ตอนที่ 13
ไปยืนอยู่บนเวทีเอ่ยทักทายกับแขกเหรื่อ เหมือนงานอีเว้นต์ทั่วไป มีพิธีกรเอ่ยสัมภาษณ์หล่อน พอหอมปากหอมคอแขกเหรื่อพากันปรบมือดังก้องให้หล่อน เพราะหล่อนร้องเพลงเพราะ มีน้ำเสียงใสที่กังวานน่าฟังซึ่งไม่ทำให้ใครๆผิดหวังเลย
ส่วนศิรมาดา นั้น สาวใหญ่เอ่ยปากชื่นชมตัวหล่อนอย่างไม่ขาดปากเลยเหมือนเช่นทุกครั้งเมื่อการแสดงและเดินแฟชั่นโชว์ผ่านไปกลับเข้ามาในห้องพักและแต่งตัว เพื่อเตรียมที่จะออกไปโชว์อีกครั้งก่อนที่จะจบและปิดรายการของวันนี้ คั่นระหว่างที่พิธีกรบนเวที นั้นมีเรื่องราวคุยสนุกกับแขกเหรื่ออยู่ด้านนอก
เวลานี้ทั้งๆที่ปาฏลิณรู้สึกเบื่อเบื่อฟังคำนี้เสียเต็มประดาแต่หากเพราะชินแล้วนี่เองแต่ก็จำต้องรับฟังศิรมาดาต่อไปเหมือนว่าทนฟังเสียงนกการ้องบ่นจุกจิก เท่านั้น และเมื่อมีแก้วน้ำส้มคั้น จากทีมงานที่ถือมาวางไว้ตรงหน้า ปาฎลิณก็ยกแก้วขึ้นมาจิบแล้ววางไว้ รู้สึกเย็นชื่นใจแก้กระหายได้ดีพักผ่อนสักนิดแล้วหล่อนจะเดินทางกลับ เพราะหล่อนทำเต็มที่ เป็นที่พึงพอใจของเจ้าภาพ และตัวของศิรมาดา ถึงขนาดตามมาเอาใจถึงที่
และในเวลาต่อมานั้นมีร่างสูงโปร่งของฬวิกที่เขาลิ่วเดินตรงมาพร้อมกับทำท่าหยุดชะงักแต่ว่าคราวนี้ร่างระหงของปาฎลิณนั้นค่อยเบือนกลับมามองเขาอีกครั้งอย่างตอบประสาน ที่เขามองหล่อนด้วยแววตาบางอย่าง เสียงทุ้มกังวาน เอ่ย “เอ้อจะกลับเลยหรือครับคุณป่าน”
ปาฏลิณหันมาตอบ เพราะงานเสร็จแล้ว ไม่จำเป็นที่หล่อนต้องอยู่ต่อ
“ค่ะ เพราะงานจบแล้ว วันนี้ดิฉันทำเต็มที่ และดิฉันรู้สึกเพลียอย่างมาก ก็อยากจะกลับไปพักผ่อนค่ะ”
เขาไม่อยากให้หล่อนรีบไปเดี๋ยวนี้เลยเข้าใจที่หล่อนพูด แต่ไม่ใช่ ก็ปุบปับรีบจากไป ดังนั้นฬวิกจึงหาทางรั้งนางแบบสาวเอาไว้
“เอ้อถ้างั้นผมอยากจะขอเวลาพูดคุยกับคุณไม่นานมาก แค่สิบนาทีได้มั๊ย เพราะมันคงไม่เสียเวลามากอะไรนัก”
เมื่อเขาต้องการอย่างนั้นปาฏลิณจึงยอมพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ”
“ก็ขอบคุณครับที่วันนี้โรงแรมของเราได้คุณ มาช่วยสร้างสีสันและทำให้ทุกคนนั้นประทับใจในตัวคุณอย่างมากเลยทีเดียว” คำชื่นชมของเขาที่มีต่อหล่อน ปาฏลิณเก็บไว้ในใจ
“ถือว่า มันเป็นงานค่ะและคุณเป็นผู้ว่าจ้าง ดิฉันจะต้องทำออกมาให้ดีที่สุด”
“ครับ ก็ไม่ผิดหวังสักนิดเลยจริงๆครับ”
“ขอบคุณ นะคะกับคำชมเอ้อตอนนี้ ดิฉัน เห็นจะต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เขาผายมือให้พร้อมกับรอยยิ้มเข้าใจการตัดสินใจของหล่อน
“ได้ครับ เชิญครับคิดว่าคราวหน้าเราคงจะได้พบเจอกันอีกครั้ง”
“ หรือคะ แต่ว่า มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ”
ครั้นเมื่อปาฏลิณตอบเขาไปแล้ว และหล่อนก็ก้าวตรงไปที่รถคันงามของหล่อน จากนั้นก็ได้ขับออกไป
และมีร่างของฬวิกที่แอบจ้องสายตามองรถกระป๋องสีเขียวตองอ่อนของหล่อน แทนที่จะเป็นสีส้มอย่างคราวก่อนแต่ที่บ้านหล่อนมีรถสปอร์ตคันหรูด้วย จอดไว้ในบ้าน ไม่ค่อยได้ขับ นอกจากมีความจำเป็น ที่หล่อนอยากจะขับ และการเดินทางไกล กระทั่งว่ารถของหล่อนนั้นหายลับสายตาไปจากแนวรั้วของโรงแรมกำแพงสูงและมีแต่ความว่างเปล่า ฬวิกยังยืนกอดอกอยู่ที่เดิม พร้อมกับถอนหายใจ วันนี้เป็นวันที่สุขใจอีกครั้ง
หากเมื่อปาฏลิณนั้นได้กลับเข้าบ้านในเวลานั้นก็จวนสามทุ่มกว่าแต่หล่อนกลับพบว่ามีร่างของอนุราชนั่งคอยอยู่ที่บริเวณโซฟาหน้าห้องรับแขกและพร้อมด้วย อีกอย่างนั้นร่างหนึ่งอวบท้วมชะเง้อมอง เมื่อเห็นรถของลูกสาวแล่นเข้ามาทำให้นางปิ่นทิพย์ชะงักร่างชั่วครู่ เพราะลูกสาว คือปาฏลิณกลับมาแล้ว
“ยายป่าน คงกลับมาถึงแล้วล่ะ อนุ”
“ครับงั้นผมขอตัวไปรับป่านก่อนนะครับแม่ ”
“จ้ะ” คุณปิ่นทิพย์พลอยพยักหน้า เพราะเห็นดีงาม อนุราชเด็กหนุ่มคนนี้เทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านของเขากับบ้านของนางเป็นที่สนิทสนม และการวางตัวดี ทั้งเสมอต้นเสมอปลายด้วยนางปิ่นทิพย์จึงเห็นงามพร้อมที่จะไฟเขียว ให้กับเด็กหนุ่มคนนี้เสมอ
ครั้นเมื่อได้เห็นร่างของปาฎลิณที่เดินคู่มากับ อนุราช ภายในบ้านอย่างนี้ ทำให้นางปิ่นทิพย์ นั้นก็ ลุก จากโซฟาตัวเดิม
“แม่จะขอขึ้นไปชั้นบนก่อนนะก็คุยกันไปตามสบายก็แล้วกัน เพราะแม่ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งสักเท่าไหร่ หรอก เรื่องของหนุ่มสาว ”
และในความจริงแบบนี้ถือว่าอนุราชนั้นเหมือนจะกลายเป็นลูกเขยคนโปรดของนางไปล่วงหน้าแล้วเอหรือว่าอาจจะมากกว่าหล่อนด้วยซ้ำซึ่งเป็นลูกสาวแท้ เอ จะเป็นไปได้หรืออย่างนี้ ปาฏลินแค่ครุ่นคิดเล่นๆ ไปเท่านั้น อีกทั้งรู้สึกหมั่นไส้กับอนุราชบ้าง
“นี่ ดูเหมือนว่านุกำลังงอนๆป่าน อยู่ใช่ไหมจ้ะ”
เมื่อปาฏลิณถาม ในคำพูดที่ไม่สู้ดี เพราะเขากลายเป็นติดลบอนุราชจึงแก้ตัวพร้อมหันมาตอบทันที เพราะ เขากลัวว่าคนรักสาวจะเข้าใจผิดไปด้วยซึ่งมันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวาย ไม่เข้าใจกัน
“ปละเปล่านะ ป่าน ”
แต่หากว่าปาฏลิณไม่ได้กระเซ้าเย้าแหย่ เขาต่อไป เพราะความที่เหนื่อยและเพลียอย่างเห็นได้ชัด
ฝ่ายอนุราชนั้น เวลานี้ เขามีสีหน้า ที่ยิ้มแย้มเอามากๆเลย พร้อมกับหันมาถาม
“นี่ กลับมาถึงบ้านแล้วนะ แต่ทำไม ดูป่านไม่สดชื่นเอาเสียเลย คงเหนื่อยและ ทำงานหนัก
หากแต่ว่าในทางกลับกันทำให้ปาฏลิณรู้สึกอดตำหนิชายคนรักไม่ได้ เพราะแทนที่ว่าเขาควรจะให้กำลังใจ ปาฏลิณเพราะหล่อนก็ไม่ต้องการคำชมหากแต่ต้องการความรู้สึกที่ดีๆจากเขามากกว่า เอหรือเขาจะไม่พอใจหล่อนที่ไปรับปากทำงานนี้ ให้กับ โรงแรมของคุณฬวิก
แต่เขาควรจะรู้ว่า เรื่องงานนั้น หล่อนไม่สามารถ เลือกได้ หรือปฏิเสธลูกค้าผู้ว่าจ้างระดับชั้นสูงของศิรมาดา นั่น คือความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้น มาอย่างเงียบๆ และเพราะฝ่าย อนุราช ที่กำลังทำสีหน้าแบบนิ่งนี่เอง และ เขาทำเงียบกริบ เหมือนรู้ว่าหล่อนไม่พอใจจากนั้นปาฏลิณ ก็เป็นฝ่ายที่รั้งรอและดูท่าทีของเขา ว่าเขาจะเปลี่ยนอิริยาบถ หรือ ใช้คำพูดอะไรอีก ที่ฟังผิดหู