ตอนที่ 1 เที่ยวตามประสาพี่น้อง
ณ ห้องพักสุดหรูของโรงแรมห้าดาวใจกลางเมือง สองร่างชายหญิงที่เพิ่งเสร็จกิจธุระด้านกามอารมณ์อันดุเดือดคนหนึ่งหมดแรงจนต้องฟุบลงกับหมอนส่วนอีกคนเดินเขาห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย
น้ำจากฝักบัวไหลรินบนร่างกายอันแกร่งกล้าที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและแผงอกที่แน่นบ่งบอกว่าเจ้าของร่างชื่นชอบการออกกำลังกายมากแค่ไหน ไม่ได้แค่ชอบออกกำลังในร่มเพียงอย่างเดียว
ในขณะที่นอนพักเอาแรงก็ได้ยินเสียงน้ำจากในห้องน้ำ หญิงสาวผมยาวสลวยพร้อมด้วยร่างกายอันเซ็กซี่ก็ลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง นานแค่ไหนแล้วที่เธอเฝ้ามองเขาอย่างนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ที่เจอเขาเมื่อสามเดือนก่อนที่ผับแห่งหนึ่งและก็ถูกเขาส่งคนมาดีลเธอหลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นเด็กอีกคนของเขาหรือจะเรียกว่านางบำเรอคนหนึ่งก็ไม่แปลกนักเพราะทุกครั้งที่เขามาหาหลังเสร็จกิจกามอารมณ์เขาก็จะให้เงินเป็นค่าตัวค่าเสียเวลา นานวันเข้ายิ่งใกล้ชิดเธอก็ยิ่งหวั่นไหวและอยากเป็นตัวจริงของเขาเพียงคนเดียว
ไม่ใช่เพียงเพราะเขาหล่ออย่างเดียวแต่เพราะเขานั้นรวยมาก พริษฐ์ เขาเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลไกรอัครวรกุลที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เขาเป็นเจ้าของโรงแรมห้าดาวชื่อดังที่มีสาขามากมายทั้งในไทยและต่างประเทศ เป็นที่หมายปองของผู้หญิงมากมายรวมถึงเธอด้วย หากได้เขาเป็นสามีจริงๆ ชีวิตของเธอคงสุขสบายไปทั้งชาติ ไม่ต้องง้อขอเงินจากที่บ้านที่ขอเท่าไหร่ก็ไม่ได้ตามที่ขอสักนิด แม้จะมีเสียงเล่าลือกันอีกว่าเขาคือมาเฟียที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศแต่เธอก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ ถึงจะจริงแล้วอย่างไร เธอก็ไม่สนใจหรอกเพราะหากเขาหลงรักเธอและยกให้เธอเป็นตัวจริงเมื่อไหร่ต่อให้เป็นเรื่องจริงแล้วต้องเจอเรื่องอันตรายจริงๆ เขาย่อมต้องปกป้องดูแลคนที่เขารักได้อยู่แล้ว
ในระยะสามเดือนมานี้เขามาหาเธอมากที่สุด เท่านี้ก็พอจะให้เธอคิดเข้าข้างตัวเองได้ว่าเขาเองก็คงเริ่มมีใจให้เธอบ้าง
คิดเช่นนั้นอย่างมีความสุขร่างอันเย้ายวนก็ลุกจากเตียงขนาดใหญ่ก่อนจะเดินไปหาชายที่หลงรักในห้องน้ำเพื่อสร้างความวาบหวิวต่ออีกครั้งแต่เห็นว่าเสื้อผ้ากระจัดกระจายกองอยู่ที่พื้นจึงแวะเก็บขึ้นมาเสียก่อน ไม่ให้มันเกะกะขวางตา เธอเดินไปหยิบเสื้อสูทสีดำหวังจะเอาไปพาดที่เก้าอี้แต่ดันมีของตกจากกระเป๋าเสื้อสูท
ตุ้บ!
