ตอนที่ 3
หล่อนบอกชื่อ ของผับดังแห่งหนึ่งในย่านนั้น
ทำให้ฬวิก นึกครุ่นคิด พร้อมเหลือบมองดูนาฬิกาแค่สามทุ่มกว่า จากนั้น ก็ตัดสินใจทันที เมื่อแสงไฟในห้องสว่างพรึ่บอีกครั้งและเขาก็จัดแจงเลือกเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดูหรูและเหมาะสม สำหรับการออกไปท่องราตรีครั้งนี้ครั้งแรกของเขา หลังจากที่กลับมาเมืองไทย ถือว่าเป็นการฉลองเสียด้วยซ้ำ
ก่อนจะขับรถสปอร์ตคันหรูสีแดงเพลิงไปอย่างเงียบๆในคืนค่ำที่เงียบเหงาเขาไม่ชอบบรรยากาศแบบอึกทึกครึกโครมและลั่นเปรี้ยะแสบแก้วหูจากเสียงดนตรีของเธค แสงสีไฟที่ฉูดฉาด หนุ่มหล่อเหลาจัดบุคลิกค่อนขรึมดวงตาอบอุ่นสีสนิมเหล็ก โครงหน้าเรียว หล่อ บาดใจสาวๆเหลือเกิน
สักครู่นั้นร่างเล็กของหญิงสาวมาดทอมก็เอ่ย พร้อมกวักมือเรียก
“ทางนี้ ทางนี้ ไผ่ ”
ร่างหนุ่มหล่อก้าวตรงไปหาต้นเสียงในวงเหล้ามีที่ว่างสำหรับเขาด้วยหนึ่งที่อาริมาแนะนำตัวเขาอีกครั้ง “นี่ ไผ่ เพื่อนฉัน รู้จักกันไว้สิ ”
ยิ้มสุภาพฉายผ่านริมฝีปากของฬวิกเมื่อได้รู้จักเพื่อนรุ่นน้อง ทั้งสามของอาริมา แดชนก สาธิกา
“ผม ฬวิก หรือ ไผ่ ครับเพิ่งจะกลับมาจากอเมริกา”
เสียงหวานใสดังขึ้น ตอบ
“แซนดี้ รู้ว่าพี่วิก ไปอยู่อเมริกานาน ถึงห้าปีเต็ม เลยไม่ใช่หรือคะ”
ร่างสูงสง่าใบหน้าคมคายจ้องผ่านไปยังผู้พูดก่อนพยักหน้า “ครับ ไม่ทราบว่ารู้จากไหน”
“จากพี่สาวของแซนดี้ ค่ะ ชื่อ พี่ แซนเดรีย หรือ ชื่อไทย ยุกามาศ เป็นนักเรียนไทยที่ลอสแองเจอลิส”
ทำให้ร่างสูงนิ่งฟังพลางครุ่นคิดชื่อยุกามาศ เหมือนชื่อเคยคุ้นหูเนื่องจากทุกปีสมาคมนักเรียนไทย ประจำสหรัฐอเมริกาจะมีมีทติ้งสังสรรค์กัน ในหมู่นักศึกษา และนักเรียนไทยด้วยกันบ่อยครั้ง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาอาริมาเหลือบสายตาจ้องดูนาฬิกาเรือนจิ๋วในข้อมือ
“เอ้อ งั้น พี่ขอตัวกับทุกคนก่อนนะพอดีมีธุระส่วนตัวกับไผ่ จะให้ไผ่ไปส่งที่บ้านพี่ด้วย หวังว่าทุกคนคงเข้าใจ”
ฬวิกก้าวเดินตามเพื่อนสนิทสาวไปอย่างเงียบ แหวกฝูงชนที่ยืนเต้นส่ายเอวไปมาอย่างสนุกสนานเมามันบางคนเต้นแร๊พบางคนร๊อค
ซึ่งผู้คนเหล่านั้นใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุรา กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
และเมื่อเช้าของวันใหม่ก้าวเข้ามาอีกครั้งชีวิตในปัจจุบันของหล่อนสำหรับปาฏลิณคือในวันหยุดนั้นหายากยิ่ง เพราะคิวงานนั้นแน่นเอี้ยดยาวเหยียด เนื่องจากหล่อนเป็นดาวดังอย่างนี้ดังนั้นงานการก็พุ่งเข้ามาหาไม่ต่างจากสายน้ำไหล เช่น ในการโปรโมทสินค้าถ่ายแบบแฟชั่นที่เป็นงานถนัด เป็นพรีเซนเตอร์สินค้ายี่ห้อดัง
อีกครั้งของวันนี้ ที่เสร็จจากการทำงาน เมื่อเวลาบ่ายโมงตรง แล้วหล่อนก็รีบกลับเข้าบ้านเมื่อถึงบ้านแล้ว มีนางปิ่นทิพย์ ผู้เป็นมารดา ออกมายืนรอบอกด้วยรอยยิ้ม
“อนุมา นั่งคอย ป่าน อยู่ตั้งนานแล้ว ละจ้ะ”
อนุราชแต่งกายเรียบง่ายด้วยเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินกับกางเกงผ้าลูกฟูกสวมรองเท้าแตะธรรมดา หล่อน หันไปทักทายเขา
“นี่นุ มาถึง นานแล้วหรือยังคะ”
อนุราชเหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือนิดหนึ่งก่อน ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ก็เพิ่งมาถึง ก่อนป่าน ได้สัก แค่สิบห้านาทีเองจ้ะ”
ต่อจากนั้นทุกคนจึงพากันรับประทานอาหาร ที่คุณปิ่นทิพย์เข้าครัวทำไว้รอ หลังจากทานอาหารเสร็จอิ่มแล้ว จึงลุกจากโต๊ะอาหาร อนุราชอยู่คุยกับปาฏลิณตามลำพัง และนางปิ่นทิพย์ เมื่อเห็นดังนั้น นางจึงเอ่ยเพราะอยากให้หนุ่มสาวอยู่กันตามลำพัง
“ป่านจ้ะ คุยกันตามสบายเถอะ ประเดี๋ยวแม่ จะลงไปดูดงเตยหอม ข้างล่าง เสียหน่อย ไม่รู้แตกยอดงามไปถึงไหนพอตัดขายได้แล้วหรือยัง”
นางปิ่นทิพย์ชอบปลูกดอกไม้ ยิ่งเตยหอมนั้น ท่านชอบเพราะกลิ่นมันหอมเย็นใบสีเขียวสดขจีตัดขายให้ แม่ค้าขนมหวานในละแวกนี้
ปาฏลิณเริ่มเอ่ยก่อน เมื่อมารดาก้าวจากไปแล้ว
“แล้วงานที่อู่ของ นุ เป็นยังไงบ้างคะ ”
อนุราชตอบหล่อน
“ก็เรื่อยๆแหละจ้ะป่าน ลูกค้าขาประจำก็มีเข้า มาทุกวัน ขาจรก็มีบ้าง”
จากนั้นอนุราชหยุดำพูด ก่อนจะครุ่นคิด เอ่ยในสิ่งที่เขาเตรียมมา
“ป่านจ้ะ” เรียกเหมือนกระซิบเบาเสียงเนิบนั้นนุ่มทุ้มแววตาคนพูดฉายถึงความเปี่ยมล้นใน ห้วงใจ
ทำให้ปาฏลิณซึ่งเงี่ยหูรับฟังเขารู้สึกสะเทิ้นเขินอายแต่ก็รีบเสเบือนดวงตามองไปทางอื่น
“ งั้น ก็พูดมาสิคะ ป่านกำลัง ฟังอยู่ นี่ไง”
นางแบบสาวแก้เก้อด้วยน้ำเสียงดุติงเล็กน้อย ก่อนที่ อนุราช จะเป็นฝ่ายเอื้อมยื่นมือหนาของเขามาแตะลงเบาๆที่มือเรียวบอบบาง นุ่มของหล่อน
“ เอ้อ คือว่า นุ อยากจะบอกกับป่านว่าเราแต่งงานกัน เถอะนะ ป่าน”
“นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วนุ ที่ เธอมาขอฉันแต่งงานแบบนเนี้ย”
หญิงสาวตอบไม่จริงจังนัก และดุ ปนขบขันมากกว่า ฝ่ายอนุราชก็ยิ้มแห้งๆ เพราะคำนี้ปาฏลิณ ไม่ค่อยพอใจนัก ก่อนชำเลืองสายตามองไปที่หล่อนด้วย
“แต่ ป่านก็ปฏิเสธเรา มาตลอดเหมือนกัน นี่นา”
และวงหน้าสวยก็เป็นฝ่ายครุ่นคิด เรื่องนี้หรือหล่อนนั้นไม่มีสิทธิ์หวงห้ามเขาได้และในหัวใจของหล่อนนั้นก็ตาม แม้มันดูซับซ้อนเดายาก หากแต่หัวใจหล่อนก็เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ ใสซื่อ เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา เท่านั้น คิดว่า ขอให้อนุราชโปรดจงอดทนรอคอย ต่อไปอีกสักนิด จนกว่าหล่อนจะพร้อมนั่นแหละ หล่อนจะตกลง และที่สำคัญมากกว่านั้นการแต่งงาน หล่อนเคยบอกเขา
เพราะปาฎลิณเคยบอกว่าหล่อนอยากมีลูกสักคนไม่ว่าลูกสาวหรือลูกชายด้วยการรับอุปการะไว้เป็นบุตรบุญธรรม
“ป่าน จ้ะ” เสียงของอนุราชเรียก หล่อนอีกจนว่าปาฏลิณนั้นเกือบสะดุ้งทีเดียว
และเมื่อเสียงอนุราช นั้นแผ่วต่ำลงไปอีก
“ขา อนุ มีอะไรหรือคะ เรียกเบาๆก็ได้ ดังเสียจนตกใจหมด” หล่อนหันมาขานรับ
“นุ ขอโทษจ้ะ เรื่องนี้ไง เอ้อ ป่านเคยบอกกับนุว่าป่านอยากจะมีลูกใช่ไหมจ้ะตอนนี้นุสามารถทำในสิ่งที่ป่านต้องการได้แล้วนะ”
และในเวลานั้นหัวใจของปาฏลิณก็เต้นแรงขึ้นถี่ๆ ตามจังหวะและเงี่ยหูฟังเขาจริงนะหรือแล้วหล่อนพยักหน้า
“ใช่ค่ะ แล้วไงอีก” เป็นคำตอบของปาฎลิณ
ซึ่งอนุราช ก็ยิ้มออกมาด้วยประกายตาของ คนที่เปี่ยมความหวัง พบสุข เพราะมีนางฟ้าใจดีเข้ามาช่วยเหลือเธอ แล้ว ไปรดาว... น้องพี่