นางแบบชื่อหอมฟุ้ง
ตอนที่ 1
ภายในห้องแกรนด์บอลรูมหรูระดับห้าดาวณ โรงแรมใจกลางเมืองกรุงชั้นที่สิบสองซึ่งขณะนี้ปาฏลินนั้นกำลังก้าวเดินอยู่บนพรมแดงที่ปูยาวตลอดเนื่องในงานจัดอีเว้นต์แฟชั่นโชว์การกุศลเพื่อหารายได้เข้าสู่มูลนิธิเกี่ยวกับสิทธิสตรี หล่อนกำลังโพสต์ท่าสวยๆด้วยฝีมือของนางแบบมืออาชีพ อยู่บนเวทีขนาดใหญ่ในโรงแรมห้าดาว และหาก ต้องประชันแข่งกับนางแบบคนอื่นๆ ร่วมวงการ หากกระนั้นหล่อนไม่เคอะเขินหรือประหม่าหากแต่ชินแล้ว คุ้นเคยกับฝูงชนรวมทั้งมีความมั่นใจในตัวเองที่สุดเมื่อร่างผอมเพรียวบางในชุดสีชมพูของหล่อน ก้าวเข้ามาเฉิดฉายกลางเวทีนั้น ปาฏลิณก็มีออร่าของนางแบบจับต้องทันที และใครคนหนึ่งที่เบนสายตาจ้องมองมาทางหล่อนพอดี เหมือนเขาต้องกับมนต์สะกด
ในรอยยิ้มและท่วงท่าที่สง่างามเหมือนนางพญาหรือเจ้าหญิงยิ่งนักถูกจับจ้อง เขาผู้นั้นจับจ้องสายตามองหล่อนแทบไม่กระพริบทุกชอตที่หล่อนก้าวออกมาแสดงและวาดลวดลายโพสต์อย่างนางแบบมืออาชีพ เขาอยากรู้ว่าหล่อนชื่ออะไร กระหายใคร่อยากจะรู้ยิ่งนัก นี่ นึกบ่นตัวเองอย่างเสียดายที่สุดที่วันนี้ดันลืมพกกล้องถ่ายรูปติดมือมาด้วย เขาคิดว่ามาเที่ยวและชื่นชมเฉยๆเพื่อนสนิทที่ดึงเขาเข้ามาร่วมชมนั้นบอกว่าเป็นงานแสดงแฟชั่นโชว์การกุศล เขาเลยไม่คิดอะไรมาก
ครั้นแล้วเมื่อมาถึงมาเห็นนางแบบสาวสวยที่มีโครงใบหน้าเรียวรูปไข่สะดุดตามากที่สุด ในชุดสีชมพูหวานและชุดสีอื่นที่มองเห็นยามหล่อนเยื้องก้าวเข้ามาอวดตัวเองบนเวทีกว้างหรู ทำให้ฬวิกบ่นด้วยความเสียดายยิ่งนัก
เพราะเขาไม่นึกว่าจะมีผู้หญิงไทยที่สวยชวนมองและอาบด้วยเสน่ห์ทั้งเรือนร่างอย่างนี้ไง คำถามที่ตงิดในใจคือ หล่อนชื่ออะไร อยากรู้จัง
และดูเหมือนว่าพระกามเทพได้แผลงศรปักอกของหนุ่มนักเรียนนอกนามว่าฬวิกเข้าเสียแล้วสิ ณ เวลานั้นที่ปาฏลิณ ทำงานไปด้วยความตั้งใจ หล่อนมีของขวัญ และได้รับด้วยคือความชื่นชมจากบรรดาแฟนคลับมากมายที่สุดและจากผู้ชมที่นั่งเป็นแขกเหรื่อระดับกิตติมศักดิ์และกลุ่มชนชั้นไฮโซ ของเมืองไทย
พร้อมกันนั้นร่างระหงงามก็ถูกซูมโดยผ่านกล้องจากตากล้องมืออาชีพที่แพนเข้ามาจับใบหน้าของหล่อนเด่นชัด ทุกท่วงท่าอิริยาบถรวมทั้งมีการถ่ายทอดสดผ่านจอทีวียักษ์ทำให้งานนี้ดูอลังการยิ่งนัก
และเมื่อมีแสงแฟลชนั้นทอเป็นประกายวูบวาบสว่างไสวจากการกดชัตเตอร์รัวๆไม่หยุดของตากล้องมืออาชีพและสมัครเล่น เขาแอบอิจฉาแขกเหรื่อเหล่านั้นจริง เพราะความเสียดายที่ไม่ได้พกติดกล้องมาด้วยยังมีอยู่ และจากนั้นบรรดาแขกในงาน รวมทั้งเขาก็ช่วยกันปรบมือ ดังกึกก้องเป็นการให้เกียรติ ไม่ขาดระยะ
หากแต่ว่ามีดวงตาคมของเขากำลังสอดส่ายและจับจ้องอยู่ที่ตัวหล่อน โดยไม่เบนสายตาไปทางด้านอื่น เขาจับจ้องอยู่ ตลอดเวลา เพราะ ร่างระหง สูงเพรียว ที่งดงามนั้น เขาทำประกายตาซึ้งๆ พร้อมกับบอกตัวเองว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาใฝ่หามานาน
ชายหนุ่มใบหน้าคมคายมาดเนี้ยบแต่งกายทันสมัย เชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงสแลคส์สีดำสนิท
เพราะเขานั้นคือชายหนุ่มในร่างสูงโปร่งจมูกโด่งดวงตาคมสีนิลเหมือนสะดุดรักหล่อนในวินาทีนี้ โอ นางฟ้าคนสวย ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาในงานวันนี้
“นั่นเธอชื่ออะไรล่ะอาร์ผู้หญิงที่ใส่ชุดสีชมพูที่เด่นกว่าคนอื่น” เมื่ออาริมาหยุดคิด หันหน้ามาเห็นว่า เพื่อนรักนั้นสนใจ อยู่ตรงนี้
“อยากรู้จักหรือไง”
“ก็ใช่สิ บอกหน่อยได้ไหม”
“อ๋อเค้าเป็นดาราดังเลยล่ะตอนนี้ชื่อคุณป่าน ปาฏลิน”
“ปาฏลินหรือ อือม ชื่อดูฟังเพราะดีจัง”
เขาเอ่ยอีกและในแววตามีความหมายมาดมากกว่านั้น จน ว่า อาริมา เพื่อนรักได้สังเกตเห็น
“สนใจหรือ ไง ”
“อือม เธอโสดหรือว่ามีแฟนแล้วล่ะ อยากรู้ ”
เขาถามต่ออีกแต่อาริมานั้นก็ทำท่าครุ่นคิดเสียก่อน ที่จะตอบ เพราะรู้ดี ว่าเพื่อนคิดยังไง แต่ไม่อยากให้เขาผิดหวัง
“ก็ไม่แน่ใจหรอกนะ แต่ไม่อยากให้นายคิดเลย”
“ทำไมล่ะ” ฬวิก แปลกใจพร้อมขมวดคิ้ว
“อ้าว เพราะ ว่า เคยมีข่าวว่า เขามีแฟน แล้วล่ะ คุณไผ่” หากคำตอบนั้น ทำให้ ใจของฬวิก นั้นหล่นตุ๊บลงทันที จากคำตอบ ที่ได้ยิน
“เอ แต่ก็แค่แฟนเท่านั้นนะเขายังไม่ได้แต่งงาน จะ ทำไมเหรอ นี่อย่าบอกนะว่าสนใจเหรอไผ่ เพราะฉันเห็น นายเอาแต่จ้อง เธอตั้งนาน”
ฬวิกไม่ตอบเพื่อนเอาแต่ยิ้ม
“ก็มันมากกว่า เรื่องน่าสน เลยนะ แบบนี้ มันสเปกต์ฉันเลยล่ะ อา”
เมื่อตอบเสร็จ แล้ว เป็นเวลาที่งานจบปิดฉาก
ความบันเทิงในวันนี้เต็มอิ่มฝูงชนค่อยๆทยอยลุกจาก ห้องหรูกว้างนี้ไปเมื่องานนั้นจบหากแต่ยังติดค้างด้วยความรู้สึกของฬวิกและฬวิกนั้นเขายกข้อมือที่สวมนาฬิกาขึ้นมาดูหน้าปัด แต่เพียงไม่นานอาริมาก็มาขอตัวกลับก่อน
“จะกลับเลยหรือ แล้วไม่ไปต่อหรือ อาร์”
“ ไม่หรอกตามสบายเถอะ ไผ่ ฉันมี ธุระ ที่ต้องทำอีกที่หนึ่ง คือ เพื่อนนัด ไปก่อนนะ ”
จบคำนั้นระหว่างเพื่อน ฬวิก ก็ยกมือโบกให้เพื่อน เพราะเขาคือฬวิกหนุ่มโสดผู้มีอิสรเสรี และเป็นเจ้าของรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ นัยน์ตาสีสนิมเหล็กเศร้า ภาพนั้น จนส่งให้เป็นคนมีบุคลิก ที่ดูขรึมลงไปหน่อย แต่ก็สุขุมหนักมากกว่าเดิม
เพราะที่เมืองนอกที่เขาผ่านการใช้ชีวิตมาเขานั้น เรียกได้ว่า อยู่แบบพึ่งพาตนเองด้วยซ้ำ และต้องทิ้งคราบ ทั้งสภาพฐานะการเป็นลูกเศรษฐีที่ถูกประคบประงมฟูมฟักหวงแหนจนทำอะไรไม่เป็นแม้แต่การเจียวไข่ทอดไข่ เพราะว่า นอกจากไข่ต้มอย่างเดียว เท่านั้นที่ เขาทำได้
และเมื่อเดินมาถึงบริเวณชั้นที่รถจอดฬวิกนั้นขอถอนใจนิดหนึ่งสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ บริเวณที่มีต้นไม้กระถางใกล้ๆนั้น ถือว่าเป็นพื้นที่สีเขียว ที่หาได้ยาก ก่อนจะ เขานั้นจะหยิบล้วง เอากุญแจรถสปอร์ตสีแดงเพลิงคันหรู ไขเข้าไป ูและเข้าไปนั่งตำแหน่ง คนขับ ครั้นต่อมาก็ สตาร์ทรถเสียงดังกระหึ่ม เพราะความเร็วและแรงของมัน ขับพุ่งออกไปทันที
แต่ว่าในเวลานั้น มือถือกลับดังขึ้น
“พี่ไผ่หรือครับตอนนี้อยู่ไหน”
นั่นคือเสียงโทร.เป็นของน้องชาย
“ อยู่ในรถ กำลังจะกลับ คือ พี่ออกจากโรงแรมนั่นแล้ว งานจบ”
ไรเมศรู้มาจากมารดาว่าพี่ชายไปเที่ยวชมงานแสดงแฟชั่นที่โรงแรมกับเพื่อน