Excuse Me คุณครับมารักกันไหม? 5
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ” พี่ลิลลี่เดินออกมารับเมื่อรถหยุดจอดที่โรงจอดรถ
“กลับมาแล้วค่ะ” เอ่ยบอกแม่บ้าน จากนั้นก็เปิดประตูรถอุ้มลูกชายลงมา
“สวัสดีครับ” แฟนยกมือไหว้แม่บ้านด้วยท่าทางแสนจะน่ารัก
“สวัสดีค่ะ เข้าบ้านกันค่ะ” พี่ลิลลี่ยิ้มกว้างส่งมาให้พร้อมกับเข้ามาช่วยถือกระเป๋า ส่วนแฟนวิ่งนำเข้าบ้านไปแล้วเมื่อเดินตามเข้าไปจนถึงด้านในก็เห็นเจ้าตัวเล็กปีนขึ้นโซฟานอนแผ่บนโซฟาชุดนักเรียนหลุดลุ่ย เหมือนใครเนี่ยฉันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ
“เดี๋ยวลิลลี่ทำอาหารก่อนนะคะคุณฟิน”
“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
“ยินดีมาก ๆ เลยค่ะ” แม่บ้านเดินเข้าห้องครัว ฉันจึงเดินไปนั่งใกล้ ๆ กับลูกชายที่นอนบนโซฟา
“อาบน้ำก่อนไหมลูก”
“ฮื่อ ไม่เอา” เริ่มงอแงอีกแล้ว
“วันนี้มีคนฝากของเล่นมาให้ด้วยนะ ไม่อยากเล่นของเล่นเหรอ?”
“ของเล่น?”
“ใช่แล้ว มีคนฝากมาให้”
“หนูเล่น!”
“งั้นก็ไปอาบน้ำกันค่ะจะได้กินข้าวแล้วมาเล่นของเล่น แบบนั้นดีไหม?” ยื่นข้อเสนอให้กับลูกชาย
“ดีครับ!”
แฟนยอมขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดอย่างง่ายดายเมื่อมีข้อแลกเปลี่ยน เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นเป็นชุดที่ฉันเลือกให้ลูกชายใส่เพียงเพราะรู้สึกว่าลูกใส่แล้วต้องสบายรู้สึกสบายตัวแน่ ๆ
“คุณฟินคะ มีคนมาหาค่ะ” พี่ลิลลี่รีบบอกจังหวะที่ฉันพาลูกเดินลงบันไดมาจนถึงขั้นสุดท้าย
“ใครคะ?” ทวนถามพี่ลิลลี่กลับไป
“ไม่ทราบค่ะ พี่ให้รออยู่นอกรั้ว” นี่คือข้อดีของพี่ลิลลี่แม่บ้านฉัน เพราะหากใครเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักพี่ลิลลี่จะไม่ยอมให้เข้ามาในบ้านถึงแม้คนมาบ้านจะยืนยันว่ารู้จักฉันจริง ๆ แม้กระทั่งพี่เทลที่มาหาช่วงแรก ๆ หลังจากที่ซื้อบ้านได้ไม่นาน พี่ลิลลี่ยังไม่ให้เข้าบ้านต้องรอฉันกลับบ้านแต่กว่าฉันจะกลับมาถึงบ้านก็รู้สึกสงสารเลยเอาเก้าอี้กับร่มไปให้พี่เทลนั่งกางร่มรอฉันกลับมา ฮ่า ๆ ๆ ๆ ตอนนั้นสงสัยเหมือนกันว่าทำไมไม่โทรหาฉันไม่ว่าพี่ลิลลี่หรือพี่เทล ทำไมต้องทนนั่งกางร่มรอ เรื่องนี้แซวพี่เทลได้นานเลยล่ะ อยากเข้าบ้านตัวเองแต่เข้าไม่ได้เพราะแม่บ้านไม่รู้จัก
“ไปดูกันครับว่าใครมาหาเรา” ชวนลูกชาย จากนั้นก็เดินจับมือกันเดินออกจากบ้าน ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าบ้านในมือถือถุงข้าวของมาเสียมากมาย ขายตรงหรือเปล่าเนี่ย
“พี่ฟิน...”
“คะ? อ้าว คุณมาทำอะไรคะ” ความสงสัยตีขึ้นมาเมื่อเห็นแขกที่มาเยี่ยมเยียนที่บ้าน
“พี่ชายผมให้เอาของเล่นมาให้แฟนครับ มันต้องบินไปสิงคโปร์แต่มีของเล่นเยอะมันเลยให้เอามาให้ก่อน” คนมาหารีบแจ้งให้ทราบ
“พี่ชาย?”
“ครับ พี่ชายฝาแฝดผมชื่อกราฟ ส่วนผมชื่อเกรย์ คือขอเข้าไปในบ้านได้ไหมครับ แต่ถ้ากลัวก็ไม่เป็นไรครับ” คนชื่อเกรย์รีบบอก เข้าใจว่าฉันลังเลเพราะกลัวเนื่องจากเขาเองก็เป็นผู้ชาย ที่จริงก็กลัวนั่นแหละเพราะทั้งบ้านมีแต่ผู้หญิงกับเด็กหนึ่งคน
“เข้ามาได้ แต่จะไม่ทำอะไรพี่จริง ๆ ใช่ไหม”
“ครับ สัญญาเลย” น้องยืนยัน ฉันจึงเดินเข้าไปเปิดประตูรั้วให้น้อง
“เดินมาเหรอ?” ถามด้วยความสงสัย
“ครับ บ้านอยู่ตรงนี้เองข้างบ้านพิมพ์”
“โห ใกล้กันมากเลยไม่เคยเห็นเลย” มองอีกฝ่ายอย่างตกใจ เพราะมาอยู่นี่สองปีเกือบสองปีครึ่งฉันไม่เคยเจอน้องเลย จริง ๆ นะเหมือนไม่ได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้มาก่อน
“ปกติไม่ค่อยออกจากบ้านครับ” น้องเกรย์เอ่ยตอบ
“เหมือนน้องพิมพ์เลย น้องพิมพ์ก็ไม่ค่อยออกจากบ้านจนพี่เป็นห่วง อ้อ กินข้าวเย็นหรือยังกินด้วยกันไหมพี่จะได้ชวนน้องพิมพ์ด้วยเลย”
“งั้นรบกวนด้วยนะครับพี่”
“ได้เลย เดี๋ยวพี่โทรชวนน้องพิมพ์ก่อน”
“ครับ”
“คุณอา!”
“ครับ นี่อาเกรย์นะจำได้ไหม”
“จำได้ครับ!”
เสียงแฟนและน้องเกรย์คุยกัน จากนั้นก็ได้ยินเสียงแกะกล่องของเล่น ฉันเดินออกมาไม่ไกลจากจุดที่แฟนนั่งเล่นกับเกรย์พร้อมกับโทรหาน้องพิมพ์ที่อยู่บ้านข้าง ๆ เพื่อชวนมากินข้าวเย็นด้วยกัน ไม่ลืมบอกว่าน้องเกรย์มาด้วย กลัวน้องจะงอนถ้ามาแล้วเจอเกรย์อยู่ที่นี่ด้วยดูท่าแล้วทั้งคู่คงจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่
“พี่ลิลลี่ฝากทำกับข้าวเพิ่มด้วยนะคะมีแขกเพิ่มสองคน”
“ได้ค่า”
“พี่ฟินผมถ่ายรูปคู่กับแฟนได้ไหมครับ” น้องเกรย์เอ่ยถามเมื่อฉันเดินกลับเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น
“น่าจะได้นะ”
“ขอบคุณครับ ผมจะส่งไปอวดกราฟมัน สมน้ำหน้ารับงานไกล”
“เกรย์”
“ครับพี่” น้องเกรย์หันมามองเมื่อได้ยินฉันเรียกชื่อเจ้าตัว
“ทำไมกราฟเหมือนจะชอบแฟนขนาดนั้นล่ะ”
“พี่รอมันมาบอกเองดีกว่าครับ แต่พวกเราเข้าหาพี่ไม่มีอะไรแอบแฝงจริง ๆ แต่ไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว” เกรย์มองมาด้วยสายตาจริงจัง
“พี่ไม่ค่อยเข้าใจ”
“รอมันมาค่อยคุยแล้วกันนะครับ แต่พี่ถ่ายรูปให้ผมกับแฟนหน่อยสิครับ”
“ได้ ๆ มาพี่ถ่ายให้” นั่งเล่นกันสักพักกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น ฉันที่กำลังลุกแต่น้องเกรย์ก็อาสาไปเปิดให้
“อย่าชวนกันทะเลาะนะ ให้รีบเข้ามากินข้าว” ฉันรีบเอ่ยห้ามไว้ก่อน เกรย์หัวเราะเบา ๆ เมื่อถูกดักทางไว้
“ครับพี่”
“ตั้งโต๊ะเลยไหมคะคุณฟิน”
“ตั้งเลยค่ะพี่ลิลลี่” บอกพี่ลิลลี่ จากนั้นก็ขยับเข้าไปชวนลูกชายไปกินข้าวเพราะกลัวจะเลยเวลากินข้าวไปเสียก่อน
“พี่แฟนล้างมือกินข้าวครับ มีน้าพิมพ์กับน้าเกรย์ด้วยนะ”
“ขอเป็นอาได้ไหมครับพี่ฟิน”
“หือ? อาเหรอ” ถามคนที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาในบ้าน ข้าง ๆ กายนั้นมีน้องพิมพ์เดินมาด้วย แต่อาเหรอ รู้สึกแปลก ๆ แฮะถ้าจะให้ลูกเรียกว่าอา
“นะครับ แบบเป็นน้าแล้วไม่ชิน ขอเป็นอานะครับ” จู่ ๆ เกรย์ก็เอ่ยอ้อนอย่างที่ไม่เคยเป็น ทำไม ทำไมเวลาเกรย์อ้อนแล้วรู้สึกคุ้นแบบนี้เหมือนเคยเห็น
“ก็ได้ งั้นเป็นอาเกรย์แล้วกันนะ”
“ขอบคุณครับ” น้องเกรย์ยิ้มกว้าง
“อาเกรย์ล้างมือกินข้าว!” แฟนตะโกนเรียกน้องเกรย์จากนั้นทั้งคู่ก็เดินจับมือกันเดินเข้าไปล้างมือที่ห้องน้ำ ทิ้งให้ฉันและน้องพิมพ์มองตามด้วยความงงงวย ทำไมเหมือนสนิทกันมากขนาดนี้ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่
“น้องพิมพ์ไปกัน เราไปกินข้าวกันดีกว่า”
“รบกวนด้วยนะคะพี่ฟิน”
“ยินดีจ้า มา ๆ นั่งเลย”
ฉันพาน้องพิมพ์เดินมากระทั่งถึงห้องกินข้าว พี่ลิลลี่ทยอยนำกับข้าวออกมาเรียงไว้ที่โต๊ะ เสียงหัวเราะดังมาจากห้องน้ำสักพักเกรย์ก็เดินมาถึงพร้อมกับอุ้มแฟนมาด้วย
“กินข้าวได้แล้วค่ะ แฟนมานั่งข้างม๊ามา” เอ่ยเรียกลูกชาย ไม่นานเราก็นั่งลงที่เก้าอี้โดยที่ฉันนั่งข้างแฟนลูกชายตัวเอง ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นน้องพิมพ์ที่นั่งข้างกับน้องเกรย์ ฉันภาวนาในใจขอให้ทั้งสองอย่าตีกันตอนนี้เลย
“กินข้าวกันเถอะ” ฉันชวน จากนั้นเราก็เริ่มลงมือกินข้าวพร้อม ๆ กัน แฟนดูดีใจมากที่มีคนนั่งกินข้าวด้วยหลายคน จนต้องดุให้กินข้าวบ้างนั่นแหละถึงได้ยอมอ้าปากรับข้าวที่ป้อน แฟนกินข้าวเองได้บ้างแต่บางทีก็ติดเล่นฉันจึงต้องป้อนช่วยในบางครั้ง
“กุ้ง พี่แฟนชอบ”
“เอาไว้วันหยุดอาเกรย์ซื้อกุ้งมาฝาก เรามาทำกุ้งเผากันดีไหม” น้องเกรย์ถามแฟนพร้อมทำหน้าทำตาชวนตื่นเต้น
“เย้!”
“แฟนลูก กินข้าวก่อน”
“ครับ น้าพิมพ์กุ้ง ๆ” แฟนตักกุ้งยื่นให้น้องพิมพ์
“ขอบคุณใจครับ น้องแฟนกินเยอะ ๆ นะ”
“ครับ!”
กว่าที่มื้อเย็นเราจะจบลงก็เกือบหนึ่งทุ่มครึ่ง น้องเกรย์ขอตัวกลับก่อนเพราะต้องออกไปข้างนอกส่วนของเล่นจะกลับมาพาแฟนประกอบอีกที ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ยอมกลับไปคนเดียวแต่ยังดึงมือน้องพิมพ์ออกไปด้วย แม้จะดูเหมือนกวนประสาทแต่เอาจริงทั้งสายตาและการกระทำของน้องเกรย์ดูห่วงใยน้องพิมพ์มากเลยนะ ดูเป็นห่วงยังไงไม่รู้อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่ห่วงอะ สายตาคู่นั้นที่มองน้องพิมพ์คือห่วงมากจริง ๆ
“ม๊าครับ”
“ครับลูก”
“พี่แฟนอยากกอดมาแล้วหลับ” อ้อนเก่งจังเลยนะลูกชายฉันเนี่ย
“ม๊าขออาบน้ำก่อนนะครับแล้วจะรีบออกมากอดพี่แฟนนะ”
“พี่แฟนรอครับ”
“ครับลูก”