ภาคินรู้สึกถึงความอบอุ่นของลลนาที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เดรสแดงของเธอทำให้เขาสัมผัสถึงความเซ็กซี่ที่เกินวัย เธอซบลงกับอกกว้างของเขา ในขณะที่ภาคินเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน เขารู้สึกถึงความหนักหน่วงของความรู้สึกที่ต้องควบคุม
เมื่อเขาถึงห้องนอน เขาพาเธอเข้ามาในห้องและวางเธอลงบนเตียงกว้างอย่างนุ่มนวล เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะมองเห็นเดรสแดงที่เผยให้เห็นส่วนโค้งของร่างกายเธออย่างชัดเจน ขณะที่เธอเริ่มหลับตาลง ภาคินนั่งลงข้างเตียงและมองดูเธอด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความห่วงใยและความอดกลั้น
“นอนพักเถอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “ลุงจะอยู่ใกล้ๆ ถ้าต้องการอะไรเรียกได้เสมอ”
เขานั่งอยู่ข้างเตียงด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ภาคินยืนอยู่ตรงหน้าลลนาที่นอนหลับบนเตียงด้วยท่าทางที่อ่อนโยนและน่าเป็นห่วงในขณะเดียวกัน เขาต้องการที่จะเป็นผู้ปกครองที่ดีให้กับสาวน้อยวัยสิบหกที่ก๋ากั่นและดูเหมือนจะมีความเป็นผู้ใหญ่เกินวัยขนาดนี้ แต่เขารู้ดีว่านี่คือบททดสอบที่ใหญ่หลวงสำหรับเขา
ลลนาในวัยสิบหกปีมีบุคลิกที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและแรงดึงดูดที่เป็นอันตรายต่อผู้ใหญ่รอบตัวเธอ รวมถึงภาคินด้วย เขารู้ดีว่าการจัดการกับเธอไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความดื้อรั้นและความเป็นสาวก๋ากั่นของเธอสามารถทำให้เขาสับสนและต้องทำงานหนักในการควบคุมความรู้สึกของตัวเอง
ภาคินคิดถึงการต้องรับผิดชอบต่อการที่เธอเข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของเขา เขามีความรู้สึกว่าต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ลลนาได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงความท้าทายที่ต้องจัดการกับพฤติกรรมที่ดึงดูดและมีเสน่ห์ของเธอ แต่เขายังคงมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด
เขาต้องพยายามสร้างระเบียบและขอบเขตให้กับลลนา เพื่อให้เธอรู้สึกถึงความปลอดภัยและได้รับการดูแลที่ดี แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่เสียการควบคุมของตัวเองไป
ภาคินตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการที่เคร่งครัดและเป็นธรรมในการจัดการกับสถานการณ์นี้ เขาจะต้องพยายามให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่เปิดเผยและซื่อสัตย์กับลลนา เพื่อให้เธอเข้าใจถึงความจำเป็นในการตั้งขอบเขตและการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม
เขาหวังว่าด้วยความอดทนและความเข้าใจ เขาจะสามารถช่วยลลนาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบและรู้จักการควบคุมตัวเองได้อย่างดี
................................................................................
ในห้องทำงานกว้างขวางของบริษัทที่มีหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติเต็มที่ ภาคินนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานที่ตกแต่งอย่างหรูหรา จมอยู่กับเอกสารกองโต เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาเงยหน้ามองก่อนจะเห็นเพื่อนสนิทอีกคนเดินเข้ามาในห้อง
"เป็นยังไงบ้างครับคุณลุง?"
เคนเพื่อนของภาคินแซวเข้ามาด้วยรอยยิ้มบางๆ
"ต้องมาเป็นผู้ปกครองให้เด็กสาววัยสิบหก คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหม?"
ภาคินถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอนตัวพิงเก้าอี้และกอดอกด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
“บอกตามตรง มันไม่ง่ายเลย” เขาพูดเสียงขรึม
“ลลนาเป็นเด็กที่ไม่เหมือนใคร...ทั้งมั่นใจ ทั้งก๋ากั่น และบางครั้งก็ดื้อรั้นเกินกว่าจะควบคุมได้”
เคนหัวเราะเบาๆ ขณะเดินเข้ามาใกล้
“ก็แน่ล่ะ เธอเป็นวัยรุ่นนี่นา แถมยังโตมาในสังคมที่เปิดกว้างแบบฝรั่งอีก เธอคงไม่คุ้นชินกับการถูกควบคุมหรือมีขอบเขตอย่างที่เธอพยายามตั้งไว้”
“ใช่ แต่ปัญหาคือ...เธอยังเด็กมาก”
ภาคินกล่าวพลางพยักหน้าเบาๆ
“ฉันต้องระมัดระวังทุกอย่างที่ทำ เพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าผมเป็นแค่คนควบคุมเธอ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ต้องให้ความมั่นใจว่าเธอปลอดภัยและได้รับการดูแลที่ดี”
เพื่อนของเขานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“นั่นล่ะสิ่งที่ยากที่สุด การหาสมดุลระหว่างการเป็นผู้ปกครองที่ดีและการเป็นคนที่เธอไว้ใจ นายอาจต้องใช้ความอดทนมากหน่อย ”
“หวังว่าฉันจะทำได้”
ภาคินตอบเสียงหนักแน่น แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับความรับผิดชอบครั้งใหญ่ที่เขาต้องแบกรับ
"สวัสดีค่าาาา หนุ่มๆ!"
สาวิตรีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส พลางเดินนวยนาถเข้ามาในห้องทำงานกว้าง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มและความมั่นใจ เธอเป็นสาวไฮโซที่เคยเข้ามาติดพันภาคินมานาน แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขายังไม่เคยลงรอยกันอย่างที่เธอหวัง
เคนหันไปทางประตูเมื่อเห็นสาวิตรีเข้ามา เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย กระซิบแซวภาคินเบาๆ
"หรือว่านายจะหาคุณป้าให้หลานสาวคนใหม่ดีวะเพื่อน?" เขาพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น สายตายังจับจ้องไปที่ภาคินอย่างสนุกสนาน
ภาคินเหลือบมองสาวิตรีที่กำลังเดินตรงเข้ามา แล้วก็หันไปสบตากับเคน พลางยิ้มบางๆ
"ขอบใจมากสำหรับความหวังดีของนายเคน แต่ฉันว่าเป็นนายมากกว่านะที่ต้องการใครสักคนตอนนี้"
สาวิตรีที่ได้ยินเสียงพูดคุย ก็รีบเสริมขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น
"คุยอะไรกันอยู่คะหนุ่มๆ? มีอะไรที่ดิฉันพอจะช่วยได้ไหม?"
เธอเอ่ยพลางยิ้มหวานให้ภาคิน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ กับเขา
……………………………………………………………….
ลลนาในวัยสิบหกที่มีบุคลิกก๋ากั่นและมั่นใจตามแบบเด็กอินเตอร์ทั่วไป มักจะเลือกใส่เสื้อผ้าสบายๆ ตามใจตัวเองอยู่เสมอ เมื่ออยู่ที่บ้าน เธอจะชอบใส่กางเกงขาสั้นที่สั้นเกินไป จนเผยให้เห็นเรียวขาที่เนียนขาว และเสื้อรัดรูปตัวเล็กที่พอดีตัวเน้นรูปร่าง ทำให้ทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน ภาคินต้องเผลอสังเกตด้วยความไม่ตั้งใจ เขารู้ดีว่าสไตล์การแต่งตัวของเธอเป็นเรื่องปกติในสังคมที่เธอเติบโตมา แต่สำหรับเขาแล้ว มันทำให้เขาต้องพยายามควบคุมตัวเองอย่างมากขึ้นทุกวัน
อาหารค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาภาคินนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารใหญ่กลางห้อง โคมไฟสว่างไสวแต่บรรยากาศกลับเงียบเชียบ รอให้คนรับใช้ไปตามลลนามาทานอาหารด้วยกัน ไม่กี่อึดใจหลังจากที่ได้รับแจ้ง ลลนาก็วิ่งลงบันไดมาและเมื่อเสียงฝีเท้าดังขึ้นบนบันได เขาก็เงยหน้าขึ้นมองทันที
ลลนาเดินลงมาด้วยชุดเสื้อสายเดี่ยวรัดรูปสีดำและกางเกงขาสั้นที่แทบจะปกปิดอะไรไม่ได้ ผิวขาวเนียนตัดกับเนื้อผ้าที่แนบเนื้อ เธอรู้ดีว่าเสื้อผ้าชิ้นนี้ทำให้เขาต้องหันมามองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ภาคินยังคงพยายามรักษาสีหน้าขรึมและคุมอารมณ์ไม่ให้แสดงออก แม้จะรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่เห็นเธอในสภาพเช่นนี้
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่ใกล้กับเขามากที่สุด ขาเรียวยาวของเธอขยับเบาๆ ทำให้ชายกางเกงยิ่งเลิกขึ้นจนเกือบถึงโคนขา ภาคินพยายามไม่มอง แต่ความเซ็กซี่ที่เย้ายวนก็ทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
"น้อย ตักข้าวเถอะ" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะคงความปกติ น้อย สาวใช้คนสนิทรีบเดินเข้ามาตักอาหารใส่จานให้ทั้งคู่ แต่บรรยากาศที่ร้อนระอุอยู่ระหว่างเขากับลลนานั้นยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ลลนาหยิบส้อมขึ้นมา ทานอาหารไปพลาง ส่งสายตาลึกลับไปยังภาคินเป็นระยะ เธอรู้ว่าเขาพยายามควบคุมตัวเองอยู่ แต่เธอก็อยากจะทดสอบความอดทนของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ความเงียบที่แผ่ซ่านอยู่รอบตัวนั้นไม่ได้ลดความเร้าใจลงแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันกลับทำให้ทุกอย่างดูเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
“ลุงว่าเราควรไปเรียนต่อต่างประเทศ”
ภาคินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น สายตาเขามองตรงไปยังลลนาที่นั่งอยู่
“ลุงดูที่เรียนให้แล้ว พร้อมเมื่อไหร่ไปได้เลย”
ลลนาชะงัก หยุดช้อนที่กำลังตักอาหารไว้กลางอากาศ ก่อนจะวางมันลงเบาๆ เธอมองภาคินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและตกใจ ราวกับไม่ได้คาดคิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของเขา
“คุณลุงคะ...”
เธอพยายามจะเอ่ยอะไรสักอย่าง แต่กลับไม่สามารถหาคำพูดได้ ลลนารู้สึกถึงบางอย่างที่หนักอึ้งทับอยู่ในอก ความหมายของคำพูดนั้นชัดเจนว่าเขาต้องการให้เธอไปไกลจากที่นี่ ไกลจากเขา
แต่ภาคินไม่ละสายตาจากเธอ ใบหน้าของเขายังคงเคร่งขรึมและนิ่งเฉย ราวกับกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง
“หนูไม่ไปค่ะ ยังไงก็ไม่ไป!”
ลลนาโพล่งออกมาอย่างขัดใจ ขณะที่เธอวางช้อนบนโต๊ะอาหารด้วยแรงที่ทำให้เกิดเสียงดัง “ปึง!” ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว
เธอเดินหนีไปทางบันไดอย่างไม่สนใจ ภาคินเห็นเพียงแค่หลังของเธอที่หายไป พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นจนเกือบจะเป็นเสียงตะโกน เมื่อเธอวิ่งขึ้นไปยังห้องของตัวเองและปิดประตูด้วยเสียงดัง “ปัง!”
ภาคินนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยท่าทีที่เรียบเฉย แต่ความผิดหวังและความเครียดที่ทับถมอยู่ในใจเขาไม่สามารถปกปิดได้ เขาหยิบขวดไวน์ขึ้นมา ริน ใส่แก้วของตัวเอง ในขณะที่มองไปที่บันไดอย่างรู้สึกสับสนและเหนื่อยใจ
เขาพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่ออนาคตที่ดีของลลนา แต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจของเขาจะไม่เป็นที่ยอมรับจากเธอเลยแม้แต่น้อย ภาคินถอนหายใจยาวและเงียบงันไปในความคิดของเขา เผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า การพยายามควบคุมสิ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ที่จุดที่ไม่มีทางออก