PLAYBOY 10

1548 Words
“มึงบ้าป่าววะทอย ...ไหนว่าของเล่นไง ทำไมเสือกให้ย้ายมาอยู่กับมึงล่ะวะ” ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ที่ร้านของตัวเองอย่างทุกที ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาสามวันละที่เมอร์ลินย้ายมาอยู่ที่คอนโดผม ซึ่งเธอแม่งแทบจะไม่สนใจผมเลยด้วยซ้ำ มีแต่ผมเนี่ยแหละที่พยายามเข้าเธอตลอด ...งงเหมือนกันว่ะ “แหม ..ทอยก็คงอยากจะสนุกมั้งคะ ไม่เห็นยากเลยดิน” พิมเหมือนจะพยายามข่มอารมณ์ไว้ตลอดเวลาตอนที่เราคุยกันเรื่องของเมอร์ลิน แต่พวกผมรอบคอบพอที่จะไม่พูดชื่อของเธอออกมา ....ตอนนี้คนที่รู้เรื่องพวกนี้ก็มีเพิ่มมาอีกคนนึงแล้ว แต่ให้รู้มากก็ไม่ดีหรอก “งั้นหรอวะ? ไม่ใช่เสือกไปหลงรักเหยื่อนะมึง ฮ่าๆ ..โอ๊ย สัส เจ็บนะเว้ย” ผมยกเท้าถีบไอ้แผ่นดินไปทีนึงจนมันเกือบหงายหลังตกเก้าอี้ พิมก็เอาแต่เกาะแขนผมอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ...น่ารำคาญว่ะ “พูดเหมือนไม่รู้จักกู ...กูเคยจริงจังกับใครที่ไหนอ่ะ ความรักแม่งไร้สาระ” ผมกระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่มก่อนจะลากพิมเข้าไปในห้องนอนแล้วผลักลงที่นอน ก่อนจะเริ่มกิจกรรมสวาทขึ้นมาอย่างทุกครั้ง แต่วันนี้มันแปลกไป ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยจะมีอารมณ์เลยวะ “ลุกไปเถอะ ...ฉันไม่มีอารมณ์” ผมดันตัวพิมให้ลุกจากตักก่อนจะผลักเธอลงไปข้างเตียง “ดะ เดี๋ยวสิคะ พิมทำให้คุณพอใจได้นะ มะ เหมือนทุกทีไง” พิมพยายามจะเข้ามาเล้าโลมผมเลยออกแรงผลักไปแรงๆจนเธอหล่นไปกองที่พื้น ตุบ! “โอ๊ย!! ทอยเป็นบ้าอะไรไปเนี่ย!!” ผมหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่แล้วเดินออกจากห้องไปทันทีโดยไม่ได้อยู่รอพิมเหมือนทุกที ก่อนจะขับรถตรงกลับคอนโดตั้งแต่ยังไม่สี่ทุ่ม “บ้านเงียบจังวะ ยัยตัวแสบไปไหน” พอเดินเข้ามาก้ต้องแปลกใจเพราะบ้านมันเงียบผิดปกติ แถมยังไม่รู้ด้วยว่าเมอร์ลินหายไปไหน ปกติจะต้องมีไฟเปิดไว้ซักดวงแต่นี่คือไม่มีเลย “ย่าห์!!! ไอ้หัวขโมยยยย” “เห้ย!! เธอเป็นบ้าอะไรวะ” ผมเบี่ยงตัวหลบไม้ที่เมอร์ฟาดลงมาก่อนจะกอดรั้งเอวบางไว้จากทางด้านหลังแล้วหอมแก้มขาวๆนั่นอย่างไม่รู้ตัว “ฉันก็นึกว่าเป็นขโมยน่ะสิ ...ปล่อยฉันนะแล้วก็เลิกหอมแก้มฉันได้แล้ว” ผมรั้งเมอร์ลินให้ลงมานั่งตักที่โซฟาก่อนจะกอดเอวไว้อย่างหลงไหล ...เดี๋ยวนะ หลงไหล? กูว่าไม่ใช่แล้วนะไอ้ห่าทอยย -_- “ฉันหิว” “กับข้าวอยู่ที่โต๊ะไง! ปล่อยนะจะทำบ้าอะไรเนี่ย” ผมดันตัวเมอร์ให้ลงไปนอนที่โซฟาแล้วคร่อมตัวเธอไว้ เมอร์ตาโตแล้วรีบดันตัวผมให้ลุกขึ้น “ข้าวอ่ะกินมาแล้ว ...แต่ที่หิวเนี่ย หิวเธอ” “ไอ้บ้า!!! อย่าถอดออกไปนะ ...เมาก็ไปนอนซิ ว้าย!!” TOY OFF เขาเป็นบ้าอะไรของเขาเนี่ย!! พอมาถึงก็มาทำทะลึ่งใส่ ฉันทั้งผลัก ทั้งดันเขาก็ไม่ยอมลุกออกไปอีก “อื้มมม ...อื้อ!!” ทอยประกบปากจูบแล้วแทรกลิ้นร้อนเข้ามาหวานเอาความหวานไป สมองฉันขาวโพลนไปหมดคิดอะไรไม่ออกเลย “แฮ่กๆ หวานโคตร ขอกินได้มั้ยครับ” ร่างสูงถอนริมฝีปากออกแล้วจ้องตาฉันอย่างสื่อความหมาย มือหนาก็เลื้อยทุกตารางนิ้วบนตัวฉันจนแทบจะลุกเป็นไฟจากสัมผัสของเขา แต่ว่า.... พรึ่บ! “ไม่! เมาก็ไปนอน ขืนมาทำรุ่มร่ามกับฉันอีกนะ ฉันตีนายหัวแตกแน่” ฉันดันเขาให้หล่นไปข้างโซฟาก่อนจะเขยิบมายืนอีกทาง แล้วหยิบเสื้อคลุมที่เขาโยนทิ้งไปมาสวมไว้เหมือนเดิม ในมือก็ถือไม้เบสบอลขู่เขาไปด้วย “ผลักลงมาได้ มันเจ็บนะ ...รอก่อนเถอะเดี๋ยวพ่อจะขย่มให้เตียงหักเลย!” ทอยทำท่าจะวิ่งเข้าใส่ฉันเลยวิ่งหนีเข้าห้องก่อนจะล็อคมันไว้แล้วเลื่อนโต๊ะตัวใหญ่มาดันประตูไว้อีกที “คนบ้า โรคจิต” ฉันได้ยินเสียงเขาหัวเราะอย่างชอบใจกับการกระทำของฉัน ฉันเลยทิ้งตัวนอนลงที่เตียงก่อนจะเริ่มทำรายงานที่ค้างไว้อยู่เพื่อส่งอาจารย์ในวันพรุ่งนี้ “ฮ้าววว ง่วงจังเลย ...” ของีบสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง กริ๊งงงง “เฮือก! ตายแล้วว สิบโมง รายงานๆๆ ....เอ๊ะ! ทำไมมันเสร็จหมดแล้วล่ะ เมื่อคืนยังทำค้างถึงตรงนี้อยู่เลยนี่นา หรือว่า!!!” ฉันมองหาทางเข้าอื่นนอกจากประตูด้านหน้าก็เจอจริงๆ บ้าเอ้ย! มันคือประตูเล็กๆที่เชื่อมกับห้องนอนของทอย!! “คนบ้า! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ”ห้องนี้หนาวเป็นบ้า ร่างสูงนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงแถมเสื้อก็ไม่ใส่ มีแค่กางเกงนอนตัวเดียวที่เขาสวมอยู่ ฉันเดินไปเขย่าไอ้คนลามกนี่จนเขางัวเงียลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอามือเสยผมอย่างลวกๆ “อืม ...มาปลุกทำไมเนี่ย ยังสิบโมงอยู่เลย” เขาทำท่าจะลงไปนอนต่อแต่ฉันดึงแขนฉันไว้ให้อยู่คุยกันก่อน มันไม่แฟร์เลยสักนิด! ที่เขาทำแบบนี้ “เมื่อคืนนายเข้ามาที่ห้องฉันทำไมทอย ...มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของเรานะ นายไม่มีสิทธิ์” “ก็ฉันเห็นว่าเธองีบหลับไปนี่หว่า แล้วการบ้านก็ยังทำไม่เสร็จ ...แค่ขอบคุณมันจะตายป่ะวะ” เขาสะบัดหัวไล่ความง่วงก่อนจะลุกขึ้นมายืนตรงหน้าของฉัน “มะ มันก็ใช่แต่นายควรจะต้องขอฉันก่อนมั้ยอ่ะ” ทอยเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเปิดเลือกชุดฉันก็เดินไปพูดกับเขาและพยายามอธิบาย “ก็ถ้าขอแล้วเธอจะให้เข้ามั้ย? ก็ไม่ แล้วฉันจะขอทำไม” เขาเดินเลี่ยงไปอีกทางก่อนจะโยนเสื้อผ้ามาคลุมหัวฉันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป “มันคือมารยาทเข้าใจมั้ย ตาบ้า!!!!” ฉันปาเสื้อผ้าเขาลงบนเตียงก่อนจะดินกลับห้องไปด้วยความโมโห คนบ้าอะไรพูดมาได้ นิสัยแย่ชะมัด!!! “เมอร์เป็นไรป่าววะ ดูหัวร้อนแปลกๆ” เรื่องที่ฉันย้ายไปอยู่กับทอยมีแค่เซียมซีคนเดียวที่รู้เพราะฉันไม่อยากให้เจ๊สวยเป็นห่วงเลยเลือกที่จะไม่บอกดีกว่า “ก็แกคิดดูนะว่า .......” ฉันเล่าทุกอย่างให้มันฟังก่อนจะมานั่งหัวร้อนอีกครั้งเพราะต้องคิดถึงเรื่องเมื่อคืน “แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรแก? ก็ยังดีนะเว้ย” ฉันหันไปมองมันด้วยสายตาหงุดหงิดอีกรอบก่อนจะบ่นๆๆไม่หยุดจนมันหัวเราะออกมาอย่างดังเลย “แกขำอะไรอ่ะซี ฉันไม่ขำนะเว้ย” “ขำแกไง ไม่เคยมีใครทำให้แกเป็นแบบนี้ได้เลยนะเว้ย เขาคนแรกเลยมั้ง” แล้วมันก็ยังไม่หยุดขำจนฉันต้องขู่มันว่าถ้าไม่หยุดขำฉันจะโกรธจริงๆแล้ว มันถึงยอมหยุดขำเนี่ย “แหม หัวเราะดังขนาดนี้ไม่ค่อยมีมารยาทเลยเนอะ เพื่อนกำลังตั้งใจทำงานอยู่ไม่เห็นเหรอ หรือคิดว่าตัวเองดังแล้วเลยทำอะไรก็ได้” เสียงกระแนะกระแหนดังมาจากกลุ่มของพิมซึ่งถ้าเป็นปกติฉันคงจะไม่พูดอะไรอ่ะนะ แต่ตอนนี้หัวร้อนอยู่ไงเลยขอสักหน่อยแล้วกัน “หัวเราะดังแล้วทำไมเหรอ ทีตัวเองจับกลุ่มนินทาคนโน้นที คนนี้ที ฉันยังไม่เคยจะพูดเลยนะ ...แล้วงานอ่ะอาจารย์สั่งมาเกือบเดือนมาขยันตอนนี้คงจะไม่ทันมั้ง ก่อนจะพูดอะไรหัดส่องกระจกดูตัวเองก่อนนะว่าที่พูดมาเนี่ยมันเข้าตัวเองหรือเปล่า” ฉันยืนเท้าเอวแล้วพูดอย่างเสียงดังฟังชัดซึ่งทุกคนในห้องก็เงียบแล้วมองหน้ากันเลิ่กลักเพราะไม่เคยเห็นฉันในลุคนี้มาก่อน “นะ นี่ เธอเป็นบ้าอะไร!! อยู่ๆมาขึ้นเสียงใส่ฉันเนี่ย โรคจิต” ยัยพิมเบะปากใส่ฉันก่อนจะลุกขึ้นมายืนประจันหน้า แต่ขอโทษหล่อนเตี้ยกว่าฉันเยอะไง เลยทำให้ฉันต้องเบนสายตาลงมองค่อนข้างต่ำ “ใครกันแน่ที่โรคจิต ...พวกฉันก็ทนมามากพอแล้วนะ เมอร์ก็คุยปกติมีแต่เธอนั่นแหละที่เที่ยวระรานคนอื่นไปทั่ว นิสัยไม่ดีเนอะพวกเรา” นี่ไม่ใช่เสียงฉันนะคะทุกคน เสียงเพื่อนผู้หญิงในห้องต่างเริ่มตะโกนไล่กลุ่มของพวกพิมออกไปจากห้อง ซึ่งพวกนี้ค่อนข้างหน้าบางเลยพากันเดินออกไปจากห้อง ...ส่วนพิมก็ส่งสายตาแห่งรักมาให้ฉันซะเต็มที่เลย ฉันอำน่ะ -_- “กูจะทำให้มึงไม่มีความสุขไปชั่วชีวิตอีเมอร์!!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD