Episode 10
เพี๊ยะ!!!
“อ...โอ๊ย!” ทานตะวันถูกตบพร้อมกับผลักลงที่พื้นอย่างรุนแรง “ฉันเจ็บนะคะ!”
“ไหนเธอบอกว่าตาหวานไม่เกี่ยวไง? แต่นี่อะไร...พวกมาด้วยกัน! แบบนี้มันหมายความว่ายังไง เธอหลอกฉันเพื่อที่จะช่วยน้องสาวเธอหรือยังไง!” เวกัสกล่าวพร้อมกระชากหัวทานตะวันขึ้นมาตบอีกครั้ง
เพี๊ยะ!
“โอ๊ย!” ทานตะวันร้องลั่นพร้อมเช็ดเลือดที่มุมปากตัวเอง “ฉันไม่รู้จริงๆ ตอนที่รู้ข่าวฉันก็ตกใจเหมือนกัน แต่ขอร้อง...น้องสาวฉันขี้สงสาร ถ้าใครสักคนต้องตาย อย่าให้คนคนนั้นเป็นน้องสาวของฉันเลยนะ”
“เสียใจด้วย....น้องสาวเธอมันแส่หาเรื่องเอง!” พ่อของเวกัสกล่าวต่อ
“ด...ได้โปรดแหละนะ ฮึก! อย่าทำอะไรตาหวานเลย ฆ่าแค่ซานติโน่คนเดียวก็พอ น้องสาวของฉันไม่เกี่ยว ฮือๆ ฉันขอร้องล่ะนะ อย่าฆ่าน้องสาวฉันเลยนะ” ทานตะวันยกมือขึ้นไหว้ เธอขอร้องมาเฟียทั้งสามทั้งน้ำตา
แต่ใจของพวกเขานั้นแข็งเสียกว่าหิน แม้ว่าจะมีผู้หญิงร้องไห้อ้อนวอนปานจะกราบเท้ายังไง แต่อุดมการณ์ที่พวกเขาอยากจะฆ่าซานติโน่ก็มีมากกว่า
มือหนาของวาเรนติโน่ชักดาบเล่มยาวออกมาก่อนที่เขาจะ...
ฉึบ!
“ฮึก...อึก!”
“ถถถ...คราวหลังก็หัดกลับบ้านตรวจเช็คคนของตัวเองให้ดี เพราะถ้าพวกฉันเกิดรู้ด้วยตัวเอง เธอก็จะมีจุดจบแบบนี้เนี่ยแหละ หึหึ!” วาเรนติโน่กล่าว
“ฮึก...ไอ้พวกสารเลว” ทานตะวันกล่าวก่อนที่จะสิ้นใจลงไปต่อหน้าต่อตามาเฟียทั้งสาม
“เมื่อไปแล้ว...ถ้าได้เจอกับแม่ฉัน ก็ช่วยก้มกราบเท้าท่านด้วย โทษฐานที่เธอทำให้แม่ฉันต้องตรอมใจตาย!” เวกัสแสยะยิ้มพร้อมใช้เท่าเหยีบลงไปที่หัวของทานตะวัน “และไม่ต้องห่วงนะ...เพราะตาหวานจะตามเธอไปอย่่างแน่นอน!”
“หึหึหึ!!!”
✂️✂️✂️✂️✂️✂️
Talk ตาหวาน
“เดี๋ยวหนูจะรีบซักสูทให้คุณนะคะ คุณจะได้มีใส่กลับอิตาลี ร่างบางกล่าวพร้อมผับสูทของเขาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าก่อน
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ แค่นี้เธอก็ช่วยฉันมามากพอแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูเต็มใจที่จะช่วย! ตั้งแต่ที่คุณเข้ามาถึงแม้ชีวิตหนูมันจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ว่า..มันก็สนุกดีนะคะ 555”
“ฉันก็ไม่รู้นะว่าเธอเป็นพวกที่ยิ้มสู้กับเหตุการณ์ร้ายๆ หรือปัญญาอ่อนจริงๆ”
“แรงนะ!” เรากรอกตามองบนก่อนที่จะเดินไปนั่งข้างๆ เขา “ปากร้ายกับผู้มีพระคุณแบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย”
“วิถีชีวิตของฉันมันก็แบบนี้แหละ...ฉันไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาแบบอ้อนโยนเหมือนเธอ บางที...ฉันอาจจะเป็นตัวอันตรายมากกว่าวาเรนติโน่ก็ได้นะ”
“คุณเนี่ยนะคะจะอันตราย หนูยังไม่เห็นว่าคุณจะหน้ากลัวตรงไหนเลย แค่การใส่สูทไปเดินตลาดก็ทำหนูขำไปสองสามคืนแล้วล่ะค่ะ 555 คิดแล้วก็ขำ”
“เธอนี่มันโคตรบ๊องจริงๆ” เขาส่าวหัวพร้อมกับจิ้มลูกชิ้นเข้าปาก
มาเฟียอิตาลีกินลูกชิ้น
ก็...ก็ได้อยู่นะคะ 555
ปั้ง!
“กรี๊ด!” เรากรี๊ดลั่นพร้อมพุ่งเข้ากอดคุณซานทันควัน เหตุเพราะตกใจที่ลมพัดแรงจนหน้าต่างกระแทกปิดกลับมา “ห่าแม่ง กูตกใจหมดคิดว่าเสียงปืน!”
“เธอพูดอะไรของเธอ? ภาษาไทยงั้นเหรอ?” ร่างสูงเอ่ยถามร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขน คำสบถเมื่อกี้เราตกใจจนเผลอพูดภาษาไทยออกมา
“เอ่อ...ค่ะ พอดีหนูตกใจ คิดว่าเป็นเสียงปืนของพวกมันน่ะค่ะ”
“เธอมันก็บ๊องสมชื่อนั่นแหละ! ยัยบ๊อง”
“ถึงหนูจะบ๊องแต่ก็มีคนมาจีบหนูนะคะ อย่ามาดูถูกกันเชียว!”
“เหอะ! ใครมันจะมาจีบเธอกัน แล้วอีกอย่าง...เวลาที่เธอตกใจ เธอก็มักจะชอบหาคนกอดแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่า” ร่างสูงเลียขอบปากตัวเองเล็กน้อยพร้อมลูบหัวเราเบาๆ
“ขนลุกอะ!” เรารีบดีดตัวออกจากอ้อมแขนของเขาทันที ก่อนจะคว้าเสื้อผ้าและเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำ
ซ่า....
เสียงน้ำจากฝักบัวไหลผ่านร่างกายของร่างบางไป พอนึกไปนึกมา เรากับเขาก็อยู่ด้วยกันนานหลายวัน ร่วมห้องปละชายคาเดียวกัน
แต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน —.—
แบบนี้...ถ้าเวกัสรู้เบาต้องโกรธเราแน่ๆ เลยอะ!
“งื้อ~ ขอโทษนะเวกัส! แม้ว่าพี่จะเอาเขาเข้ามาอยู่ในบ้านและนอนร่วมห้องเดียวกัน แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเลยนะ! ในใจของพี่มีน้องคนเดียวนะไอ้ต้าวเด็กเหี้ยเอ๊ย! แง่ว~” ร่างบางสะบัดสะบิ้งไปรอบห้องน้ำด้วยความเขิน “แต่เดี๋ยวนะ...เราพูดดังเกินไปหรือเปล่า?”
“อ๋อลืม...เขาฟังภาษาไทยไม่ออก”
“555”
วันต่อมา
“แน่ใจนะคะว่าคุณอยู่บ้านคนเดียวได้น่ะ?” ร่างบางถามย้ำร่างสูงรอยที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เราก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันนั้นแหละ เกือบตายห่ากันมาแล้วรอบนึง แต่อีกใจก็ทิ้งการเรียนไม่ได้
เพราะถ้าเราไม่ไปเราจะไม่ได้เจอเวกัส แม้จะแค่เวลาที่เขานั้นเดินเข้าโรงเรียนก็ตาม
“ฉันต่างหากล่ะที่ต้องถามเธอ เธอไปเรียนคนเดียว ไม่กลัวใช่ไหม?”
“ก็แอบกลัวนิดหน่อยแหละค่ะ แต่หนูก็ไม่ได้อยู่คนเดียวโดดๆ แบบคุณ”
“ฉันดูแลตัวเองได้ แต่ถ้าเธอกลัว พกปืนไปด้วยกันได้นะ อย่าเอาไปยิงเล่นล่ะกระสุนมันเหลืออยู่ไม่กี่นัดแล้ว” มือหนาว่าพลางยื่นปืนกระบอกสีดำมาให้เรา
“ไอ้บ้า! โรงเรียนธรรมดาๆ นะคะไม่ใช่โรงเรียนสอนนักฆ่าที่จะให้พกอาวุธไปโรงเรียนได้น่ะ!” มือบางดันปืนเข้าซุกอกของร่างสูงอย่างกล้าๆ กลัวๆ กลัวปืนลั่น “คุณเก็บไว้นั่นแหละดีแล้วค่ะ”
“เป็นห่วงฉันมากขนาดนั้นเลยหรือยังไง?” เขาเลิกคิ้วถามพร้อมยืนกอดอกมองเรานิ่งๆ
“ก็แหง๋สิ เอ๊ย! ม...ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ก็...ก็คุณไม่มีใครที่ไหนเลย แถมคุณอยู่บ้านคนเดียวอีก แต่หนูไปโรงเรียน ที่โรงเรียนมีคนอยู่มากมาย ปลอดภัยมากกว่าคุณที่อยู่บ้านคนเดียวไงคะ คุณน่ะพกปืนไว้ดีที่สุดแล้ว”
“เนี่ยแหละเขาเรียกว่าเป็นห่วง”
“.....”
“ยืนเด๋ออยู่ทำไมล่ะ? ไปเรียนได้แล้ว!”
“เอ่อ...ค่ะๆ” ร่างบางยกมือไหว้ก่อนที่จะเดินดุ่มๆ ออกมา แต่เดี๋ยว! จะไหว้เขาทำไมเนี่ย!
ยัยบ้าเอ๊ย!!!
เมื่อร่างบางเดินออกไปได้ประมาณห้านาที ร่างสูงจึงเดินกลับเข้ามาในบ้านและทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา แต่ทว่า...เสียงตาของเขาดันไปสะดุดตากับรายงานเล่มหนึ้งที่มีโพสอิทแปะไว้ว่า...
#อย่าลืมเอาไปโรงเรียน #เอาไปส่ง
“สมแล้วที่ชื่อยัยบ๊อง...เธอนี่มันจริงๆ เลย” ร่างสูงส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่จะหยิบรายงานเล่มนั้นและวิ่งตามร่างบางไป
อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายวัน เขาก็เลยรู้ว่าร่างบางเธอเรียนที่ไหน
เรื่องของแฟนก็เหมือนกับเรื่องของเรา
เอ๊ะ!!!?