ตอนที่ 3 / 3

2140 Words
                                                                  ระหว่างที่เดินกลับออกไป รถมินิแวนคันหนึ่งกำลังแล่นเข้ามาในบ้าน ก่อนจะแล่นผ่านเธอไปอย่างช้าๆ แล้วรถคันดังกล่าวก็หยุด จากนั้นร่างสูงของใครคนหนึ่งรีบลงมาจากรถ พร้อมกับเรียกเธอเอาไว้ทันที  "เดี๋ยวก่อน เธออย่าเพิ่งกลับ"                                                        แพรพิศที่หยุดยืนกับที่แล้ว ก้มกอดรูปถ่ายของแม่แนบอก ก่อนจะค่อยๆ หมุนตัวกลับไปหาเขาอย่างช้าๆ    เจ็ดปีที่ผ่านไป... ดวงตาคู่นั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง สำหรับเธอมันยังคงความดำมืดและอ้างว้างอยู่เสมอ          "ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ตามมาสิ" เอ่ยจบแล้วก็เป็นฝ่ายเดินนำหญิงสาวกลับไปในบ้าน                                                                  แพรพิศถอนหายใจอีกเล็กน้อย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เขายังคงวางท่าเป็นภูเขาน้ำแข็งแห่งไททานิคเหมือนเดิม                                       แพรพิศกลับเข้ามานั่งรอชายหนุ่มในห้องรับรอง ทุกอย่างภายในห้องนี้แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีเพียงแค่พรมปูพื้นเท่านั้นกระมังที่ถูกเปลี่ยนใหม่ นอกนั้นเธอก็มองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ตรงไหนอีก                                                                                              หญิงสาวนั่งรอตรงนี้ ในขณะที่เขาหายขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน เธอก้มมองรูปของแม่ที่กอดเอาไว้ตลอด แล้วตัดสินใจวางรูปท่านเอาไว้ข้างๆ ตัวก่อน   ในวัยสี่สิบปีของเขา นอกจากความภูมิฐานที่มี นอกนั้นแทบไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเมื่อเจ็ดปีก่อนเลย ดูเย็นชา วางตัวห่างเหินกับเธออย่างไร ตอนนี้ก็อย่างนั้น                                                  และตอนนี้ ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายตลาดของบริษัท เขาเป็นถึงประธานบริษัท กุมบังเ**ยนการผลิตน้ำผลไม้ชื่อดังแทนบิดาที่วางมือ และย้ายไปอยู่กับลูกสาวคนโตบนดอยสูงแล้วเมื่อห้าปีที่แล้ว                                                                                                        'อ้าว! แล้วนี่หนูแพรกลับมาคุณอัครไม่รู้เหรอ'                              แพรพิศนึกถึงวันหนึ่งว่าจะตัดสินใจยกโทรศัพท์โทร.หาเขาด้วยตัวเองดีหรือไม่ อย่างน้อยก็ควรรายงานให้เขาทราบด้วยตัวเอง ในเมื่อเขาเป็นผู้ออกค่าเล่าเรียน ค่าอยู่ค่ากินให้เธอเมื่ออยู่ที่นั่น                                     ทั้งที่ก่อนหน้าเธอไม่เคยติดต่อเขาเลย ส่วนมากจะติดต่อผ่านเลขาฯของเขาเท่านั้น                                                                             แต่แล้วหญิงสาวก็ได้เห็นกรอบข่าวเกี่ยวกับแวดวงสังคมคนดัง มีรูปถ่ายระหว่างเขา และหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นถึงลูกสาวของนายธนาคารชื่อดังมันถูกปล่อยออกมาจากไอจีฝ่ายหญิง                               ภาพที่คนทั้งสองนั่งดื่มด่ำความสุขกัน ตรงบาร์ที่อยู่บนโรงแรมหรูย่านทองหล่อ บาร์นั้นเหมาะสำหรับการออกเดทของคู่รักในบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ล้อมรอบไปด้วยวิวของกรุงเทพฯในยามค่ำคืน        ทั้งสองมีความเหมาะสมกันทุกประการ ราวกับกิ่งทองใบหยก   ใช่ เขากำลังคบหากับหญิงสาวคนนั้น   จู่ๆ แพรพิศก็รู้สึกตื้อๆ ขึ้นมาที่หัว เหมือนคิดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าไม่ต้องโทร.บอกให้เขาทราบแล้ว                                    เอาจริงๆ เธอก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเขาถึงขนาดนั้นเสียหน่อย       และอย่างที่พิมานเคยบอกเธอตอนนั้น สักวันเขาก็ต้องมีครอบครัว ผู้หญิงของเขาจะรู้สึกอย่างไร หากยังมีเธอเป็นภาระให้เขาต้องดูแล นี่คือเหตุผลที่ทำให้เธอต้องรีบเรียนให้จบโดยเร็ว เพราะพันธะสัญญาที่เขาจะดูแลเธอไปจนกว่าเรียนจบนั้นจะได้ยุติลงเสียที                         และบัดนี้ พันธะนั้นก็ยุติลงโดยสมบูรณ์แบบแล้ว    หญิงสาวก้มมองมือที่วางบนตัก มันประสานและกำลังบีบเข้าด้วยกันแน่นอย่างไม่รู้ตัว แล้วหลุบตามองรูปของแม่ ภายในใจหนักอึ้งและสับสนกับความรู้สึกของใจ ภูเขาน้ำแข็งที่ไม่มีท่าทีแยแสเธอมาตลอด แต่ทำไมถึงให้ความรู้สึกมากมายแบบนี้ได้         เจ็บ...ไม่รู้ว่าเจ็บตรงมือหรือเจ็บที่ตรงไหน                                   เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาอีกครั้ง แพรพิศเงยหน้าจากสองมือที่ประสานบนตัก เห็นชายหนุ่มเดินกลับมาพร้อมกับซองสีน้ำตาลที่บรรจุเอกสารสำคัญ                                                                                              หญิงสาวปรับสีหน้าอาการให้กลับมาเป็นปกติทันที เมื่อเขากลับมานั่งตรงกันข้าม ฝ่ามือหนาวางซองที่สีน้ำตาลใส่เอกสารลงตรงหน้าเธอ          แพรพิศเงยหน้าจากสิ่งนั้นขึ้นมาแสดงอาการถาม คิ้วทั้งสองของเธอขมวดเข้าด้วยกันเล็กน้อย  "อะไรคะ"                                                                       "โฉนดที่ดิน ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ให้" อัคราตอบราบเรียบ "รับคืนไปสิ"                                                                                                 "แต่แม่ยกให้คุณแล้วนี่คะ แพรคงรับกลับไม่ได้" เธอรีบปฏิเสธ เนื่องจากค่าเล่าเรียนตลอดจนค่าที่อยู่ที่กินต่างๆ ที่เธอใช้จ่ายตอนเรียนที่อังกฤษ เขาหมดไปกับเธอไม่ใช่น้อยๆ                                                 "แต่มันเป็นของเธอ เป็นสมบัติที่แม่เธอทิ้งไว้ให้นะ"              "ไม่ค่ะ ในจดหมายที่แม่เขียนระบุไว้ ว่าได้ยกให้คุณแล้วนี่คะ แลกกับที่คุณรับดูแลแพร"                                                                อัคราแทบกัดฟันต่อว่าคนตรงหน้าทันทีว่า 'เด็กโง่' เขาไม่ได้มีใจอยากจะได้สมบัติพัสถานจากเธอสักหน่อย ที่ช่วยดูแลเธอแทนอรพิม สุดท้ายก็เป็นเรื่องของมนุษยธรรม และก็คิดเสียว่าชาติที่แล้วเขาคงติดหนี้อรพิมพอสมควร ชาตินี้เลยต้องมาช่วยดูแลลูกสาวคนเดียวให้อย่างนี้ ขณะนั้นดวงตาคู่นั้นมองเธอนิ่งๆ จะตำหนิหรือแปลกใจกับการปฏิเสธของเธอก็ไม่แน่ใจนัก ทว่า แพรพิศก็สบตอบเขาด้วยความมุ่งมั่นว่าเธอจะไม่ขอรับโฉนดนี้คืน                                                                   สุดท้าย เธอก็ไม่อาจเอาชนะภูเขาน้ำแข็งเช่นเขาได้เลยจริงๆ แพรพิศเลยถอนหายใจ หาข้อยุติเองก่อน "เอาแบบนี้ก็แล้วกันค่ะ เอาไว้แพรเก็บเงินก้อนได้เมื่อไหร่ แพรค่อยมาไถ่โฉนดที่ดินคืนจากคุณ เพราะแพรไม่ได้อยากรู้สึกแย่ที่คุณต้องมารับดูแลแพร ทั้งๆ ที่ เราสองคนก็แทบไม่ได้เกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำ ดังนั้นเพื่อไม่ให้แพรรู้สึกแย่ แพรและแม่เราสองคนที่เป็นหนี้บุญคุณ คุณก็ช่วยทำตามที่แพรขอเถอะค่ะ" เธอหมายถึงมารดาด้วย  อัคราหลุบมองรูปถ่ายอรพิมที่วางใกล้ตัวลูกสาว ช้อนตาขึ้นมาดวงตาคู่กลมใสยังสบตอบ ยืนยันตามคำที่เธอพูดว่าอย่างไรก็ยังไม่รับโฉนดที่ดินเหล่านี้คืนแน่ สุดท้าย ชายหนุ่มเลยตอบรับสั้นๆ ว่า              "ตามใจเธอก็แล้วกัน"                                                                         หลังจากคุยกันเป็นที่เข้าใจ และแพรพิศก็ได้กลับไปแล้ว โดยอัคราให้คนขับรถเขาไปส่งเธอเอง  ชายหนุ่มกลับมานั่งลงที่เดิม พร้อมกับดึงโฉนดที่ดินมาดู พลางส่ายหน้าเบาๆ จริงๆ เรื่องเงินที่แพรพิศบอกว่าจะหามาคืนแลกกับโฉนดพวกนี้ สำหรับเขาไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญหรอก แต่ที่ต้องตกลงกับเด็กนี่ไปก่อน เพราะคิดเอาไว้ว่า สุดท้าย เขาก็ต้องคืนโฉนดที่ดินเหล่านี้ให้เธออยู่ดี                                                                                                              แพรพิศขยับต้นคอไปมาเล็กน้อย เพื่อขับไล่ความเมื่อยล้าบริเวณนี้ หลังจากได้นั่งออกแบบโลโก้ใหม่ให้กับร้านชานมไข่มุกเจ้าหนึ่งตรงแถวสยาม เธอใช้เวลาอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งนี้ร่วมสองชั่วโมงแล้ว ก่อนหน้าก็นั่งทำงานอยู่ที่ห้องเล็กๆ ในคอนโดเมื่อเห็นว่าใช้เวลาอยู่แต่ในห้องเล็กๆ นั้นมันจะอุดอู้เกินไป ทำให้คิดไอเดียใหม่ๆ ได้ไม่ดีนัก หญิงสาวจึงเปลี่ยนมาทำงานในร้านกาแฟที่อยู่ใกล้กับที่พัก เผื่อจะได้ไอเดียดีๆ สำหรับใช้ในงานออกแบบบ้าง                                                                    เมื่อยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่งทำ แพรพิศจึงต้องอาศัยงานเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ทำไปก่อน ซึ่งผ่านการแนะนำของเพื่อนที่เรียนอยู่ที่ต่างประเทศด้วยกันนั่นเอง                                                                ตอนนี้กาแฟแก้วโปรดพร่องลงไปเกือบหมด ส่วนครัวซองต์นุ่มและหอมกรุ่นก็ได้หมดไปก่อนหน้านั้นแล้ว ตอนนี้เธออาจจะต้องสั่งครัวซองต์มาอีกสักสองชิ้น ทำงานไปพร้อมกับนั่งกัดครัวซองต์อร่อยๆ ไปด้วยจะได้เกิดความเพลินๆ การทำงานจะได้ไม่น่าเบื่อ                               ว่าแล้วหญิงสาวก็ใช้โทรศัพท์มือถือแสกนไปที่คิวอาร์โค้ดของร้านที่ติดอยู่ประจำโต๊ะ เลือกเมนูที่อยากกินได้ก็กดสั่งออเดอร์ทันที                    แล้วก็หันมาสนใจหน้าจอแล็ปท็อปต่อ หญิงสาวพักหน้าต่างโปรแกรมที่ใช้ทำงานลง เพื่อจะหาอะไรตามโซเซียลอ่านไปเรื่อยๆ ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับคอลัมน์จากนิตยสารชื่อดังเจ้าหนึ่ง ที่มีจัดจำหน่ายทั้งแบบรูปเล่มและมีแฟลตฟอร์มทางออนไลน์ด้วย คอลัมน์นี้มักจะมีการสัมภาษณ์คนดังในแวดวงสังคมมาลงบ่อยๆ และตอนนี้กำลังปรากฏบทสัมภาษณ์หญิงสาวคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่าเธอแค่ปีเดียว                                                                                                     ทั้งรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายยิ่งสะกดให้แพรพิศสนใจคอลัมน์นี้เป็นพิเศษ หัวใจไหวเอนแรงกับชื่อและนามสกุลของหญิงสาวคนนี้        'ศรุตา อินทรนันท์'                                                          คนบ้านอินทรนันท์! หญิงสาวคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่น้องสาวที่แสนยโสของเธอคนนั้น!                                                      ดวงตากลมนั้นอ่านตั้งแต่อักษรตัวแรกที่ปรากฏบนคอลัมน์ ตั้งใจอ่านด้วยความชิงชังที่ซุกอยู่ในใจเธอมานาน                                           'วันนี้พราวจะพาทุกๆ คนไปทำความรู้จักกับสาวน้อยมหัศจรรย์ 'ทราย ศรุตา อินทรนันท์' ทายาทหนึ่งเดียวของ อินทรนันท์กรุ๊ป ที่ให้บริการธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบนั่นเอง                                     เพียงในระยะไม่กี่ปีอินทรนันท์กรุ๊ปได้เติบโตแบบก้าวกระโดดจนมีชื่อเสียงมากในปัจจุบัน และพราวก็เชื่อว่า มีหลายคนกำลังจับตามอง ศรุตา อินทรนันท์ ทายาทหนึ่งเดียวของผู้บริหารฯ ที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้อย่างมากมาย                                                             วันนี้พราวเลยนำบทสัมภาษณ์เล็กๆ น้อยๆ ของสาวน้อยหน้าใสคนนี้มาให้แฟนพราวได้รู้จักกับเธออีกด้านนะคะ                                      "ทรายชอบทำงานค่ะ ตั้งแต่เด็กทรายก็ได้ติดตามคุณพ่อไปทำงานบ่อยๆ และมักจะมีความคิดมากมายผุดพรายขึ้นมาเสมอ บางทีก็เสนอท่านตามประสาเด็กช่างพูดไปว่า ทำไมป๊าไม่ทำแบบนั้นแบบนี้ล่ะคะ คุณพ่อก็รับฟังนะคะ แต่ท่านก็ไม่กล้าทำตามหรอก เพราะความคิดเรายังเด็กอะเนอะ  ตอนนี้ทรายเรียนอยู่ปีสามคณะบริหารธุรกิจ จบแล้วก็มีแพลนไปเรียนต่อต่างประเทศอยู่ค่ะ จริงๆ ทรายก็อยากหางานทำเองสักปีสองปีให้ได้ประสบการณ์การทำงานก่อน แล้วค่อยไปเรียนต่อ ปรึกษากับคุณพ่อแม่และคุณย่าแล้ว พวกท่านก็ไม่ค้านอะไรนะคะ ทรายโชคดีที่ที่บ้านไม่ได้เคร่งครัดอะไรมาก (แต่ก็ไม่ได้ตามใจมากเช่นกัน) พวกท่านคอยรับฟังทรายและคอยให้คำปรึกษาต่อทรายเสมอๆ  ตอนนี้ทรายมีช่องยูทูปเป็นของตัวเองแล้วนะคะ ใครสนใจอยากติดตามก็ไปที่ช่อง ศรุตาชาแนลได้เลยค่ะ"                                     นอกจากชีวิตจะสวยหรูและลงตัวสุดๆ แล้ว สาวน้อยหน้าใสคนนี้ก็กำลังปลูกต้นรักกับนักธุรกิจหนุ่มทายาทห้างสรรพสินค้าชื่อดังอีกด้วย แหม เรียกว่าทั้งสองสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลยทีเดียวค่ะ'  ริมฝีปากบางเผลอเบะด้วยอาการดูถูกเมื่ออ่านคอลัมน์นี้จบ ถึงตอนเรื่องความรักของสาวน้อยหน้าใสคนนั้น หึ ความรักหรือ คนพวกนี้ไม่ได้มีหัวใจเหมือนอย่างคนทั่วไปหรอก ความรักบ้าบออะไรกันที่คบหากันก็เพราะต้องการผลประโยชน์ร่วมกันมากกว่า                                         'ทำไมพ่อถึงไม่ยอมรับแม่ ไม่ยอมรับหนู'                                        เธอเคยถามมารดาถึงเรื่องนี้ ตอนนั้นมารดาก็เอาแต่ร้องไห้ ก่อนจะค่อยๆ บอกเธอว่า "เพราะเราไม่มีอะไรที่จะทำให้ตระกูลเขาได้ประโยชน์ ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกคนมีเงิน พวกเขาอยากได้เงินจากผู้หญิงคนนั้น ไม่เหมือนเรา นามสกุลเราไม่ดัง เราไม่ได้มีเงินให้พวกเขาเอาไปใช้ประโยชน์ไง"  แพรพิศปิดบทสัมภาษณ์นี้ทิ้งไปด้วยความไม่สบอารมณ์ เธอไม่ได้ริษยาผู้หญิงคนนี้ที่มีชวิตสมบูรณ์แบบนี้หรอก แค่รู้สึกสะอิดสะเอียนกับเปลือกจอมปลอมที่คอยสร้างไว้ห่อหุ้มตัวจริงอันโสมมของพวกเขามากกว่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD