บทที่ 1 บทนำ
เธียรทรรศน์หนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกาผู้มีใบหน้าโดดเด่นสะดุดตาของสาวๆกำลังนั่งจิบไวน์ราคาแพงอยู่ที่โซนวีไอพีของผับดังใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยๆจากการทำงานจึงอยากออกมาพบปะเพื่อนฝูงบ้างก็เท่านั้น แต่สายตาของเขากับกำลังจับจ้องไปที่สาวเสริฟ์ตัวน้อยที่กำลังเดินเสริฟ์ทำให้กับผู้คนที่เข้ามาใช้บริการในผับหรูแห่งนี้
“นายมองอะไรเธียร”
“ก็ไม่มีอะไรนี่” ชายหนุ่มไม่อยากให้สาวน้อยที่เขากำลังหมายตาต้องตกไปอยู่ในสายตาของเพื่อนเขาด้วย
“นายสนใจสาวคนไหนขอแค่บอกมา ฉันเชื่อว่าสาวคนนั้นคงจะดีใจมากที่นายสนใจ” ภาณุรุจหรือรุจ เจ้าของฉายาเจ้าชู้ประตูดินบอกกับเพื่อนสนิทน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“หึ มันก็ไม่เสมอไปหรอก”
“อย่าถอมตนไปเลย ถ้ามีสาวคนไหนปฎิเสธนายฉันให้เลยหนึ่งแสน”
“เป็นลูกผู้ชายรู้ไหมว่าต้องพูดคำไหนคำนั้น”
“ฉันไม่กลับคำอยู่แล้ว”
“ดีล”
พิชชาหลังจากโดนรุ่นพี่สาวใช้ทำงานแทนเสร็จแล้วก็เตรียมเดินกลับเข้าหลังร้าน วันนี้มีลูกค้ามาใช้บริการมากเป็นพิเศษแต่เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน
“เรียบร้อยไหมจ้ะหนูพีช”
“เรียบร้อยค่ะพี่แคทวันนี้พีชได้ทิปด้วยนะคะ”
“พี่บอกแล้วว่าอยู่ข้างนอกได้เงินดี” ที่ได้เงินดีก็เพราะพนักงานเสริฟ์ต้องตกเป็นอาหารตาให้กับผู้คนมากมายน่ะสิ เธอจำใจแค่ไหนอีกฝ่ายก็รู้ดีแต่เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายร้องขอจึงช่วยเหลือ
“ไม่เอาไม่พูดเรื่องนี้แล้ว พีชขอตัวไปเปลี่ยนชุดแล้วจะเข้าไปทำอาหารต่อก่อน”
“ไปเถอะขอบใจมากนะจ๊ะ นี่ทิปของเธอจ้ะ”
“ทำไมให้เยอะจังละคะ”
“วันนี้พี่มีแขกน่ะ” แคทตอบกลับรุ่นน้องสาวสายตาแพรวพราว เมื่อรู้ว่าเงินที่ได้นั้นได้มาด้วยวิธีการไหนก็ทำให้เธอไม่อยากจะรับเงินจำนวนนี้เลย
“พีชขอไม่รับเอาไว้ดีกว่าค่ะ”
“เธอกำลังลำบากนะพีช พี่เป็นห่วงถึงได้ให้ไง อีกอย่างเงินนี่พี่ก็ไม่ได้ไปขโมยใครมา”
“แต่ว่าพี่...”
