9

1249 Words
“ทรายไม่มีพ่อค่ะ...พ่อทรายตายพร้อมน้องชายไปเมื่อสี่ปีก่อน” หญิงสาวพูดทั้งน้ำตา พิชชาพรเหมือนคนมีแผลที่ยังไม่ตกสะเก็ดดี พอมีใครมาสะกิดบาดแผลนั้นก็จะเปิดกว้าง สร้างความเจ็บปวดให้กับเธออย่างไม่มีจบสิ้น ชายหนุ่มรู้สึกผิดที่ทำให้หญิงสาวต้องทุกข์ใจ และเป็นสาเหตุให้เธอต้องร้องไห้ มือหนาปลดเข็มขัดนิรภัยที่คาดอยู่ที่ลำตัวของเขาและเธอออก ก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด กระชับร่างบางให้แน่นยิ่งขึ้น เหมือนต้องการให้เธอถ่ายทอดความทุกข์ที่มีทั้งหมดมาที่ร่างกายของเขาบ้างให้เขาแบ่งปันความโศกเศร้าที่ฝังแน่นในจิตใจ มือแกร่งลูบไปที่แผ่นหลังบางแผ่วเบาเพื่อปลอบโยน ความอบอุ่นที่พิชชาพรได้รับจากชายคนนี้ ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับชายคนไหน เริ่มแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย ทำไมหนอ...อ้อมกอดของภูริภัทรแสนจะอบอุ่นและปลอดภัย เธอไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างเหมือนที่ผ่านมา อ้อมกอดนี้ในความรู้สึกของพิชชาพรช่างคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับสิ่งที่ขาดหายไปนานแสนนานได้หวนกลับมาหาเธออีกครั้งหนึ่ง “ไม่ต้องร้องนะคนดี...ผมขอโทษ” ภูริภัทรพูดพร้อมกับซบหน้านิ่งที่เรือนผมนุ่มสลวย ก่อนจะจรดปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนผมแผ่วเบา ภูริภัทรให้เธอร้องไห้อยู่ที่แผงอกของเขาอย่างไม่รังเกียจ จากนาทีเป็นสิบนาที จากสิบนาทีเป็นยี่สิบนาที ก่อนที่เสียงสะอื้นจะสงบลงในนาทีที่สามสิบ หญิงสาวอยู่ในอ้อมกอดของเขา ซึมซับความอบอุ่นที่เธอรู้สึกโหยหา “ผมขอโทษที่ทำให้ทรายต้องร้องไห้” เขาพูดกระซิบอยู่ที่ข้างหูหอมกรุ่น หญิงสาวรับรู้ถึงแรงลมหายใจที่ค่อนข้างแรงของภูริภัทร ทำให้เธอรู้สึกตัวว่าตอนนี้เธอตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา มือบางจึงผลักแผงอกหนาอย่างเบามือ ก่อนที่ดวงตาของทั้งคู่จะสบกันนิ่ง และพิชชาพรเป็นฝ่ายหลบสายตาที่ร้อนแรงดั่งไฟนั้นเสียเอง “ทรายขอโทษค่ะ เสื้อคุณภูเปียกหมดแล้ว” พิชชาพรก้มหน้าพูด ไม่กล้ามองสบตาเขาเพราะเธอรู้สึกเขินอายกับเหตุการณ์เมื่อครู่ “ผมต่างหากที่ผิด ไม่ใช่ทราย...ผมสัญญา ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำให้ทรายร้องไห้อีก” ภูริภัทรพูดเสียงเบาแต่ทว่าหนักแน่น จนคนฟังรู้สึกตื้นตันใจ อิ่มเอิบใจ เธอกำลังต่อสู้กับหัวใจของตัวเองอย่างหนัก ใจหนึ่งอยากจะละทิ้งอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคนที่เธอรักและรักเธอ แต่อีกใจหนึ่งร้องค้านเพราะกลัวว่าหากเขาล่วงรู้ความจริงขึ้นมา ความรักที่เขามีให้ทลายลงกลายเป็นความเกลียดชัง ซึ่ง พิชชาพรไม่สามารถทานทนกับความเสียใจได้อีกแล้ว “ขอบคุณมากค่ะที่คุณภูดีกับทราย...เรารีบไปกันเถอะค่ะเดี๋ยวจะไปทำงาน สาย คุณภูเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของทรายมานานมากแล้ว” “เรื่องของทรายไม่ใช่เรื่องไร้สาระของผม...และผมไม่เคยคิดว่าการที่ผมปลอบประโลมทรายให้หายเศร้าจะทำให้ผมเสียเวลา...ทรายดูถูกน้ำใจของผมมากเกินไปแล้ว” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ก่อนจะขับรถยนต์ของเขาออกจากริมถนนเพื่อเดินทางไปยังบริษัทของเขา โดยที่ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย พอมาถึงบริษัทภูริภัทรนำรถยนต์มาจอดที่จอดรถประจำของเขา ที่เตรียมไว้สำหรับประธานบริษัทเท่านั้น และเดินลงไปจากรถทันทีโดยไม่รอและสนใจหญิงสาวที่นั่งมาด้วย แถมท้ายด้วยเสียงปิดประตูรถยนต์ปังใหญ่ จนร่างบางสะดุ้งด้วยความตกใจ พิชชาพรรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องโกรธและไม่พอใจในคำพูดของเธอ เป็น การดีไม่ใช่หรือเพราะต่อไปนี้ภูริภัทรคงไม่มาข้องแวะกับเธออีกแล้ว แต่ทำไมหัวใจของเธอเจ็บจี๊ดเหมือนมีใครเอามีดแหลมคมมากรีด เมื่อนึกถึงข้อนี้ พิชชาพรจะมีความสุขจริงหรือที่ภูริภัทรไม่สนใจเธอ เหมือนกับที่หญิงสาวต้องการ หรือว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปิดประตูหัวใจ หลังจากที่ปิดตายมานาน ยอมรับภูริภัทรเข้ามาในหัวใจและพร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่จะตามมาอย่างกล้าหาญ โดยมีความรักที่กำลังเบ่งบานเป็นเกราะคุ้มกัน ตลอดทั้งวันภูริภัทรทำเป็นไม่สนใจพิชชาพรที่เดินเข้าเดินออกห้องทำงานของเขาในฐานะผู้ช่วยของมาลัยเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่เธอเดินเข้ามาในห้องเพื่อนำเอกสารมาให้เขาเซ็นหรือว่านำเครื่องดื่มมาให้ ชายหนุ่มจะนิ่งเฉยจนพิชชาพรรู้สึกอึดอัด “ทราย...วันนี้ทรายต้องไปงานเลี้ยงกับเจ้านายนะ เพราะวันนี้พี่ไปไม่ได้จริงๆ” มาลัยพูดกับพิชชาพรในระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน เพราะลูกชายของเธอไม่สบายไม่มีใครดูแล สีหน้าของสาวน้อยซีดลงเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าต้องไปงานเลี้ยงกับภูริภัทร “ทรายสะดวกหรือเปล่า” มาลัยเอ่ยถามเมื่อเห็นใบหน้าของพิชชาพรเต็มไปด้วยความลำบากใจ “สะดวกค่ะ...ทรายจะไปงานเลี้ยงกับคุณภูเองค่ะ” เธอพูดเสียงอ่อย ตอบคำถามของมาลัยไม่เต็มเสียงนัก เมื่อถึงเวลาเดินทางไปงานเลี้ยงจนกระทั่งเดินทางกลับภูริภัทรยังคงมึนตึงกับเธอเช่นเดิม เขาไม่พูด ไม่มอง ใบหน้าคมนิ่งเฉยจนเธอรู้สึกหวั่นใจ เขาคงจะโกรธเรื่องเมื่อเช้านี้อยู่ แล้วนี่เธอจะทำอย่างไรดี “คุณภูไม่ต้องไปส่งทรายหรอกค่ะ...ทรายนั่งแท็กซี่กลับเองได้” พิชชาพรตัดสินใจพูดระหว่างทางที่เดินมาที่รถของเขา เพราะทนรับกับความอึดอัดไม่ไหว “......” คำตอบที่เธอได้รับคือความเงียบ “คุณภูคะ...ทรายขอตัวกลับก่อนนะคะ” เธอพูดอีกครั้งก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังหน้าโรงแรม “ทรายดูไม่ออกหรือไง ว่าผมคิดยังไงกับทราย” เสียงของเขาพูดไล่หลังร่างของเธอ เท้าบางหยุดชะงักลงทันทีที่ได้ยินเสียงของเขา ตอนนี้สมองของเธอคิดอะไรไม่ออกฟังอะไรไม่ได้ยิน สิ่งที่เธอได้ยินคือเสียงของหัวใจที่เต้นระส่ำไม่เป็น จังหวะ คำพูดของเขาแปลความหมายได้ไม่ยาก แต่เป็นเธอเองต่างหากที่พยายามไม่รับรู้ความรู้สึกนั้น เพราะคำว่ากลัวเพียงคำเดียว “ผู้หญิงอย่างทรายไม่คู่ควรกับคุณภูหรอกค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฐานะ การศึกษาหรือแม้แต่วงศ์ตระกูล” พิชชาพรยังคงปิดกั้นตัวเองเช่นเดิม “เรื่องแค่นี้เองเหรอที่ทรายปิดกั้นผมไม่ให้เข้าใกล้ตัวทราย...เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยนะ ผมไม่แคร์เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ขอเพียงผมได้อยู่กับคนที่ผมรักก็พอ” ภูริภัทรพูดออกมาจากใจจริง หญิงสาวรู้สึกหวั่นใจกับคำพูดของเขา เพราะมันไม่ใช่เรื่องแค่นี้อย่างที่เขาคิด สิ่งที่เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้ชายทุกคน คือความบริสุทธิ์ที่ควรได้รับจากเจ้าสาว ซึ่งพิชชาพรไม่มี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD