Episode 11
Talk ตาหวาน
“อีห่าเอ๊ย! มัวแต่ยืนคุยกับคุณซานจนไม่ได้แหกตาดูนาฬิกาเลยว่ากี่โมงแล้ว กรี๊ด~ เข้าแถวไม่ทันแน่ๆ!” เราดึงเข็มขัดนักเรียนแน่นกันไม่ให้กระโปรงหลุด และรีบวิ่งไปโรงเรียนทันที
อยากเรียนโรงเรียนนานาชาติข้างๆ จังเลยค่ะ!
เพราะว่าเขาไม่มีเข้าแถว
กรี๊ด~
ฉันอยากมีสามีรวย สามีที่พร้อมจะสร้างโรงเรียนให้ฉันในแบบที่ฉันต้องการ
กรี๊ด~
จีบหนูหน่อย!
“เหนื่อยมาก! รู้แบบนี้หนูจะไม่โดดเรียนวิชาพลศึกษาแล้วล่ะค่ะ” เราหยุดหอบเล็กน้อย ก่อนที่จะอึบ! และเตรียมตัวจะวิ่งต่อ แต่ไม่ทันไรก็มีรถคันหนึ่งมาจอดเทียบและเป็นชายชุดดำที่เดินลงมาจากรถ “อึก!”
เราถอยหลังยาวๆ แต่ก็ดันไปชนกับชายชุดดำอีกสองคนที่มาดักจากข้างหลัง เป็นแย่างที่เวกัสว่า...ชีวิตของเขาแขวนโตงเตงอยู่บนเส้นด้ายจริงๆ
พวกมันมากันอีกแล้ว...
“อย่าเข้ามานะ! หนูสู้จริงๆ ด้วย” มือบางกำหมัดแน่น พร้อมสู้ แม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าสู้ไม่ได้ก็ตามทีเถอะ! “พวกแกต้องการอะไรจากหนู หนูไปทำอะไรให้!”
“เธอไม่ได้ทำอะไรมากหรอก แต่เธอจงรู้ไว้ซะว่าที่ชีวิตเธอต้องเป็นแบบนี้เพราะเธอมันแส่หาเรื่องเอง ไปกับพวกเราเสียดีๆ ถ้าไม่อยากตาย!”
“ไม่ไป! ให้ตายยังไงหนูก็ไม่ไปอะ พวกคุณไปแค้นอะไรคุณซานเขาหนักหนาถึงต้องตามล่าเพื่อที่จะฆ่าเขาแบบนี้!”
“นั่นมันไม่ใช่เรื่องของเธอ!” ชายชุดดำอีกคนนึงกล่าวตอบ “จับมัน!”
“กรี๊ดดดดด~ ปล่อยหนู!” เราพยายามดิ้นแต่ก็สู้แรงของพวกเขาไม่ไหว ชายชุดดำสามคนกรูหน้ากันเข้ามาจับล็อกตัวเรา “ปล่อย! ถ้าจะจับหนูไปทรมานแบบในนิยายฆ่าหนูให้ตายเสียดีกว่า อย่ามาเมตตา!”
“พวกฉันก็ไม่ได้อยากจะเมตตาเธอนักหรอก...ถ้าเป็นคนอื่นขัดขืนขนาดนี้พวกเราฆ่าทิ้งไปนานแล้ว แต่เพราะนายต้องการตัวเธอเป็นๆ ต่างหากล่ะ!”
ปึก!
“เอาะ....นี่มันใช่นิยายชัดๆ โอ๊ย” ร่างบางทรุดตัวลงที่พื้นทันควัน เมื่อถูกชายชุดดำคนหนึ่งต่อยเข้ามาที่ท้องอย่างแรง “อึก...จุกฉิบหายเลยแม่งเอ๊ย”
“สิ้นเรื่องสักที โอ๊ย!”
ปึก!
ชายชุดดำคนเดียวกันกับที่ต่อยท้องเราร่วงลงพื้นไปด้วยแรงถีบของใครคนหนึ่ง ซึ่งเราก็มั่นใจแล้วว่าคนคนนั้นก็คือคุณซานติโน่
พ่อมาสซิโม่สองของเรา
“โอ๊ยจุก...แม่งเอ๊ย”
“อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของกู!” ร่างสูงตะโกนลั่นพร้อมกับถีบเข้าที่หน้าของชายชุดดำพวกนั้นน พวกเขาต่อสู้กันไปสักคนจนคุณซานเริ่มเห็นท่าไม่ดี รีบคว้าตัวเราวิ่งออกมาทันที โชคดีที่พวกมันไม่มีอาวุธ!
“อ...โอ๊ย คุณหนูเจ็บ”
“อดทนไว้นะ...อีกนิดเดียวก็จะพ้นแล้ว”
“อึก...หนูไม่ไหวแล้วอะ” ร่างบางหยุดเดินพร้อมทรุดตัวลงที่พื้นถนนทันที
“ไม่ไหวแล้วใช่ไหม” เราไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าตอบ ร่างสูงส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่จะอุ้มเราขึ้นในท่าเจ้าสาว “ยัยบ๊องเอ๊ย...ทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่ได้!”
“ขอโทษ~ อือ...” ด้วยความจุกบวกกับความเหนื่อยหอบทำให้เราเผลอบหลับไปคาอกของเขา
เรานี่มันภาระเขาจริงๆ
✂️✂️✂️✂️✂️✂️✂️
“อือ~ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในห้องนอนของตัวเองแล้วล่ะค่ะ ส่วนคุณซานดขาก็นั่งคิ้วขมวดอยู่ข้างเตียงนอน “พวกเรายังปลอดภัยดีใช่ไหมคะ?”
“อืม...ไมมีใครเป็นอะไร โชคดีที่เธอลืมการบ้านไว้ฉันเลยวิ่งตามไปเจอพอดี” ร่างสูงว่าพลางหยิบรายงานเล่มนั้นขึ้นมาโชว์ต่อหน้าเรา “เธอเจ็บมากไหม?”
“ยังจุกอยู่นิดหน่อยค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาช่วยหนูไว้”
“ไม่เป็นไรหรอก...เพราะยังไงฉันก็ไม่ลืมว่าเธอเองก็เคยช่วยฉันไว้เหมือนกัน”
“หนูนี่ภาระคุณจริงๆ เลยนะคะ ถ้าคุณไม่มีหนูคุณก็คงไม่ต้องมาค่อยห่วงหน้าพะวงหลังแบบนี้” เราพลิกตัวตะแคงข้างและหันไปจ้องหน้าเขา “ขอโทษนะที่คนช่วยกลับกลายมาเป็นภาระแบบนี้”
เพี๊ยะ!
“โอ๊ย...หนูเจ็บนะ!” มือบางลูบหน้าผากตัวเองวนๆ เมื่อถูกร่างสูงตีเพี๊ยะมาอย่างแรง “มือหนักเสียจริง!”
“ฉันทำแรงไปงั้นเหรอ...? นี่ก็ว่าลดน้ำหนักมือของตัวเองลงเยอะแล้วนะ ถ้าน้ำหนักมือเต็มๆ ก็คงจะเลเวลเดียวกันกับที่ฉันกระโดดถีบหน้าไอ้พวกนั้น” เขาแสยะยิ้มพร้อมลูบหัวเราเบาๆ “เธอไม่ได้เป็นภาระฉันเลย”
“....”
“ฉันดีใจด้วยซ้ำ...ที่เธอได้มาผจญภัยอยู่บนเส้นทางของฉัน”
“คุณซาน...”
“ถ้าชีวิตเธอมันแขวนอยู่บนเส้นด้าย ฉันก็จะขอเป็นเส้นด้ายเส้นนั้นประคับประคองเธอไป ฉันจะเป็นเส้นด้ายเส้นนั้นที่แม้ว่ามันจะแค่เส้นเดียวแต่มันจะเป็นเส้นที่แข็งแรงที่สุด” เขายิ้มให้เราเล็กน้อยพร้อมกุมมือเราเบาๆ “ไม่ต้องห่วงนะ...เธอจะต้องปลอดภัย”
“ขอบคุณนะคะ แต่ดูหน้าคุณสิเป็นรอยช้ำอีกแล้ว” มือบางค่อยๆ ยื่นไปลูบใบหน้าหล่อเหลาของร่างสูงอย่างเบามือ “แผลเก่าหายไม่ทันไรแผลใหม่ก็มาเสียแล้ว ไว้เดี๋ยวหนูจะไปทำแผลให้นะคะ”
“แผลแค่นี้จิ๊บๆ น่ะ...พวกมันก็แค่ลูกน้องกระจอกๆ พวกที่เธอเห็นคือขนาดตัวของคนไทยนะ ถ้าเป็นขนาดตัวของฝรั่งที่คัดเลือกมาเป็นบอดี้การ์ด...เธออาจจะไม่ได้แค่จุก แต่อาจจะถึงตายเลยก็ได้” มือหนาพลางเอื้อมมาจับมือร่างบางที่แนบหน้าเขาเบาๆ “อย่างน้อยก็ขอบคุณความเด๋อของเธอนะ ถ้าเธอไม่เผลอลืมการบ้านทิ้งไว้ ฉันก็คงจะไม่ได้วิ่งตามไปเจอเธอ”
“ฉันเป็นห่วงเธอฉิบหาย...คราวหลังอย่าลีลาจนพวกมันจอดรถสิ!” เขาเอ็ดเราเล็กน้อยก่อนที่จะดึงหูเราเป็นการลงโทษ
“โอ๊ยคุณซานหนูเจ็บ!” เราเบะปากพร้อมกรอกตามองบนใส่เขาเล็กน้อย “เป็นห่วงก็อย่าทำร้ายร่างกายให้หนูเจ็บหนักกว่าเดิมสิคะ แค่ที่ท้องจนป่านนี้ก็ยังจุกไม่หายเลย”
“เธอต้องอดทนกับแรงของเจ้าพวกนั้นให้ได้นะ” เขาปล่อยมือออกพร้อมกับเสยผมตัวเองเบาๆ อย่างหล่ออะ! มาสซิโมเวอร์ชันก็อปเกรด A ชัดๆ!
“ทำไมล่ะคะ?”
“ฉันคิดว่าต่างชาติอาจจะมีพละกำลังเยอะกว่าคนไทยน่ะ บางที...ถ้าคนที่ต่อยท้องเธอในวันนี้เป็นบอดี้การ์ดของวาเรนติโน่เธอก็อาจจะจุกมากกว่านี้ก็ได้”
“คุณต้องการจะสื่ออะไรอะคะหนูไม่เข้าใจ”
“ถ้าถามหาเนื้อความจริงๆ ที่ฉันจะสื่อน่ะเหรอ? ก็...” เขาเว้นวรรคคำพร้อมกับลุกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง “ฟู่ว~”
“......”
“ฉันก็แค่จะบอกว่า...ถ้าแรงของคนไทยแค่นี้แล้วเธอยังทนไม่ได้เจ็บหนักจนป่านนี้ยังไม่หายจุก ถ้าเกิดว่าฉันเป็นฝ่ายกระแทกเธอ ฉันกลัวว่าเธอจะจุกจนปางตายน่ะ”
“นับวัน...คุณเริ่มทะลึ่งมากขึ้นแล้วนะคะเนี่ย! ไอ้บ้าเอ๊ย” ร่างบางชี้หน้าด่าร่างสูงก่อนที่จะพลิกตัวหันหน้าหนีเขาไป “ไอ้บ้าเอ๊ย!”
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าตอนนี้เธอพูดอะไรแต่ฉันรู้นะว่าเธอกำลังด่าฉัน”
“ไม่ต้องมาพูด คุณน่ะเงียบไปเลย เชอะ!” มือบางคว้าผ้าห่มขึ้นคลุมหันตัวเองทันที กระแทกบ้าบออะไรของเขาก็ไม่รู้
ไอ้บ้าเอ๊ย!!!