“แค่ออดอ้อนตาแกให้มากหน่อยก็ได้มาแล้ว ไม่มีอะไรมากกว่านั้น สบายใจหรือยังล่ะเรา”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม หลังจากผละห่างจากแคท ลูกพีชก็ตรงเข้าไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของพนักงานทันที เธียรทรรศน์ยืนรอหญิงสาวอยุ่ที่ด้านนอกด้วยความใจเย็น วันนี้แค่ได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของคนตัวน้อยก็พอใจแล้ว
“ว้าย! คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไงคะ ที่นี่เป็นพื้นที่ของพนักงาน คุณหลงทางใช่ไหมคะเดี๋ยวหนูพาไปส่งค่ะ” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเลยว่าหญิงสาวพูดอะไรออกมาบ้าง เพราะใบหน้าสวยบวกกับน้ำเสียงหวานๆทำให้สติของเขาล่องลอยไปไกล
“คุณคะ? ได้ยินที่หนูบอกไหมคะ” หญิงสาวถามออกไปเสียงดังเมื่อคนตัวโตยังไม่ยอมขยับไปไหน
“อะ เอ่อ...ใช่ หลงทาง”
“จริงๆด้วย เชิญทางนี้ค่ะ” ชายหนุ่มยอมเดินตามหญิงสาวออกไปยังโถงกว้างช้าๆ เมื่อมาถึงที่หมายหญิงสาวก็หันไปส่งยิ้มให้คนตัวโต
“ถึงแล้วค่ะ”
“ขอบใจมากนะ ชื่ออะไรล่ะเรา”
“เอ่อ...หนูชื่อลูกพีชค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ชื่อเพราะสมกับแก้มอมชมพูตรงหน้านี้มาก ชายหนุ่มได้แต่คิดละเมอในใจ
“ไม่ทำงานแล้วหรอ”
“งานของหนูอยู่หลังร้านค่ะ หนูมีหน้าที่ทำอาหาร สั่งมาได้นะคะรับรองว่าถูกปากทุกจานแน่นอน” หญิงสาวไม่วายโฆษณาชวนเชื่ออาหารฝีมือของเธอให้ลูกค้า เพราะเมื่อมีการสั่งอาหารเพิ่มขึ้นเธอก็จะได้รับส่วนแบ่งเพิ่มด้วย
“อืม” ชายหนุ่มตอบกลับได้เพียงสั้นๆ เพราะรอยยิ้มทรงเสน่ห์ของคนตรงหน้า
ชายหนุ่มเดินกลับมาหาเพื่อนสนิทใบหน้ายิ้มแย้ม อีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็โล่งใจเพราะคิดว่าตนเองไม่ต้องเสียเงินหนึ่งแสนไปแล้วแต่เขากับคิดผิด
“เป็นไงน้องเขาตอบตกลงใช่ไหม”
“ไม่ใช่”
“ได้ไง เห็นคุยกันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”
“น้องเขาไม่รับแล้วก็ขอตัวไปทำงานต่างหาก” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างเป็นต่อ
“นายขี้โกงหรือเปล่าเธียร”
“ก็แล้วแต่จะคิด ไหนว่าจะไม่คืนคำล่ะ”
“ก็ไม่ได้จะคืนคำ เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้เลขาโอนเงินให้เลย”
“ฮ่าๆ เยี่ยม วันนี้ฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจจากนั้นก็ขอตัวกลับก่อน
เพราะที่นี่มีอะไรถึงดูดใจ คืนต่อมาเธียรทรรศน์ก็มาปรากฏตัวที่ผับแห่งนี้อีกครั้ง ชายหนุ่มเฝ้ามองคนที่นึกถึงอยู่ตลอดเวลา ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงปล่อยใจไปกับหญิงสาวอย่างง่ายดายทั้งที่มีสาวสวยมากมายเข้าหาเขาอยู่ตลอด พิชชาโดนเรียกตัวออกมาจากครัวโดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรให้ลูกค้าไม่พอใจ เมื่อหญิงสาวปรากฏตัวก็ยกยิ้มที่มุมปาก ท่าทางนอบน้อมของเธอทำให้เขาอดที่จะจ้องมองเธอไม่วางตา
“ใครเป็นคนทำอาหารจานนี้” ลูกค้าสาวยืนกอดอกถามผู้มาใหม่เสียงเข้ม
“ดิฉันเองค่ะ”
“รสชาติไม่ได้เรื่อง”
“เป็นไปไม่ได้ค่ะเพราะดิฉันตั้งใจทำสุดฝีมือทุกจาน”
“งั้นแกก็ลองชิมสิ แล้วก็ดื่มน้ำแก้วนี้ด้วยขมแบบนี้ใครจะไปกินลง” หญิงสาวไม่ลังเลที่จะตักอาหารที่ตนเองทำเข้าปากเพราะเธอรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อรู้สึกเผ็ดก็ยกแก้วน้ำสีสวยที่วางข้างกันขึ้นดื่ม
“ก็ไม่มีอะไรนี่คะ อาหารรสชาติปกติดีทุกอย่าง เพียงแต่อาจจะเผ็ดไปหน่อยเท่านั้นเพราะในใบเมนูสั่งว่าขอเผ็ดๆ ดิฉันก็จัดมาให้ตามคำขอ” หญิงสาวอธิบายออกไปตามความเป็นจริง
“งั้นหรอ งั้นพวกฉันคงต่อมรับรสผิดไปเอง ไปได้แล้วฉันไม่อยากจะเห็นหน้าเธอแล้ว”
“ค่ะ” หญิงสาวยอมหมุนตัวเดินกลับออกมาอย่างงงๆ ดีแค่ไหนแล้วที่อีกฝ่ายไม่เอาเรื่องเธอต่อ ไม่งั้นเธอคงจะถูกไล่ออกจากงานอย่างไม่ยุติธรรมแน่ ทำงานที่นี่มาจะเข้าเดือนที่สี่แล้วเพิ่งเคยพบเจอเหตุการณ์ประหลาดอย่างเช่นวันนี้
“สำเร็จแล้วยัยแคนดี้” หญิงสาวหน้าตาดีกวักมือเรียกให้ผู้มาใหม่ที่ชื่อแคนดี้เดินเข้ามาหา
“ขอบใจมากนะ ฉันตามหาตัวมันมาตั้งนาน ที่แท้ก็อยู่แค่ปลายจมูกนี่เอง” แคนดี้ยกยิ้มมุมปาก รู้สึกพึงพอใจมากที่จะได้จัดการหญิงสาวให้พ้นทางของเธอ
“เราเป็นเพื่อนกันช่วยๆ กันถึงจะถูก” คนเป็นเพื่อนตอบกลับอย่างเอาอกเอาใจ
“รอดูคืนนี้ได้เลยฉันจะทำให้แกจมดินอายคนไปทั้งประเทศ” แคนดี้บอกออกไปน้ำเสียงจริงจัง หล่อนเกลียดพิชชามากเพราะอีกฝ่ายมักจะทำอะไรได้ดีกว่าหล่อนเสมอ แล้วอีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้หล่อนก็ทำตามคำสั่งของมารดา
พิชชาหลังจากที่เลิกงานแล้วก็เตรียมตัวกลับห้องเช่าที่เธอเช่าเอาไว้ไม่ไกลจากที่ทำงาน ระหว่างทางที่กำลังเดินกลับนั้น จู่ๆ เธอก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมาดื้อๆ ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลาง เธอพยายามตั้งสติอย่างหนัก
“จะไปไหนจ๊ะน้องสาว ให้พวกพี่ไปส่งดีไหม” ชายปริศนาเอ่ยถามน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ เธอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาคงไม่มีใครมาช่วยเธอได้ทันเวลา
“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูกลับเองได้”
“เดินยังเซแล้วจะกลับเองได้ยังไงล่ะ ไปกับพี่น่ะดีแล้ว”
“บอกว่าไม่ไงคะ ช่วยหลบไปด้วยค่ะ” หญิงสาวพยายามเบี่ยงตัวจนตัวเองเซเกือบจะล้มลงไปบนพื้น
“หึ ขนาดนี้แล้วยังจะกล้าทำปากเก่งอีกนะ เดี๋ยวมาเป็นเมียพี่แล้วจะปากเก่งไม่ออก”
