Excuse Me คุณครับมารักกันไหม? 6
“พี่ฟิน!!!”
“ตะโกนทำไมเนี่ย”
“ก็ส่งสัญญาณไง” เสียงตะโกนที่ดังอยู่หน้าบ้านทำให้แฟนที่นั่งวาดรูปอยู่ชะโงกหน้าไปมองด้วยความสนใจก่อนจะกระโดดโลดเต้นเมื่อเห็นว่าใครที่เป็นคนส่งเสียงเรียก
“ม๊า! อาเกรย์”
“หือ?” ฉันขยับลุกขึ้นยืนจากหน้าโต๊ะที่เต็มไปด้วยกระดาษวาดรูปของลูกชาย ร่างสูง ๆ ของสองพี่น้องฝาแฝดยืนอยู่ที่หน้าบ้าน วันนี้วันหยุดด้วยฉันนึกว่าเขาพูดเล่นเสียอีกน้องเกรย์น่ะที่บอกจะมาบ้านในวันหยุดแบบนี้
“ผมมาชวนไปซื้อของ”
“ซื้อของ?” ฉันทวนถามเมื่อเดินออกมาถึงหน้าบ้าน รู้สึกประหม่าไม่น้อยกับสายตาคมกริบที่จ้องฉันทุกการเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้กระทั่งคำทักทาย
“ครับ กุ้งไงที่บอกว่าวันนี้จะซื้อมาทำทะเลเผากัน อยากชวนไปซื้อด้วยกัน ไปด้วยกันนะครับ”
“พี่นึกว่าพูดเล่น” ฉันมองสองพี่น้อง ที่ดูเหมือนจะติดลูกชายฉันเหลือเกินชอบมาเล่น ชอบซื้อขนมและของเล่นมาให้อีก
“พูดจริงครับ ผมจะชวนพิมพ์ด้วย” เกรย์ป้องปากกระซิบ คนเป็นพี่ชายเขาส่ายหน้าอย่างปลงตกกับความทะเล้นของน้องชายตัวเอง
“อื้อ ชวนพิมพ์เลยพี่ขอเข้าไปเอากระเป๋าสตางค์ก่อน”
“อาเกรย์!! เอ๊ะ อากราฟ”
“คิก อากราฟ” เกรย์หลุดขำคิกคักเมื่อแฟนเรียกพี่ชายตัวเองว่าอา คนเป็นพี่ตีหน้าดุมองน้องชายก่อนจะย่อตัวลงรับแฟนที่วิ่งพุ่งเข้าไปหา ไม่นานลูกชายฉันก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของกราฟ แขนเล็กยกโอบรอบคอทันทีราวกับว่าสนิทชิดเชื้อกับอีกฝ่ายมานาน
“เข้ามาก่อนไหม? เรียกน้องพิมพ์เสร็จก็มาบ้านพี่ เอารถพี่ไปก็ได้”
“แบบนั้นก็ได้ครับ” เกรย์เดินแยกห่างออกไป ส่วนแฝดคนพี่อย่างกราฟก็อุ้มแฟนเดินตามฉันเข้ามาในบ้าน สองคนด้านหลังคุยกันเสียงเบาจนฟังไม่ได้ศัพท์ว่าเขาคุยอะไรกันบ้าง
“พี่ลิลลี่ฝากเสิร์ฟน้ำแขกด้วยนะคะ”
“ได้ค่า”
“เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาของก่อนนะ”
“ครับ เดี๋ยวเล่นรอ” น้องกราฟบอก จากนั้นฉันก็เดินขึ้นชั้นสองของบ้าน หยิบกระเป๋าสตางค์ติดมือมาจากนั้นก็รีบเดินลงมาที่ชั้นหนึ่งเพื่อเตรียมเดินทางไปซื้อของ ช่วงนี้ก็แปลก ๆ ดีนะ เมื่อก่อนรู้จักแค่น้องพิมพ์ที่ทักทายกันบ้างแต่หลัง ๆ มามีสองแฝดที่แวะเวียนมาหา เลยรู้สึกว่าบ้านไม่ได้เงียบเหมือนเมื่อก่อน
“เกรย์มันบอกว่าพิมพ์ไม่สบาย ให้เราไปซื้อเลยมันจะดูพิมพ์ก่อน”
“ไม่สบายเหรอ? แล้วจะมากินข้าวด้วยได้ไหม”
“เกรย์น่าจะพามา”
“งั้นเดี๋ยวพี่ให้พี่ลิลลี่ทำข้าวต้มไว้ให้ดีกว่า”
“ครับ แบบนั้นก็ได้ ไปกันเลยไหม” พูดน้อยเสียจริงแฝดคนพี่เนี่ย
“พี่ลิลลี่ ฟินกับแฟนจะออกไปซื้อของนะคะ ฝากพี่ลิลลี่ทำข้าวต้มไว้ให้ด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะคุณฟิน” พี่ลิลลี่เดินออกมาส่งที่หน้าบ้าน รอกระทั่งรถเคลื่อนออกจากที่จอด ประตูรั้วถูกปิดอย่างมิดชิด และครั้งนี้ฉันไม่ได้ขับรถเองเพราะมีคนอาสาขับให้ แต่ฉันต้องมานั่งที่เบาะด้านหน้าคู่กับเขานี่สิส่วนพี่แฟนก็นั่งที่คาร์ซิท ประจำตำแหน่ง
“ไปที่ห้างกันดีไหมครับ ตอนนี้เดินตลาดออกจะร้อนไปเสียหน่อย” กราฟเสนอ
“ได้ พี่ได้หมดเลย”
“ครับ” เหมือนแฝดคนพี่อย่างน้องกราฟจะพูดไม่ค่อยเก่งเหมือนเจ้าเกรย์นะ เพราะรายนั้นพูดจนแฟนหลับใส่ก็มี พูดเก่งมาก
“ม๊าครับ”
“ครับลูก” ขานรับพร้อมกับเอี้ยวตัวไปมองลูกชายเล็กน้อย
“พี่แฟนอยากไปทะเลแล้วครับ”
“ลุงใกล้มาแล้วครับ เดี๋ยวรอไปพร้อมลุงกันนะ”
“ครับ” เมื่อได้คำตอบเจ้าตัวเล็กก็สบายขึ้นมากแกว่งขาไปมามองรถคันอื่นที่วิ่งแซงขึ้นมาหรือรถที่เราแซงขึ้นไป
“พี่จะไปเที่ยวเหรอ?”
“ใช่แล้ว ทริปครอบครัวน่ะ”
“ผมไปด้วยได้ไหม?” อะไรของเขากันจู่ ๆ มาขอไปเที่ยวด้วย แล้วอีกอย่างนะฉันให้ไปด้วยไม่ได้หรอกเพราะอยากให้ความเป็นส่วนตัวกับพี่ชายของฉันด้วย นาน ๆ จะมีโอกาสพักผ่อน ฉันเองก็อยากให้พี่ได้พักเก็บพลังได้เต็มที่
“ขอโทษด้วยนะ แต่ครั้งนี้ไม่ได้จริง ๆ อยากให้ความเป็นส่วนตัวกับพี่ชายน่ะ”
“ไม่เป็นไรผมเข้าใจครับ” น้องยอมอย่างง่าย เราจอดรถเสร็จก็เตรียมของลงจากรถ กราฟรีบลงจากรถเปิดประตูฝั่งที่แฟนนั่งจัดการปลดเข็มขัดคาร์ซิทให้แฟนจากนั้นก็อุ้มเจ้าตัวเล็กลงมายืนอยู่ข้างรถกราฟเสร็จก็ล็อกรถทันที
“เข้าไปซื้อของกันครับ” กราฟชวน ฉันได้แต่เดินตามทั้งสองคนไปเหมือนเจ้าตัวแสบอย่างแฟนจะชอบใจมากที่มีกราฟมาด้วย กราฟวางพี่แฟนลงบนรถเข็นโดยที่ลูกชายฉันเกาะรถให้กราฟเข็นตามฉันที่เดินดูของ กระทั่งเราเดินมาฝั่งของสด
“ม๊า! กุ้ง กุ้ง”
“ครับ ๆ ม๊าเห็นแล้วลูก” มองลูกชายที่ตื่นเต้นกับกุ้งที่กระบะของสดไม่ได้ ของโปรดเจ้าตัวล่ะนะ
“ให้ม๊าเลือกกุ้ง เราไปเลือกขนกับป๊าดีกว่า”
“ฮะ?” หันกลับไปมองเมื่อได้ยินประโยคนั้นแต่ก็ไม่ทันได้พูดอะไรเมื่อกราฟเข็นรถเข็นทิ้งห่างออกไปแล้ว คนตัวเล็กบนรถเข็นชี้นู่นชี้นี่พร้อมกับรอยยิ้มมีความสุข แต่เมื่อกี้ฉันฟังไม่ผิดหรอกใช่ไหมว่าเขาแทนตัวเองว่าป๊าน่ะ
ฉันเลือกของสดที่จะนำไปทำทะเลเผากระทั่งได้ของจนเป็นที่น่าพอใจก็มองซ้ายขวาเพราะของเยอะเกินไปจะถือเดินรอบห้างก็คิดว่าไม่เหมาะเท่าไหร่
“ม๊า!”
