ตอนที่ 7
“ ค่ะ เดี๋ยวป่านจะรีบลงไป รอแป้บ แค่นี้ ก่อนนะ”
ชื่อของอนุราชนั้นได้กระตุ้นความสนใจของหล่อน อย่างมาก เหลือเกิน และปาฏลิณ นั้นยิ้มสดชื่น
ซึ่งท่าทีนั้น ฬวิก หนุ่มใบหน้าคมคาย กลับบึ้งตึงใส่ ที่เห็นหล่อนสนใจผู้มาใหม่มากกว่า ดังนั้นเขาจึงชวนเพื่อนบ้างจะกลับเหมือนกัน
“ เอ๊ะ ทีนี้ถึงคิวเราแล้ว” เขาเหมือนบ่นออกมา
“ถ้างั้น ผมเห็นทีจะต้องกลับเหมือนกันล่ะครับ ไปกันเถอะอาร์ ”
ฬวิกเอ่ยชวนอาริมาเพื่อนสนิทสาวที่นั่งรออยู่ เพื่อจะพากันลงไปสู่ข้างนอกอาคารบริษัท และไปยังรถยนต์ที่จอดไว้ เมื่อฬวิกก้าว ผ่านไปนั้น ก็มีร่างของปาฏลิณ ที่ยังยืนอยู่ตรงหน้า เขา และหนุ่มมาดขรึมก็เอ่ยอีกครั้ง
“ อืม แฟนโทร.มาหรือ ไงครับ คุณ”
แต่ก็ไม่มีคำตอบจากหล่อนเหมือนกันที่ก้มหน้า เพื่อเดินจากไปอีกคน ครั้นเมื่อเดินลงมาถึงข้างล่างแล้ว ก็ยังเหมือนละล้าละลัง เพราะยังไม่เห็นตัวเขาคือแฟนหนุ่ม
และครู่ต่อมานั้น เขามองเห็นใครคนหนึ่งหนุ่มคนนี้ไม่สูงเท่าเขารูปร่างสันทัดผิวขาวหน้าตาดีพอสมควรแต่ผมเผ้านั้นยุ่งกระเซิงเป็นหนุ่มมาดเซอร์นั่งคร่อมอยู่บนชอปเปอร์คู่ใจ บึ่งมาถึงก่อนลงจากรถชอปเปอร์ และถอดหมวกกันน๊อกพร้อมกับแขวนเอาไว้
ปาฎลิณมองเห็นแล้ว ในที่สุดเขาก็มาถึง หล่อนอยู่กับศิรมาดา ผู้จัดการส่วนตัว ดังนั้นอนุราชอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไหว้ทันทีเช่นกัน
“สวัสดีครับพี่แอ๊ว”
ขณะที่ศิรมาดา นั้นหล่อน เพียงแต่จ้องมองมาทางเขา เท่านั้น ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ แต่ก็ยกมือรับไหว้ ด้วย
“จ้ะ”
“ ถ้างั้นป่าน ก็ขอ ตัวกลับ ไปก่อนนะคะพี่แอ๊ว เจอกันวันใหม่” เมื่อปาฏลิณเอ่ย
“จ้ะ ป่านก็นั่ง ซ้อนท้ายให้ดีๆนะ แล้วอน นี่ ุก็เหมือนกัน ระวังไว้บ้าง อย่าประมาท อย่าขับซิ่งนัก เพราะไอ้มอเตอร์ไซค์ มันไม่ต่างไปจากเนื้อหุ้มเหล็กหรอกนะ”
จากนั้นปาฏลิณก็เริ่มเปลี่ยนจากชุดกระโปรง มาเป็นกางเกงขาสามส่วนสีเหลืองนวลกับเสื้อแขนยาวสีม่วงจนเสร็จเรียบร้อยจากด้านใน จึงลงพร้อมกันนั้นอนุราช เริ่ม สตาร์ทเครื่อง จน รถชอปเปอร์ นั้นพุ่งลิ่ว ออกพ้นจากรั้วประตู ของบริษัททันทีหากว่า ระหว่างที่ขับไปอีก ครึ่งกิโลก็สังเกตเห็นว่า ข้างหน้านั้นดูเหมือน มีรถสปอร์ตหรูสีแดงเพลิง จอดชิดอยู่ริมฟุตบาธซ้ายสุด
หากแต่ปาฏลิณก็ขมวดคิ้วเรียวขึ้นมาหล่อนก็สามารถจดจำภาพรถสี แบบนี้และกท.นี้ได้ อย่าง แม่นยำแน่นอนว่าเป็นคันเดียวกันแต่จะใช่หรือไม่ใช่ ต้องให้ชัดเจนกว่านี้
ความครุ่นคิดของหนุ่มขับชอปเปอร์คือ เอหรือว่ารถ คันนี้จอดเสีย ถ้างั้นก็ลงไปช่วยหน่อย ถามไถ่อาการ เผื่อจะช่วยเหลือได้ อนุราชจึงหยุดจอด รถชอปเปอร์แบบ ชะงักกึก บอกให้ปาฏลิณรออยู่ตรงนี้ แล้วเขาเดินเข้าไปเพื่อเข้าไปถาม กับเจ้าของรถสปอร์ตสีแดงเพลิงที่ยืนอยู่ข้างรถคันหรู
“ อ้าว รถเป็นอะไรหรือครับคุณ มันเสียหรือเปล่าครับ ผมช่วยได้นะ บ้านผมเปิดเป็นอู่”
และฬวิกนั้นก็ยืนยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเช่นกันกับคนที่เขายังไม่รู้จัก พร้อมเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม แบบสุภาพ
“อ๋อ ขอบคุณครับ แต่ไม่ใช่ครับ ก็แค่เครื่องยนต์มันร้อนขึ้นเท่านั้นผมก็เลยต้องจอดดับเครื่องสักหน่อย แล้วสักพักถึงจะไป ก็ขอบคุณนะครับ ที่ให้ความสนใจช่วยเหลือ”
หากเมื่อเขาฬวิกตอบด้วยสีหน้าราบเรียบไปแล้ว กับคนที่เขาเพิ่งรู้จัก ส่วนอาริมานั้น ก็นั่งอยู่ในรถและหล่อน พอรู้ดีว่า ตอนนี้ ฬวิกกำลังคิดจะทำสิ่งใด กัน ฮึ นี่เพื่อนคง ต้องการกลั่นแกล้ง ผู้ชายคนนี้ หรือเปล่า ไม่ดีเลย
พร้อมกันนั้นระหว่างชายหนุ่มทั้งสองเมื่อการทักทาย นั้นเริ่มต้นขึ้นตรงหน้า อย่างเปิดเผยจริงใจ
“เอ้อ ผมชื่อนุหรืออนุราชครับที่บ้านผมเปิดเป็นอู่ซ่อมรถด้วยและผมเป็นหัวหน้าช่างซ่อมถ้าหากว่ารถ ของพี่ เสียต้องการให้ซ่อมก็เชิญแวะมาได้นะครับผม ยินดีต้อนรับและคิดราคาเป็นกันเองสำหรับเพื่อนใหม่อย่างคุณ” อนุราช นั้นก็เอ่ยด้วยน้ำใสใจจริง
เช่นเดียวกับฬวิกเมื่อคราวนี้สองหนุ่มยื่นมือประสานด้วยกัน แบบเช็คแฮนด์ บ่งบอกถึงมิตรภาพที่เริ่มต้นขึ้นอย่างดงามในเวลานี้
“ผม ฬวิก อัศนะจิโรจน ์ ครับ ก็ยินดีเช่นกัน”
ฬวิก หนุ่มเจ้าของรถสปอร์ตคันหรู ตอบแล้ว เขาหันสายตาไปทางนางแบบสาวที่ยืนรอทำหน้าบึ้งตึงใส่อยู่ไม่ไกล รู้สึกหงุดหงิด ดังนั้นฬวิก เขาจึง พยายามที่อยากจะถ่วงเวลาเพื่อให้การพูดคุยกับอนุราช นั้นยาวนาน ที่สุด จนหล่อนเบื่อ เพราะเวลานี้ดูเหมือนฬวิกกลับถูกชะตากับเด็กหนุ่มเจ้าของรถชอปเปอร์คนนี้เสียแล้ว เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีสัมมาคารวะดีมากคนหนึ่งละ
ส่วน อนุราช เข้าใจแล้วว่าชายหนุ่มผู้นี้ เป็นคนเดียวกับที่ขับรถแบบซิ่งดะเหมือนคนที่ดูออกจะใจร้อนหุนหันเหลือเกิน ซึ่งมันผิดไปจากหน้าตาของเขาที่หล่อเหลาคมคาย ราวกับเทพปั้นแต่งของเขา
“ตะกี้นี้ ผมเห็นพี่ขับรถเร็วเหลือเกิน อันตราย มากนะครับ” เมื่ออนุราชก็บอกชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วงและหวังดี
“แล้วผมก็ไม่เคยเห็นหน้าพี่มาก่อนเลยเพิ่งจะได้เจอวันนี้ ” อีกครั้งที่รอยยิ้มละไมนั้นแย้มผ่านริมฝีปากของฬวิกในนาทีนั้นเช่นกัน เมื่อถูกใจคบเพื่อนรุ่นน้องที่ถูกใจ
“อ๋อ งั้นเหรอ พี่เพิ่ง กลับจากอเมริกา ไม่นานนี้เอง”
“อ้าว เหรอครับ พี่ไปทำอะไรอยู่ที่โน่น”
ฬวิกจึงตอบ ชายหนุ่มรุ่นน้อง
“พี่ ก็ไปเรียนหนังสือนะสิ พอจบแล้ว ก็ทำงาน อยู่ที่นั่นอยู่สักแค่หนึ่งปี แล้วถึงได้กลับมาเมืองไทย นี่ไง”
อนุราชหนุ่มช่างฟิต ก็รับรู้เข้าใจ เมื่อเขาถามไปแล้ว รู้สึกมีความสนใจเรื่องราวชีวิตของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาเอาการและมีมาดที่หล่อเหลาคมคายมาดขรึมเช่นนี้
เป็นเพราะว่าตระกูลอัศนะจิโรจน์ที่เคยได้ยินชื่อ จากข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ถือว่าตระกูลนี้นั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก และยาวนานมาในเมืองไทย ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ถึงการเป็นนักธุรกิจชั้นแถวหน้า
“ส่วนผมนั้นก็เรียนจบแค่ช่างยนต์ครับทางบ้าน ประกอบอาชีพนี้มาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ ผมเลยต้องมาสานต่อท่านต่อไป”
“อืมส์ เอาละนะพี่ก็รู้สึกขอบคุณนายมากที่เสียสละคุยกับพี่ตั้งนาน ดูโน่น เพราะพี่ว่าคุณปาฏลิณ นั้นป่านนี้ คงจะรอคอยนานแล้วล่ะคงอยากจะกลับบ้าน เต็มทีแล้วอนุ”