“ไม่นะ พวกแกถอยไปดี๋ยวนี้” หญิงสาวล้มลงกับพื้น คนร้ายพยายามจะเข้ามาอุ้มหญิงสาวขึ้นแต่เธอพยายามดิ้นและปัดป้องสุดกำลัง เสียงแตรรถทำให้พวกคนร้ายหันกลับไปมองด้านหลัง แสงไฟหน้ารถเจิดจ้าจนต้องยกมือขึ้นมาป้องดูว่าเป็นใครที่กล้ามารบกวน แล้วพวกมันก็พบว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเล็งกระบอกปืนมา
“ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้ อยากไปเป็นผีเฝ้าป่าช้าหรือไง”
“ลูกพี่พวกมันมีปืน”
“มีปืนก็เผ่นสิว่ะ ก็ไหนอีคุณนายบอกว่านังผู้หญิงคนนี้มันไม่มีใครมาช่วยไง” คนร้ายวิ่งหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศคนละทาง ทำให้เวลานี้หญิงสาวรู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้เธอรอดพ้นจากเหตุการณ์ร้ายๆ
“ขะ ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะลูกพีช”
“คุณรู้จักชื่อหนูด้วยหรอคะ” หญิงสาวปรือตาขึ้นมองพยายามจับจ้องใบหน้าของคนที่มาช่วยเหลือ
“รู้จักสิ ไม่ต้องกลัวนะ” เธียรทรรศน์ช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาอุ้มแล้วพาเข้าไปนั่งที่เบาะหลังด้วยกัน
“เอาไงต่อดีครับคุณเธียร”
“ขับรถออกไปจากตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน” ชายหนุ่มบอกออกไปน้ำเสียงราบเรียบ ในใจเป็นห่วงคนตัวน้อยมากที่โดนพวกเด็กเกเรรุมรังแก
“หนูร้อนจังเลยค่ะ”
“เดี๋ยวพี่จะพาไปพักนะ” คนขับรู้หน้าที่ขับตรงไปยังคอนโดของผู้เป็นเจ้านายทันที
“ขอบใจนายมากฉันไม่มีอะไรให้ช่วยแล้ว วันนี้เลิกงานได้”
“ครับคุณเธียร” เธียรทรรศน์จ้องมองคนที่กำลังดีดดิ้นไปมาด้วยสายตาสับสนว่าเขาจะทำอย่างไรกับเธอดี เขารู้ดีว่าอาการแบบนี้คืออาการของหญิงสาวที่ถูกมอมยาให้เสียสาว เขาควรจะเดินหน้าต่อหรือทำเป็นคนดีปล่อยให้หญิงสาวทรมานต่อไปสักพักจนทุกอย่างดีขึ้น
“ร้อนค่ะ พีชร้อนมากเลยใครก็ได้ปรับแอร์ให้พีชที”
“ปรับให้เย็นกว่านี้เกรงว่าหนูจะเป็นปอดบวมได้นะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยความเอ็นดู เวลานี้หญิงสาวเหมือนเด็กน้อยที่แสนจะเอาแต่ใจให้ได้
“แต่ว่าพีชร้อนนี่คะ คุณมีวิธีช่วยพีชไหม”
“มีสิ” ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปกระซิบน้ำเสียงแหบพร่า หญิงสาวอดรนทนไม่ไหวคว้าคอแกร่งของเขาเอาไว้แน่น
“รู้ใช่ไหมว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ชายหนุ่มถามออกไปน้ำเสียงจริงจัง สาวสวยพยักหน้าหงึกๆเป็นคำตอบ แม้เธอจะไม่มีประสบการณ์เรื่องแบบนี้ แต่เธอก็เคยศึกษามาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร ชายหนุ่มเมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็ไม่รอช้าก้มลงไปมอบจูบแสนเอาแต่ใจทันที ไม่คิดเลยว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอจะก้าวกระโดดถึงเพียงนี้ แต่อย่างน้อยการที่เป็นเขาก็ยังดีกว่าเป็นพวกคนร้าย เขากำลังตามสืบว่าเหตุการณ์ต่างๆ ในวันนี้มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่ามีใครตั้งใจให้มันเกิดขึ้น