เป็นกระเป๋าสตางค์ของเขา หญิงสาวก้มลงไปเก็บกระเป๋าสตางค์ที่แผ่คว่ำที่พื้นขณะที่เก็บขึ้นก็เห็นในกระเป๋าสตางค์มีรูปถ่ายรูปหนึ่งอยู่ในนั้น สายตาของหญิงสาวกวาดตามองด้วยความรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นว่าเป็นภาพรูปถ่ายอะไร
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ไม่ใช่นางบำเรอคนใดคนหนึ่งของเขาแน่นอน เขาถึงกับเก็บรูปถ่ายนี้ไว้กับตัวคงสำคัญกับเขามาก คิดด้วยใจที่ร้อนรนและเริ่มมีความริษยาที่มีผู้อื่นได้สำคัญกว่าตัวเองเริ่มครอบงำเธอ ผู้หญิงคนนั้นมีดีอะไรกว่าเธอเขาถึงได้สนใจขนาดนี้
"ทำอะไรของเธอลิตา" เสียงขุ่นมัวดีงขึ้นจากทางด้านหลัง เจ้าของชื่อลิตาหรือลลิตาหันไปหาแต่เขาเดินเข้ามาคว้ากระเป๋าสตางค์ไปทันทีพร้อมมองเธอด้วยสายตาขุ่นโกรธ
"เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับของๆ ฉัน!"
"คุณพริษฐ์คือลิตา..."
"เก็บเสื้อผ้าของเธอและออกไปได้แล้ว!"
ลลิตาได้แต่จำยอมออกไปพร้อมความรู้สึกเจ็บแค้นถึงผู้หญิงในกระเป๋าสตางค์ของพริษฐ์ เธอต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร ท่าทางของเขาแสดงออกว่าให้ความสำคัญกับรูปถ่ายใบนั้น
พริษฐ์เปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อดูด้านในว่าของสำคัญของเขามีอะไรเสียหายหรือไม่ เห็นว่าภาพของหญิงสาวคนนั้นยังอยู่ดีเขาก็พอคลายความโกรธลงไปได้บ้าง เขาลูบที่ภาพถ่ายนั้นอย่างอาวรณ์หวนนึกถึงเมื่อห้าปีก่อนที่เขาเจอกับคนในภาพถ่ายครั้งแรกตอนที่เขายังอายุยี่สิบหกปี
ในตอนนั้นพ่อกับแม่ของเขาเพิ่งเสียด้วยอุบัติเหตุที่ไม่ใช่อุบัติเหตุเขาเสียใจอย่างมาก หลังจัดการกับคนที่คิดร้ายพ่อกับแม่เสร็จเขาก็ไปหาพวกท่านที่วัดและได้เจอกับหญิงสาวคนหนึ่งที่อายุไม่น่าเกินยี่สิบปีที่โต๊ะไม้หินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ของวัด ในขณะที่เขากำลังโศกเศร้าเธอก็เดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มแม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
"กำลังเศร้าอยู่เหรอคะ ให้หนูนั่งเป็นเพื่อนพี่ไหม"
"อย่าเศร้าไปเลยค่ะ เดี๋ยวคนที่พี่รักรู้เข้าเขาจะกังวลและเป็นห่วงพี่เอานะคะ รู้ไหมว่าเขามองพี่อยู่บนฟ้าอยู่นะถ้าไม่อยากให้เขาเป็นห่วงก็ยิ้มเยอะๆ นะคะ"
"ขนมอันนี้หนูให้พี่จะได้ยิ้มเยอะๆ"
"หนูไปก่อนนะต้องรีบกลับบ้านก่อน"
เห็นเธอเดินจากไปแล้วเขาก็กำลังจะลุกบ้างแต่ดันเจอภาพถ่ายจากกล้องโพลาลอยด์หนึ่งภาพตกอยู่ เป็นภาพถ่ายของเธอที่กำลังยิ้มแต่เขากลับสัมผัสได้ว่าดวงตาของเธอนั้นแฝงความเศร้าภายใต้รอยยิ้มนั้นเอาไว้ เขาอยากจะคืนให้เธอแต่เธอก็วิ่งหายไปแล้วเลยเก็บภาพนี้ไว้เป็นความทรงจำดีๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีคนแปลกหน้าเข้าหาเขาพร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจเขา และหวังว่าหากเจอกันในอนาคตเธอจะยังจำเขาได้และเขาจะคืนภาพนี้ให้กับเธอเองพร้อมขนมที่เธอมอบให้เขา
เขาไม่เคยออกตามหาเธอสักครั้งได้แต่หวังว่าหากเขาและเธอมีวาสนาต่อกันก็คงได้พบเจอกันเองแน่นอน แต่ผ่านมาห้าปีแล้วยังไม่เคยเจอกันเลย หรือเพราะว่าเขาไม่เคยไปในที่ที่เธอไปกันนะถึงไม่เจอกันสักที
หรือไม่เขาและเธอก็เคยเจอกันแล้วแต่คงเป็นการเดินผ่านกันไปในที่ไหนสักที่และเขาก็มองไม่เห็นเธอเสียเอง
.
.
.
.
.
.
ช่วงหน้าร้อนของเมืองไทยตรงกับช่วงปิดเทอมของมหาวิทยาลัยเหล่านิสิตนักศึกษาจึงวางแผนเที่ยวพักผ่อนกันกับกลุ่มเพื่อน แต่ไม่ใช่สำหรับสาววัยทำงานอย่าง ลลิตา แน่นอน เธอเพิ่งเริ่มทำงานมาได้แค่ปีกว่าๆ และสนุกกับงานที่ทำอย่างมาก เธอเป็นช่างภาพสาวที่กำลังเพิ่งเริ่มมีชื่อเสียงจากความสามารถของเธอเอง
แต่ไม่ใช่กับน้องสาวต่างแม่ของเธออย่างมายาวีที่ตอนนี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสามและเพราะเป็นช่วงปิดเทอมจึงมาชวนเธอไปเที่ยวตามประสาพี่น้อง ด้วยความที่เธอรักและเอ็นดูน้องสาวคนนี้มากจึงชอบตามใจอยู่เรื่อยเวลามาขออะไร เธอรีบเคลียร์งานให้ว่างและบอกวันว่างให้กับน้องสาวโดยน้องสาวของเธอจะเป็นคนวางแพลนการเที่ยวครั้งนี้เพราะมายาวีเรียนการท่องเที่ยวจึงสามารถวางแพลนการเที่ยวได้ดีกว่าเธอ
การเที่ยวระหว่างสองพี่น้องมีเวลาสามวันสองคืนเพราะลลิตาหาวันหยุดได้แค่นี้จริงๆ จังหวัดที่มายาวีเลือกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวก็คือจังหวัดชลบุรีโดยมีลลิตารับหน้าที่เป็นคนขับรถเอง เมื่อเดินทางมาถึงจังหวัดชลบุรีก็เข้าพักที่โรงแรมใกล้ชายหาดพัทยา สองพี่น้องพากันเดินเที่ยวตามแพลนที่วางไว้ของคนน้อง หากใครมองเข้ามาก็คงคิดว่าสองพี่น้องนี้สนิทรักใคร่กันดี แต่หารู้ไม่ในใจของคนๆ หนึ่งในสองพี่น้องกลับไม่ได้คิดรักใคร่ด้วยสักนิด แม้จะแสดงออกว่ารักใคร่แค่ไหนแต่แท้จริงแล้วมีแต่ความเกลียดชังมอบให้เท่านั้นแม้จะมีพ่อคนเดียวกันก็ตาม
หากจะโทษก็โทษที่คนเป็นพ่อรักลูกไม่เท่ากันเถอะ เพราะพ่อรักลูกสองคนไม่เท่ากันถึงได้ทำให้ลูกอีกคนมีความรู้เช่นนี้ขึ้นมาได้