ชายหนุ่มมาที่ผับในเวลาสองทุ่มกว่าๆเพราะมัวแต่ออดอ้อนคนตัวน้อยใจอยากให้มาด้วยกันแต่ว่าหญิงสาวปฏิเสธ เพื่อนสนิทของเขากำลังนั่งควงแขนอย่างสนิทสนมกับสาวสวยคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขามาถึงแล้วอีกฝ่ายก็รีบกวักมือเรียกทันที
"มาช้านะ มัวทำอะไรอยู่หรือเมียไม่ให้ออกจากบ้าน"
"หึ"
"มาๆ วันนี้ดื่มย้อมใจเป็นเพื่อนฉันหน่อย"
"ย้อมใจเรื่องอะไร"
"โดนสาวปฏิเสธน่ะสิ นายก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่เคยมีใครปฏิเสธ"
"บางทีเงินกับความเจ้าเช่ห์ของนายก็ซื้อใจสาวไม่ได้ไง มันก็เป็นธรรมดาไหมวะ ว่าแต่สาวที่นายว่าเป็นใคร เป็นลูกสาวบ้านไหนเผื่อฉันรู้จัก"
"นั่นไง" ชายหนุ่มชี้ไปที่พนักงานสาวสวยของร้าน ผู้หญิงคนนี้เขาเคยเห็นอยู่สองสามครั้ง และทุกครั้งที่เห็นเธอก็จะมีเรื่องพูดคุยกับคนตัวน้อยของเขา
"ชื่อว่าอะไร"
"อย่าบอกนะว่านายก็สนใจน่ะเธียร"
"เปล่า"
"เธอชื่อแคททำงานที่นี่มาสามปีแล้วมั้ง อายุพอๆกับพวกเรา ว่าแต่จะอยากรู้ไปทำไม"
"แค่มีเรื่องอยากจะขอบคุณเขาสักหน่อย"
"ขอบคุณ? ขอบคุณเรื่องอะไร"
"ขอบคุณที่เคยช่วยเหลือคนรักของฉันไง"
"ไปขอบคุณสิ ฉันจะไปด้วย" เพื่อนของชายหนุ่มบอกออกไปน้ำเสียงกระตือรือร้น
"อยากตามมาก็มา"
หลังจากที่ไปนั่งเป็นเพื่อนแขกเสร็จแล้วแคทก็มานั่งนับเงินที่ได้ในคืนนี้เงียบๆที่มุมหนึ่งของร้าน วันนี้ได้เงินมากกว่าทุกวันแต่ไม่เปลืองตัวเพราะแขกค่อนข้างจะมีมารยาทและถือตัวอยู่ไม่น้อย
"ขอโทษนะครับ ผมชื่อเธียรทรรศน์"
"ค่ะ ฉันชื่อแคทค่ะ"
"ผมมีเรื่องอยมกจะคุยกับคุณน่ะครับ"
"มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ" หญิงสาวถามออกไปตามมารยาทจนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นใครอีกคนก็หน้ามุ่ยอัตโนมัติ
"ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือพีชเอาไว้ในยามที่น้องลำบาก"
"น้องหายหน้าหายตาไปเลยไม่กลับมาทำงานที่นี่อีกเป็นคุณนี่เองที่พีชไปอยู่ด้วย" เป็นคนตรงหน้านี่เองที่พิชชาโทรศัพท์มาบอกหล่อนว่าขอหลบไปอยู่ในที่ที่ปล่อยภัยและคงไม่ได้กลับมาทำงานที่นี่อีกแล้ว
"ใช่ครับ น้องอยู่ในความดูแลของผมเอง" ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงจริงจัง
"คุณจริงจังกับน้องแค่ไหนคะ น้องเป็นคนดีอย่าหลอกให้แกรักแล้วก็ทิ้งแกไปนะคะ คุณไม่รู้หรอกว่าแกต้องผ่านอะไรมาบ้าง แกต้องลำบากขนาดไหนเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดอยู่บนโลกที่โหดร้ายใบนี้" นึกย้อนไปถึงวันนั้นที่เธอบังเอิญไปเจอกับพิชชา ถ้าเธอไม่ไปทำธุระแถวนั้นและช่วยเหลือพิชชาไว้ ก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร
"ผมไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน ผมไม่ใช่พวกเจ้าชู้ประตูดินคบกับใครหลายๆ คน" ชายหนุ่มบอกออกไปน้ำเสียงราบเรียบ ตั้งแต่พบกับพิชชาผู้หญิงคนอื่นก็ไม่มีความหมาย
"ถือว่าคุณเป็นคนดีนะคะไม่เหมือน..."
"เฮ้ๆ อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นสิครับ" ภาณุรุจรีบขยับมายืนขนาบข้างก้บคนเป็นเพื่อนทันที
"หุบปากของนายเถอะหน่า" ชายหนุ่มบอกออกไปอย่างหัวเสียเพราะเพื่อนกำลังทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดี
"..."
"ผมอยากจะขอบคุณคุณน่ะครับ คุณต้องการให้ผมช่วยอะไรคุณไหมครับ"
"ฉัน..." หญิงสาวอึกอักไม่กล้าบอกสิ่งที่ต้องการออกไป
"บอกความต้องการของคุณมาเถอะครับ ผมพร้อมจะช่วยเหลือคุณทุกอย่าง" ชายหนุ่มบอกออกไปน้ำเสียงราบเรียบ ถ้ามันไม่มากเกินไปเขาพร้อมจะช่วยเหลืออยู่แล้ว
"ฉันต้องหาเงินให้ได้สองแสนในเดือนนี้" ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจบอกออกไปน้ำเสียงจริงจัง
"เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเลยครับ" เธียรทรรศน์ยกยิ้มถ้าเป็นเรื่องเงินแน่นอนว่าเขาสามารถช่วยเหลือเธอได้ทันที
"ฉันไม่ใช่พวกหน้าเงินนะคะแต่ว่าตอนนี้ฉันกำลังเดือดร้อน เอาเป็นว่าฉันขอยืมคุณก่อนได้ไหมคะแล้วเดี๋ยวจะทยอยคืนให้คุณทุกเดือน แม่ของฉันต้องการเงินค่าผ่าตัดน่ะค่ะ"
"ผมยินดีช่วยเหลือคุณครับ ไม่ต้องคืนผมหรอกผมเต็มใจให้ ขอเลขบัญชีคุณหน่อยครับ ผมจะให้เลขาจัดการให้เรียบร้อย"
"นี่ค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ" หญิงสาวยกมือไหว้คนตรงหน้า ชายหนุ่มรีบเอ่ยห้ามทันที เมื่อมีคนมาช่วยเหลือแคทก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เพราะถ้าเธอหาเงินไม่ทันมารดาก็จะต้องเลื่อนการผ่าตัดออกไปอีก นั่นหมายถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับมารดาทุกวินาที
"มีเรื่องร้อนใจขนาดนี้ทำไมไม่บอกผมล่ะครับ ผมเองก็ช่วยคุณได้เหมือนกัน" ภาณุรุจบอกออกไปน้ำเสียงห่วงใย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าเขาถึงสนใจและอยากจะรู้เรื่องราวต่างๆของผู้หญิงตรงหน้าเป็นพิเศษแตกต่างจากสาวๆที่วิ่งเข้าหาเขา ยิ่งนับวันผู้หญิงตรงหน้าก็ยิ่งมีอิทธิพลต่อเขามากขึ้น เขารู้สึกไม่ชอบใจที่เธอจะต้องไปนั่งพูดคุยกับแขกในร้าน
"ขอฉันไปหาน้องพีชบ้างได้ไหมคะ" ถ้าได้พูดคุยปรับทุกข์กับพิชชาจิตใจของเธอคงจะรู้สึกโล่งกว่าที่เป็นอยู่มาก
"ได้สิครับ แต่ผมอยากให้คุณรู้เอาไว้ว่ามีคนกำลังตามหาน้องอยู่ เพราะจะนั้นความปลอดภัยของน้องจึงต้องมาเป็นที่หนึ่ง"
"แค่ไปหาน้องที่บ้านค่ะ ไม่พาน้องออกไปไหนแน่นอน"
"อย่างนั้นก็ดีครับ นี่นามบัตรผมครับ จะไปหาน้องวันไหนก็โทรบอกผมได้"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"พวกผมไม่รบกวนเวลางานของคุณแล้วครับ"
"ค่ะ"