“อึ๊ยยยยย... จะหยุดเดินก็ไม่บอก”
บ่นงุบ แต่เมื่อเห็นดวงตาขุ่นๆ ของภาพตะวัน หล่อนก็ยิ้มแหย เขาจะฆ่าหล่อนไหม แต่เมื่อกี้ยังจูบอยู่เลยนะ ไม่สิ... ยังไม่ได้จูบ หล่อนแค่เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะถูกเขาจูบ
“ทำหน้าตาแบบนี้ทำไม คิดว่าจะถูกจูบเหรอ”
“จะ... จะบ้าหรือไง”
“ก็เห็นทำหน้าเคลิ้มเชิญชวนซะขนาดนั้น”
“แล้วไง แล้วหยุดเดินทำไมเนี่ย”
“แหม... พูดไทยชัดแจ๋วเลยนะ ทีคุณ-แก ดันใช้ไม่ถูก”
ฮันวอลหลับตากัดปาก บอกตัวเองว่าไม่ให้แสดงอาการเขินกับใบหน้าหล่อๆ ล้อเลียนนี้ แววตาที่มองเขาอีกครั้งเลยกลายเป็นโกรธไปซะ
“แล้วสรุปหยุดเดินทำไม”
“จะบอกว่า พอไปถึงบ้านฉัน อย่าได้วาดฝันว่าจะเป็นคุณนาย ที่บ้านไม่มีพี่เลี้ยงคอยดูแลเธอหรอกนะ อาหารการกิน หากินเองได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนคนอื่น และที่สำคัญ ห้ามเธอไปห้างฯ ฉันเด็ดขาด จำเอาไว้ อ้อ... แล้วห้ามประจบพ่อฉันด้วย”
“คิดว่าห้ามได้เหรอ”
“นี่เธอ!”
“โดยเฉพาะห้ามไปห้างฯ เนี่ย เกินไปหน่อยไหม มีว่าที่คู่หมั้นเป็นเจ้าของห้างฯ ทั้งที มันก็ต้องไปช้อปกันหน่อยเปล่าคะ ไปตอนนี้เลยดีไหม แต่... ว้า... ห้างฯ ปิดแล้ว เดี๋ยวไปพรุ่งนี้ดีกว่า ชวนคุณลุงไปด้วย จะได้มีคนจ่ายเงินให้”
“นี่เธอ! เธอ! ฮันวอล!”
ภาพตะวันตะโกนเรียกเจ้าของร่างเล็กๆ ที่เดินยักย้ายส่ายไหล่ยั่วโมโหเขาอยู่ด้านหน้า หล่อนไม่ได้สนใจเสียงเรียกของเขาเลย จนเรียกชื่อ หล่อนก็ไม่หัน แถมยังเดินตัวปลิวปล่อยให้เขาลากกระเป๋าอีกหลายใบ
“ฝากไว้ก่อนเถอะยายกิมจิ จะไม่ยอมให้เธอมาปอกลอกพ่อฉันแน่ พวก 18 มงกุฎ”
ระหว่างทางที่ภาพตะวันขับรถออกจากสนามบิน ฮันวอลนั่งนิ่งมาตลอดทางทั้งที่ตอนแรกกะจะป่วนเขาอีกรอบเพื่อหาทางใกล้ชิดให้มาก เพราะหล่อนไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับภาพตะวันเลย แต่เมื่อทบทวนภาพที่วาบเข้ามาในสมองช่วงจังหวะที่กระชับฝ่ามือที่ต้นแขนเขา นั่นก็ทำให้หล่อนอึ้งไม่กล้าพูดอะไรออกไป เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเป็นชนวนเหตุให้เขาทำแบบนั้นกับหล่อน
ภาพตะวันจูบหล่อน จูบแบบไม่มีอะไรมากั้น ครั้งแรกแค่เห็นเขาบดจูบลงมา แต่ครั้งที่ 2 เป็นจูบดูดดื่ม และถ้าหล่อนสัมผัสเขาครั้งที่ 3 ล่ะ หล่อนจะเห็นเหตุการณ์ต่อจากนั้นไหม ถามตัวเองและได้คำตอบว่า... ไม่กล้าแตะต้องเขา เพราะสิ่งที่เห็นมากกว่าจูบนั่นคือ ชุดที่หล่อนกับเขาสวมใส่ดันเป็นชุดที่ใส่อยู่ตอนนี้
ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนวูบวาบที่ใบหน้าจนอยากจะตีอกชกตัวตนเองนัก เพราะตอนที่ตัดสินใจบินจากเกาหลีมาไทย หล่อนแค่คิดว่าจะมาช่วย แม้หล่อนจะไม่รู้จักเขา แต่ภาพที่เขาถูกยิงเลือดอาบในอ้อมแขนก็บ่งบอกถึงความผูกพันที่มีให้กัน
แต่เมื่อแม่บอกว่าเขาคือภาพตะวัน ลูกชายของคุณลุงชัยสิทธิ์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อที่เมืองไทย และพ่อกับลุงชัยสิทธิ์เคยสัญญากันว่าจะให้ลูกชายกับลูกสาวแต่งงานกัน นั่นจึงถือว่าเขากับหล่อนเป็นว่าที่คู่หมั้นกันไปโดยปริยาย และถ้าพ่อยังอยู่คงได้หมั้นหมายกันไปเรียบร้อยแล้ว
และตอนนี้ก็แค่รอให้แม่เดินทางมาถึงไทยในสัปดาห์หน้า งานหมั้นจึงจะเกิดขึ้นจริงจัง เพราะต้องให้ปู่กับย่าและญาติทางไทยรับรู้ด้วย
สิ่งที่แม่บอกหล่อนก็แค่รับรู้ ไม่ได้คิดอะไรยาวไกลมากกว่าต้องการช่วยเขา เพราะความรู้สึกในฝันแม้ใจจะเต้นรัวแต่ก็ไม่รุนแรงเท่าเห็นกันตัวเป็นๆ และไม่พลุ่งพล่านเท่าสัมผัสเนื้อตัว และไม่วูบวาบสลับร้อนสลับหนาวเท่าเห็นว่าถูกเขาจูบแบบดูดดื่ม
แต่ทางแก้ที่แม่บอกก็คือ ‘ทำทุกอย่างให้สิ่งที่เห็นเป็นตรงกันข้าม’ รวมทั้งรายละเอียดยิบย่อยที่หล่อนจำเป็นต้องไปอยู่ที่บ้านเขา เพื่อให้ภาพนิมิตและฝันนิมิตไม่เกิดขึ้นจริงหรือบรรเทาเบาบาง
นั่นเท่ากับว่าหล่อนจะต้องทำให้เขาไม่จูบหล่อน แต่... ก็อยากลองนี่นา
นั่นล่ะถึงได้อยากตีอกชกตัวตนเองนัก แต่หล่อนจะปล่อยให้ความต้องการฝ่ายต่ำมีชัยเหนือความต้องการฝ่ายดีไม่ได้ ในเมื่อหล่อนตั้งใจมาช่วยเขาแล้ว ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด และมันจะต้องเริ่มต้นจากการไม่ยินยอมให้เขาจูบ
“เป็นอะไร นั่งนิ่งตลอดทาง นี่เธอคิดว่าฉันเป็นคนขับรถของเธอหรือไง”
เสียงคนขับที่เอ่ยทำลายความเงียบทำให้ฮันวอลถอนหายใจดังเฮือก
“มีหน้าที่ขับรถก็ขับไปเถอะ จะมาชวนคุยทำไม มืดแล้วมองทางก็ไม่ชัด” ตอบเสียงเนือยๆ แบบไม่อยากพูดด้วยเพราะหล่อนต้องใช้ความคิด
คิด คิด คิด คิดว่าจะต้องทำยังไงให้เขาไม่จูบหล่อน ในเมื่อใกล้จะถึงเวลาแล้ว ภาพที่เห็นคือเขากับหล่อนยืนอยู่ที่หน้าบ้านหรือไม่ก็อาจจะเป็นโรงจอดรถ แน่ใจว่าคือที่บ้านเขาแน่ หล่อนก็ต้องหาทางเลี่ยงให้ได้
“ฉันมองทางชัด”
“คนแก่ปกติก็จะตาฝ้าฟางไม่ใช่เหรอ”
“เธอว่าฉันแก่?”
“ก็แก่กว่าฮันวอลก็แล้วกัน หน้าตาก็... 30 กว่าแล้วไม่ใช่เหรอ”
“จะบ้าหรือไง ฉันยังไม่ 30 เลย”
“อ้าว... ใครจะรู้ล่ะ เห็นทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก็คิดว่าแก่สิ”
“เงียบต่อไปนะ ไม่ต้องพูดอะไรออกมาก็ดีแล้ว”
ฮันวอลมองบนเบะปากเล็กๆ เขาด่าหล่อนทางอ้อมว่าหล่อนปากไม่ดีน่ะสิ แต่ก็ดีแล้ว ให้เขาโมโห เรื่องจูบจะได้ไม่เกิด