“โอ๊ะ! ม๊าตกใจหมดเลยลูก” แฟนที่ยังอยู่บนรถเข็นเอ่ยเรียกพร้อมกับยื่นมือมาแตะที่หลังฉัน เมื่อมีท่าทีตกใจเจ้าตัวเล็กก็หัวเราะอย่างพอใจที่แกล้งฉันได้สำเร็จ
“คิกคิก ป๊าบอกให้แกล้งม๊า”
“ป๊า? พี่แฟนอย่าเรียกคนอื่นว่าป๊าลูก”
“เรียกได้ ผมให้เรียกเอง” คนที่ยืนนิ่งมองเราเอ่ยขัดเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันบอกลูกชาย
“ไม่ได้”
“ได้ครับ”
“กราฟ” ฉันเรียกและมองอีกฝ่ายดุ ๆ แต่เหมือนน้องจะไม่ได้กลัวเลยสักนิดเพราะน้องเดินเข้ามาช่วยหยิบถุงของสดขึ้นไปวางไว้บนรถเข็นจากนั้นก็เข็นรถทิ้งห่างออกไป เป็นฉันเองที่ต้องรีบเดินตามรถเข็น ให้มันได้อย่างนี้สิ เขาเป็นใครทำไมต้องมาทำแบบนี้กับฉันด้วย
“กลับบ้านกันครับ” เมื่อเดินซื้อของจนครบกราฟก็หันกลับมาบอกฉัน ตลอดเวลาคิดเงินเราไม่ได้พูดอะไรกันเลย มีเพียงแฟนเท่านั้นที่คุยโม้อะไรไปเรื่อย กระทั่งถึงบ้านพี่ลิลลี่ก็ช่วยทำเมนูที่อยากกินให้ ส่วนกราฟและแฟนประกอบของเล่นที่ห้องรับแขกพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของแฟน มีความสุขจังเลยนะลูกชายฉันน่ะ
“ม๊ามีคนมา” แฟนเงยหน้ามองฉันเมื่อได้ยินเสียงกริ่งดัง
“เดี๋ยวม๊าไปดูเองลูก” บอกลูกชายจากนั้นก็เดินออกจากบ้าน ตัวบ้านอยู่ห่างจากรั้วบ้านเล็กน้อยถ้าคิดแบบจอดรถก็จอดได้สองคนต่อกันอะ มีพื้นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นมีชายหญิงคู่หนึ่งยืนยืดคอส่องดูภายในบ้านฉันอย่างไร้มารยาท
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ฉันเอ่ยถามเพราะเหมือนคนตรงหน้าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายอะไรสักอย่าง
“บ้านคุณเทลใช่ไหม”
“เทลไหนคะ? ไม่มีคนชื่อนี้”
“ไม่ใช่ได้ยังไง ก็ซื้อข่าวมาแบบนี้” ซื้อข่าว? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมมีการซื้อขายที่อยู่พี่เทลแบบนี้ ทั้งที่ฉันก็ไม่ค่อยออกสื่อและน้อยคนนักที่จะรู้ว่าฉันเป็นน้องพี่เทล
“ไม่ใช่แล้วค่ะ คุณเข้าใจผิดแล้ว” ฉันยังปฏิเสธ
“เข้าใจผิดได้ยังไง ซื้อข้อมูลมาตั้งหายหมื่น ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม!” เสียงพูดที่ดังขึ้นมือทั้งคู่ก็เขย่าประตูรั้วและเริ่มทำตัวไม่น่ารัก
“หยุดเลยนะ อย่ามาทำแบบนี้นี่บ้านเรานะ”
“ก็เปิดสิ! หรือเทลแอบอยู่ด้านใน! ต้องใช่แน่ ๆ”
“หยุด!!” เสียงทุ้มเข้มดังจากด้านหลัง สองคนตรงหน้าชะงักค้างมองด้านหลังอย่างตกใจ กราฟเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ ฉันกวาดสายตามองคนนอกรั้วอย่างไม่พอใจ
“ผมแจ้งตำรวจแน่ถ้ายังไม่หยุด”
“แกเป็นใคร เข้ามาอยู่ที่บ้านเทลยังไง” สองคนตรงหน้ายังกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะถาม แต่มันใช่เรื่องที่จะมาถามกันไหมฉันอยากรู้
“ก็นี่มันบ้านผม ไม่มีคนชื่อเทลทั้งนั้น เขาย้ายบ้านหนีซาแซงแบบพวกคุณไปแล้ว”
“ก็แหล่งข่าว...”
“แหล่งข่าวอะไรมันเชื่อได้ไหม ผมอยู่ที่บ้านหลังนี้ไม่มีคนชื่อเทล ถ้ายังมีมาแบบนี้อยู่อีกผมแจ้งตำรวจแน่ กลับไป!” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินน้องพูดประโยคยาว ๆ แบบนี้ และน้องดูน่ากลัวมากจริง ๆ
“เข้าบ้านกันเถอะ” น้องหันกลับมาบอกเสียงเบาจากนั้นก็จับมือเดินเข้าบ้าน ลอบมองด้านหลังก็พบว่าสองคนนั้นไม่อยู่แล้ว
“เป็นแบบนี้บ่อยเหรอ?”
“อื้อ สักเดือนละสองสามครั้ง”
“อันตรายมากเลยนะ ถ้าบุกเข้ามาในบ้านทำยังไง” น้องจ้องอย่างกังวล
“คงไม่มีมาแล้วล่ะ” ฉันเองก็ไม่มั่นใจแต่ก็ไม่อยากให้ใครมากังวลกับเรื่องของฉันมากขนาดนี้
“แล้วคนที่ชื่อเทล...”
“พี่ชายพี่เอง เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เรามีกันอยู่แค่นี้เพราะพ่อแม่เราเสียตอนเกิดอุบัติเหตุพี่เขาอยู่ต่างประเทศน่ะ”
“มีชื่อเสียงด้วยใช่ไหม”
“อื้อ แต่ไม่ขอบอกอะไรเพิ่มนะ”
“ครับผมเข้าใจ”
“ม๊าใครเหรอ?” แฟนที่นั่งเล่นของเล่นอยู่เงยหน้าขึ้นถามฉันตามประสาเด็กขี้สงสัย
“เขามาผิดบ้านครับ”
“อ๋อ”
“คุณฟินกับข้าวเสร็จแล้วนะคะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ลิลลี่ พี่แบ่งไปกินได้เลยนะ”
“ค่า” พี่ลิลลี่ยิ้มรับ
“เรียกเกรย์กับน้องพิมพ์มาหน่อย” บอกคนตัวสูงที่เดินมาทรุดนั่งข้าง ๆ ฉันที่โซฟา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากนั้นก็กดโทรหาปลายสาย
“มากินข้าว” พูดจบก็วางสาย สั้นมาก นี่พี่กับน้องเขาคุยกันแบบนี้เองหรอกเหรอ เป็นงงเหมือนกัน
“น้องแฟนล้างมือกินข้าวค่ะ” บอกลูกชาย
“ป๊า ม๊า ล้างมือกินข้าวครับ!”
ให้ตายสิ ลูกฉันจะติดเรียกกราฟว่าป๊าแบบนี้ไม่ได้นะ!!