปปิ้งหลายถุง พวกเขาสองคนได้รับคำสั่งว่าให้มาดูแลเด็กเลี้ยงของเจ้านายและให้รับตัวกลับไปที่อยู่โรงแรมที่กรุงเทพของเจ้านายเป็นการชั่วคราวเพราะตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าใครกันที่ทำร้ายเด็กเลี้ยงของเจ้านาย และแม้เจ้าตัวจะฟื้นแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมปริปากบอกอะไรสักคำ "คุณลิตาครับ ตอนนี้คุณอาการดีขึ้นแล้ว ทางโรงพยาบาลก็ให้พากลับได้แล้วรบกวนคุณลิตาเปลี่ยนชุดด้วยนะครับ พวกผมจะพาคุณลิตากลับกรุงเทพ" กริชวางถุงช้อปปิ้งที่โต๊ะข้างเตียงคนไข้ก่อนที่เขาสองคนจะออกไปรอข้างนอก ให้เวลาคนที่เพิ่งหายดีได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพหลังจากที่พักอยู่โรงพยาบาลมานานหลายวัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD