ตอนที่ 3 / 2

2226 Words
แพรพิศได้เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนไฮสคูลที่อัคราจัดการให้ เมื่ออายุสิบหกเธอตัดสินใจลองสอบเทียบ จนสามารถจบไฮสคูลในวัยอายุสิบหกปี  นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านไปถึงเจ็ดปี เธอมีอายุยี่สิบแล้ว ตอนนี้อีกไม่กี่วันเธอจะสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีแล้ว          และนับตั้งแต่วันที่ถูกส่งมาอยู่ที่นี่มีความรู้สึกเสียใจและน้อยใจภูเขาน้ำแข็งแห่งไททานิคไม่น้อย แต่ก็เพราะเขาจัดการแบบนี้ เธอถึงได้รู้สึกว่าตัวเองแกร่งขึ้นเข้มแข็งขึ้นด้วยเหมือนกัน                                                            พิมานนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือด้วยรอยยิ้ม แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับกำลังขบขันต่อที่สิ่งปรากฏตรงหน้าเช่นนั้นแหละ     "พักนี้ดูนายติดโซเซียลนะพีท" อัคราเอ่ยขึ้น พร้อมกับหยิบกาแฟตรงหน้าขึ้นมาจิบ แล้วมองชายหนุ่มที่ใบหน้าละม้ายกับเขา และใบหน้านั่นยังคงปรากฏรอยยิ้มอยู่เช่นนั้น พิมานช้อนตาจากสิ่งที่อยู่ในมือขึ้นมา ถามกลับสั้นๆ "นายคิดว่างั้นเหรอ"   "ใช่ เพราะปกตินายไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ่อยแบบนี้นี่"   พิมานหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยอีก "คงจะใช่ ...แต่นายจะไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่า ฉันหัวเราะอะไรอยู่"                                                     "ทำไมจะต้องถาม"   "ถามหน่อยเถอะน่า"                                                      พิมานเซ้าซี้ จนอัคราอดไม่ได้ที่ต้องถามให้พอเป็นพิธีเสียหน่อย "แล้วนายหัวเราะอะไรอยู่ล่ะ"                                                            พิมานพลิกหน้าจอโทรศัพท์กลับไปให้อัคราที่นั่งตรงกันข้ามดู และทันทีที่เห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตาทั้งสองของอัครามีแววไหวปรากฏวูบ แล้วจางหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่แน่ใจว่า พิมานจะสามารถจับได้ทันหรือไม่                                                                         ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีดวงตากลมใส ผมยาวสีช็อคโกแลต เข้มล้อมกรอบดวงหน้าเรียวเล็กได้รูป ริมฝีปากบาง จมูกโด่งและที่ปลายดูเชิดงอนขึ้นนิดๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวต้องมีความดื้อรั้น และแสนงอนอยู่ในที เธอสวมชุดกันหนาวตัวหนา โดยฉากด้านหลังที่เธอยืนอยู่เป็นตึก เป็นย่านการค้าขายชื่อดังในกรุงโซลที่รู้จักกันดีว่าเมียงดง              ดวงตากลมงดวามได้ทอประกายความสนุกขี้เล่น ในมือถือของกินที่เป็นของทอดอย่างหนึ่ง และตรงมุมปากข้างนั้นของเธอมีคราบซอสมะเขือเทศเลอะอีกด้วย  ทีนี้ก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมพิมานต้องหัวเราะอย่างขบขันออกมา   พิมานพลิกหน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฏรูปบนไอจีสตอรี่ของหญิงสาวคนนั้นกลับ แล้วเอ่ยอีก                                                               "แพรพิศ นายจำเด็กในความปกครอง ของนายได้มั้ย"                        "อ๋อ นั่นเธอเองหรอกหรือ" เอ่ยพร้อมกับเสจิบกาแฟอีก แล้วเบือนหน้าไปมองวิวด้านนอกกระจก ตึกที่ออฟฟิศของพิมานตั้งทำการอยู่วิวสวยดีจริงๆ   พิมานหรี่ดวงตาลงอย่างจับผิด "นายอย่ามาทำไก๋น่า ตลอดเวลาที่นายส่งแพรไปเรียนอยู่ที่นั่น อย่าบอกนะว่านายไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวใดๆ ของเด็กในความปกครองของนายเลย"                      "ทำไมต้องติดตามตลอด ฉันไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนนายที่ต้องคอยมอนิเตอร์หน้าจอรอดูความเคลื่อนไหวของใครคนอื่นนี่" เสียงอัครายังเอ่ยราบเรียบ พร้อมกับโน้มตัววางกาแฟในมือลงบนโต๊ะตรงหน้า                         "นายไม่...สนใจเหรอ ว่าเธอจะทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร อย่างเช่นตอนนี้เธอกำลังไปเที่ยวสนุกกับเพื่อนๆ ที่เกาหลีใต้ แต่เอ๊ะ เหมือนจะมีเพื่อนผู้ชายหน้าตาดีๆ อยู่ในกลุ่มของเธอด้วยนะ"          พิมานเอ่ยเรื่อยๆ สลับกับช้อนตาขึ้นมาดูคนที่นั่งตรงข้ามเป็นระยะๆ อย่างต้องการจับผิดอะไรบางอย่าง เผื่อว่าเขาอาจจะได้เห็นผู้ปกครองแสดงความห่วงและหวงเด็กในความปกครองของตัวเองเสียหน่อย                                                                                                      แต่แล้วพิมานก็ต้องผิดหวังนิดๆ เพราะอัคราไม่ได้แสดงท่าทางอะไรเพิ่ม ชายหนุ่มยังคงมิดเม้นความผิดปกติไว้ภายใต้ท่าทางอันสงบ และเย็นชาได้เหมือนเดิม                                                                  "เธอโตแล้วนะ เป็นผู้ใหญ่ดูแลตัวเองได้แล้ว ทำไมฉันจะต้องไปอยากรู้เรื่องส่วนตัวของเธอถึงขนาดนั้นด้วย"                                            อัคราจำได้ว่าช่วงปีแรกที่แพรพิศไปอยู่อังกฤษ เธอยังขยันส่งอีเมล์ที่เล่าความเป็นอยู่ของเธอมาถึงเขาตลอด แต่หลังจากหนึ่งปีนั้นผ่านไป เธอก็ไม่ได้ส่งอะไรมาอีกเลย  และเขาเองก็ไม่เคยตอบอีเมล์เธอด้วย ความเหินห่างที่เขามีให้กับเธอก็ยิ่งทอดยาวไกลออกไปกว่าเดิม                          "ฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย" พิมานเอ่ย แล้ววางท่าเคร่งขรึมตาม  "ว่ามาสิ"  "ถ้าฉันจะเดินหน้าตามจีบเด็กในความปกครองของนาย นายจะว่าอะไรมั้ย"                                                                           เป็นคำถามที่ทำเอาอัคราคิดคำตอบไม่ทัน เพราะไม่ได้ตั้งตัวมา ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าตลอดเวลาพิมานและแพรพิศติดต่อกันผ่านทางโซเซียลตลอด แต่ไม่ได้คิดว่านั่นจะเป็นความจริงจังของพิมาน อีกอย่างตลอดเวลาที่ผ่านมา พิมานเองก็ไม่ได้มีใครด้วย หรือการที่พิมานยังไม่มีใคร คงไม่ได้หมายความว่า เขากำลังเฝ้ารอแพรพิศอยู่หรอกนะ                 อัคราเบือนหน้าหนีอีกเล็กน้อย หนีแววตาที่ทอประกายขี้เล่นเป็นนิจ แต่ยามนี้ไม่วายยังจับจ้องเขาแทบไม่กะพริบตา จนอัคราอึดอัด     พิมานกำลังทำให้เขารู้สึกราวกับว่ามีเหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังจับเหยื่อไว้ในกรงเล็บอันแหลมคมอย่างไรอย่างนั้น                                               "ถามฉันทำไม ไปถามเจ้าตัวเองสิ เธอโตแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว" ในที่สุด อัคราก็นึกหาคำตอบออกแล้ว                                         "ดี" พิมานรับคำด้วยความชอบใจก่อน "ที่ฉันต้องเรียนให้นายทราบตามตรงก่อน เพราะฉันถือหลักที่ว่าเข้าตามตรอกออกตามประตูน่ะ ในเมื่อนายที่เสมือนญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่แพรมีอยู่ ฉันก็อยากให้นายรู้ไว้นะ พอแพรเรียนจบกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะได้เดินหน้าจีบเธอเต็มๆ ได้เสียที"  เอ่ยจบ พิมานก็ระบายยิ้มเต็มวงหน้า แววตาฉายทั้งความขี้เล่นและความเจ้าเล่ห์อยู่ ก่อนจะก้มหยิบกาแฟของตนมาจิบต่อ               อัคราหันกลับมามองหน้าพิมานแวบ แล้วโน้มตัวไปยกแก้วกาแฟของตนมาจิบตามเช่นกัน                                                                 พิมานที่เห็นความเคลื่อนไหวของคนตรงข้ามตลอด เลื่อนกาแฟออกจากปากเล็ก รีบบอกว่า                                                   "เอ๊ะ ดูเหมือนกาแฟของนายมันหมดแล้วนะ หรือนายจะอยากได้อีกแก้ว เอามั้ย จะให้เลขาฯฉันจัดการให้"                                    เท่านั้นแหละ อัคราก็รีบวางถ้วยกาแฟลงกับที่เดิมในทันที ในขณะที่พิมานก็ยักคิ้วขึ้นอย่างกวนๆ ให้อีกด้วย                         ชายหนุ่มไม่ได้ตอบโต้อะไรกับท่าทางกวนๆ นั้น แค่นึกหัวเสียในใจว่า ทำไมพิมานต้องถึงรู้ทันเขาไปเสียทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่ง เรื่องปริมาณกาแฟในถ้วยใบนี้ด้วยนะ!        สินีกำลังยืนอย่างตะลึงกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า หญิงสาวที่ยืนยิ้มกระจ่างคนนี้มีหน้าตาคับคล้ายคับคลากับใครคนหนึ่งที่ตนเคยรู้จักมาก่อน   เหมือนมาก จะใช่คนๆ เดียวกันหรือไม่                                          ขณะที่มัวแต่ยืนกะพริบตาถี่ๆ เสียงหัวเราะใสๆ ของหญิงสาวคนนี้ก็ดังเรียกสติของตนกลับ พร้อมกับการเรียกขานในลักษณะของคนที่เคยรู้จักกันดี ยิ่งทำให้สินีมั่นใจว่า ต้องใช่แน่ๆ                                              "ป้านีคะ"                                                                         "หนู เอ่อ"                                                                                   "แพร แพรพิศยังไงล่ะคะป้านี" เธอเฉลย                                     "ตายจริง! หนูแพรนี่เอง"                                                              ผู้อาวุโสทอดมองจากศีรษะลงมาจรดปลายเท้า ไม่ได้มองในลักษณะเหยียดหยาม แต่เป็นการพินิจทุกสัดส่วนของหญิงสาวตรงหน้า ว่าจะใช่เด็กคนนั้นจริง แล้วก็ถือวิสาสะวางมือหยาบกร้านจับที่ต้นแขนกลมกลึง เพื่อจับหญิงสาวตรงหน้ามาพลิกตัวไปมา ให้แน่ใจว่า ใช่เด็กหญิงที่ร้องไห้ขี้มูกโม่งเมื่อเจ็ดปีก่อนแน่นอน                                      "ใช่! ใช่จริงๆ ด้วย! โตเป็นสาวจนป้าจำแทบไม่ได้แล้ว"  แพรพิศหัวเราะด้วยน้ำเสียงสดใส เธอก็กะอยู่แล้วว่า เมื่อได้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าของป้าแม่บ้านผู้ใจดีอีกครั้ง อีกฝ่ายคงจำเธอไม่ได้แน่นอน เธอหยุดเสียงหัวเราะลง แล้วทำทีมองเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ตรงหน้านั้น   สินีหันกลับไปมองด้านหลัง ก่อนจะหันมาบอกหญิงสาวเอง "คุณอัครยังไม่กลับหรอก"                                                                   "แพรก็กะอยู่แล้วค่ะ"                                                                   "อ้าว! แล้วนี่หนูแพรกลับมาคุณอัครไม่รู้เหรอ" สินีทำท่าประหลาดใจ                                                                                    "คงรู้ หรือไม่รู้ ก็ไม่แน่ในใจค่ะ แต่ก็คงรู้แหละ เพราะแมททิวคงบอกเขาแล้ว" เธอหมายถึงคนที่รับดูแลเธอตอนที่อยู่อังกฤษคงรายงานให้เขาทราบแล้วนั่นเอง แต่นั่นไม่ใช่อะไรที่สลักสำคัญไปกว่า ตอนนี้เธออยากเข้าไปภายในบ้านหลังนี้ เพื่อไปเอาของที่สำคัญที่ยังอยู่ภายในบ้านออกมา   "ขอแพรเข้าไปข้างในหน่อยได้มั้ยคะ แพรแค่แวะมาเอาของสำคัญที่อยู่ที่นี่"   "ได้สิได้ เดี๋ยวเราค่อยไปนั่งคุยกันข้างในว่าเป็นไงมาไงนะ"                ว่าแล้วสินีก็เป็นฝ่ายเดินกุมมือผู้หญิงสาวเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยความคุ้นเคย    แพรพิศหลุบมองมือข้างนั้นที่กุมมือเธอด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ขนาดไม่ได้เป็นอะไรกับเธอแท้ๆ แต่ป้าสินีก็ยังใจดีมีเมตตาต่อเธอเสมอมา                                                                                                                                                               แพรพิศนั่งรอผู้อาวุโสตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ได้หายกลับเข้าไปหยิบของสำคัญที่เธอฝากไว้ให้อีกฝ่ายดูแลเมื่อเจ็ดปีก่อน ไม่นานสินีก็เดินออกจากบ้านหลังใหญ่มาพร้อมกับกรอบรูปถ่ายขนาดใหญ่ ก่อนจะส่งคืนกลับมาให้เธอรับต่อ                                                            "นี่ไง รูปของแม่เรา"                                                                    แพรพิศรับกรอบที่ใส่รูปถ่ายใบใหญ่นี้มา เธอพลิกอีกด้านมาเพ่งมองดวงหน้าคุ้นเคยที่อยู่ในรูป แล้วกอดกรอบรูปนี้เอาไว้แนบอก  "แพรขอบคุณป้านีมากๆ นะคะ ที่ช่วยดูแลรูปของแม่ไว้เป็นอย่างดี" เธอเอ่ย                                                                                           "ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก" ผู้อาวุโสกล่าว แล้วนั่งลงกับเก้าอี้อีกตัวก่อนจะถามถึงเรื่องที่ตนอยากรู้ "แล้วนี่จะไม่เล่าให้ป้าฟังหน่อยเหรอ ว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตกลงหนูเรียนจบแล้วใช่มั้ย" ที่ถามเพราะไม่แน่ใจ ท่าทางที่ยังดูอ่อนวัยของแพรพิศ จะจบระดับปริญญาตรีอย่างที่เจ้านายของตนระบุไว้ว่าจะช่วยดูแลหญิงสาวจนกว่าจะจบระดับนี้นั่นเอง                                                                                      "ค่ะ โชคดีที่แพรสอบเทียบได้ตอนเรียนอยู่ไฮสคูล เลยจบเร็ว ตอนนี้แพรก็กลับมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้วล่ะค่ะ ส่วนสาเหตุที่อยากจบให้เร็วๆ ด้วยการเสี่ยงสอบเทียบดูก็เพราะไม่อยากรบกวนเงินของคุณอัครมากเกินไป"    เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็แฝงความน้อยใจอยู่ไม่น้อย      "ถ้าหนูกลับมาได้อาทิตย์แล้ว แล้วตอนนี้หนูไปอยู่ที่ไหน"             หญิงสาวยิ้ม แล้วตอบคำถามผู้อาวุโสที่สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของเธอในตอนนี้ "สมัยเรียนแพรได้ทำงานพิเศษ ทำนอกเวลาเรียนไปด้วยค่ะ พอมีเงินเก็บบ้าง ก็เลยซื้อคอนโดเล็กๆ อยู่ก่อน ตอนนี้พอหาที่อยู่ได้ ชีวิตเริ่มลงตัวก็กำลังจะหางานทำต่อค่ะ"  "ไม่บอกให้คุณอัครรู้เหรอ เผื่อ..." สินีหมายถึงเผื่อว่าอัคราจะให้แพรพิศไปทำงานที่บริษัทก่อน จะได้ไม่ต้องกระเตงหางานให้ลำบาก               ใครๆ ก็รู้ว่าอัคราเป็นนักธุรกิจทายาทเจ้าของบริษัทน้ำผลไม้ชื่อดังของไทย การจะหาตำแหน่งงานสักตำแหน่งในบริษัทให้หญิงสาวที่เขาได้อุปการะไว้ คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก                                         แพรพิศรีบส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่จำเป็นต้องบอกมั้งคะ คุณอัครคงไม่ได้อยากรู้เรื่องแพรมากหรอก อีกอย่างแพรก็เกรงใจเขา เพราะที่ผ่านมาเขาต้องมารับดูแลแพร ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ทั้งที่ เอ่อ แม่ของแพรก็เคยทำร้ายจิตใจของเขาด้วย"                                         สินีฟังแล้วก็เข้าใจที่แพรพิศรู้สึก หญิงสาวยิ่งโตเป็นผู้ใหญ่ ก็คงยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจกับเรื่องราวในอดีตของมารดา และชายหนุ่มคนนี้ไม่น้อย   หลังจากได้ใช้เวลาพูดคุยกันจนเป็นที่พอใจแล้ว แพรพิศก็ขอลากลับ โดยหญิงสาวสัญญาว่าหากมีเวลาว่างจะแวะมาเยี่ยมสินีกับสิริพรอีกบ่อยๆ  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD