Excuse Me คุณครับมารักกันไหม? 3
หลายวันผ่านไป เจ้าตัวเล็กยังคงสดใสร่าเริงอยู่ตลอด ตอนเช้าไปส่งที่โรงเรียน ตกเย็นไปรับกลับมาที่ร้านเป็นแบบนี้ในทุกวัน หากวันไหนมีวันหยุดก็จะพาอยู่บ้านบ้างมาเล่นที่ร้านบ้างแล้วแต่สถานการณ์ อย่างเช่นวันนี้เพื่อนฉันนัดไปกินมื้อเย็นด้วยกันที่ร้านชาบูแห่งหนึ่งซึ่งเป็นร้านโปรดของเรา เจ้าตัวเล็กตื่นเต้นใหญ่เมื่อจะได้ไปเจอน้าๆ ที่ไม่ได้เจอมานานยกเว้นน้าวรา ที่เป็นเจ้าของโรงเรียนที่เจ้าตัวเรียนอยู่ ส่วนน้าสิระเจ้าตัวอยากเจอมากเพราะแฟนบอกว่าเล่นต่อสู้กับน้าสิระได้ ซึ่งทั้งสองคนเป็นเพื่อนฉันเองรู้จักกันตั้งแต่ปีหนึ่งผ่านอะไรมามากมายจึงทำให้สนิทและรักกันมากแบบนี้ แต่ก่อนอื่นฉันต้องทำขนมเสียก่อนเพราะหน้าร้านใกล้หมดแล้ว
“พี่แฟนม๊าจะไปทำขนมนะคะ หนูอยู่กับป้าบุษได้ไหมลูก”
“ได้ครับ”
“เก่งมากเลย พี่บุษคะฝากแฟนด้วยนะคะ ขอเข้าไปทำขนมก่อน”
“ได้เลยค่ะ”
พี่บุษยิ้มรับ ฉันหอมแก้มลูกชายอีกครั้งแล้วขยับออกห่างเพื่อเข้าห้องทำขนม ครัวทำขนมและอาหารคาวจะแยกกันอยู่ชัดเจน ฉันค่อยๆ ทำแป้งและเตรียมส่วนผสมทำเค้กออกมาชั่งตวงจากนั้นก็ผสมเข้าด้วยกัน ระหว่างรอแป้งสุกก็เตรียมครีมไว้รวมถึงผลไม้ตกแต่ง นอกจากเค้กแล้วฉันยังต้องทำบราวนี่และคุกกี้ด้วย
“ช็อกโกแลตจะหมดเหรอเนี่ย” พึมพำกับตัวเอง หยิบช็อกโกแลตขึ้นมาตีผสมกับไข่เนยแป้งเสร็จก็เทลงพิมพ์เพื่อเตรียมเข้าอบ
ใช้เวลาในห้องอบหลายชั่วโมงทุกอย่างก็เสร็จ พร้อมกับเค้กที่ถูกตัดเป็นชิ้นน่าทาน เค้กทำได้สองรสชาติเท่านั้นคือเค้กชาเขียวและเค้กนมสด ยังดีที่มีคุกกี้และบราวนี่ ฉันพักขนมไว้เดินหาปากกาและกระดาษเช็กวัตถุดิบทำขนมที่ใกล้หมด ฉันต้องสั่งและเข้าไปรับกับที่ร้านเองถึงจะได้ส่วนลด
กลิ่นหอมเนยลอยคลุ้งทั่วทั้งห้องอบ กระทั่งเปิดประตูออกจากห้องอบยังรู้สึกได้เลยว่ามีกลิ่นเนยหอมๆ ติดตัวมาด้วย ฉันเดินเข้าไปล้างมือที่ห้องน้ำก่อนจะออกมายืนดูลูกค้าที่นั่งเต็มร้าน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเที่ยงลูกค้าที่ร้านจะเยอะเป็นพิเศษ ทำให้พนักงานที่ร้านเดินวุ่นไปหมด
“อรเห็นแฟนไหม ไม่รู้เล่นซนอยู่ไหน” เอ่ยถามพนักงานที่กำลังจะเดินผ่านไป
“นู่นเลยค่ะ รับออเดอร์อยู่ วันนี้เจ้าตัวได้ทิปเยอะเลยค่ะ” น้องอรพนักงานที่ร้านเล่าให้ฟังขำๆ
“ฮ่าๆๆ เขาชอบทำอะไรแบบนี้มากพี่ก็ไม่เข้าใจ ฝากบอกว่าพี่เรียกด้วยนะ จะดูว่าวิ่งเร็วแค่ไหน”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวอรบอกให้” น้องอรเดินถือเมนูไปยังโต๊ะฉันมองลูกชายอยู่ตลอดโต๊ะที่ตัวเล็กเข้าไปรับออเดอร์เป็นโต๊ะที่มาเป็นครอบครัวมีเด็กตัวเล็กมาด้วยนะ ฉันละสายตาจากลูกค้ามองดูเจ้าตัวเล็กที่ทำหน้าตกใจรีบเดินกลับมายังจุดที่ฉันอยู่
“ม๊าครับ พี่แฟนหิว”
“หือ? อยากกินอะไรคะเดี๋ยวม๊าทำให้” เอ่ยถาม คนตัวเล็กที่เหมือนจะเล่นซนมาตลอดหลายวัน
“ไข่ตุ๋นได้ไหมครับ”
“ได้ครับ เดี๋ยวม๊าเข้าครัวไปทำให้ แต่พี่แฟนต้องเข้าไปรอแม่ในห้องนะ”
“ได้ครับ พี่แฟนเด็กดี” หึ ชมตัวเองก็ได้เหรอเนี่ย ฉันมองลูกชายที่เดินไปนั่งรอที่โซฟาในห้องทำงาน จากนั้นก็ฝากพี่บุษที่ประจำที่เคาน์เตอร์คิดเงินให้ดูแฟนให้ด้วย จากนั้นก็เข้าครัวทำไข่ตุ๋นที่ลูกชายอยากกิน ไม่ลืมทำเผื่อเด็กน้อยหน้าตาน่ารักคนนั้นด้วย ไข่ตุ๋นส่งกลิ่นหอมเย้ายวนน้ำย่อยในกระเพาะเหลือเกิน ฉันตักข้าวใส่จานและหยิบชามใบเล็กลงบนถาด จากนั้นก็เดินออกจากห้องครัวอาหาร
“น้องอรเอาไข่ตุ๋นไปให้โต๊ะนั้นด้วยนะ ที่มีเด็กมาด้วย”
“พี่ฟินหนูค้างออเดอร์โต๊ะหกไว้” น้องบอกอย่างเกรงใจ
“งั้นเดี๋ยวพี่เอาไปให้เอง ไม่เป็นไรจ้ะ ทำงานต่อเถอะ” เอ่ยบอกก่อนจะรีบเอาไข่ตุ๋นไปให้ลูกค้าและรีบกลับมาหาลูกชายตัวเองที่รออยู่
ไข่ตุ๋นกับข้าวร้อนๆ ถูกเสิร์ฟให้ลูกชายตัวเล็กที่นั่งรออย่างตื่นเต้น ฉันป้อนข้าวลูกชายอย่างไม่เร่งรีบชวนคุยไปด้วยเล่นไปด้วย เสียงหัวเราะมีความสุขดังจากลูกชายไม่หยุด หัวเราะเยอะจนกลัวจะสำลักข้าว
“กินก่อนครับ เดี๋ยวข้าวติดคอ” ฉันบอกลูกชายที่ยังชี้ไม้ชี้มือให้ดูพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“พี่แฟนลูก กินข้าวก่อนเร็ว”
“อ้าม” กว่าจะยอมกิน ฉันป้อนข้าวลูกกระทั่งลูกอิ่มถึงได้กินข้าวเองบ้าง
“หนูง่วง” เกือบสี่สิบนาทีแฟนเอ่ยบอกกับฉันเสียงงอแง ฉันพยักหน้ารับวางเอกสารในมือลงพร้อมกับปรับโซฟาให้เป็นที่นอน จากนั้นก็เอาผ้าห่มมาปูหนึ่งชั้นและเอาผ้าห่มมาให้ลูกอีกหนึ่งชั้น
“จับมือม๊าก่อนได้ไหมครับ” คนง่วงเอ่ยขออย่างงอแง
“ได้ค่ะ ม๊าจะจับมือพี่แฟนไว้จนหลับเลยนะ”
“ครับ”
ไม่ถึงสิบนาทีคนขี้อ้อนก็หลับไป ฉันเป็นคนพูดไม่เก่งแต่พอมีลูกก็พยายามพูดให้มากขึ้นเพื่อที่จะเพิ่มพัฒนาการให้ลูก ชวนลูกคุย ชวนลูกเล่น ฉันไม่ได้ฝืนที่จะทำนะแต่ต้องพยายามมากขึ้นเท่านั้น
“พี่บุษไปพักก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูช่วยดูตรงนี้เอง”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่รีบมาเปลี่ยนนะ”
ฉันออกมายืนที่เคาน์เตอร์เพื่อคิดเงินทอนเงิน เวลามีทิปจากลูกค้าพนักงานจะหย่อนใส่กล่องทิปบ็อกเพื่อเอามาหารกันในช่วงสิ้นเดือน ซึ่งพนักงานหารกันเท่านั้นฉันจะไม่ยุ่งด้วยเพราะเหมือนเป็นกำลังใจให้พนักงานเดือนไหนได้น้อยฉันก็จะแอบหย่อนเงินลงในกล่องไม่ให้พนักงานเห็นอย่างน้อยหารกันออกมาจะได้พอกินข้าวสักสองสามมื้อล่ะนะ
“ขอโทษนะครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นที่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า มีอะไรให้รับใช้คะ?” ฉันเอ่ยตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม คนตรงหน้ามีท่าทีเลิกลักและดูลังเลไม่น้อย
“เอ่อ จะสั่งอาหารเพิ่มครับ”
“อ๋อ ได้ค่ะ รับอะไรเพิ่มดีคะ” เตรียมพร้อมคีย์เมนูลงในระบบ
“ปีกไก่ทอด กับเฟรนช์ฟรายส์ทอดครับ”
“ได้ค่ะ รอสักคู่พนักงานจะนำอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะนะคะ”
“ครับ แต่เอ่อ คือ...” ฉันยังส่งยิ้มรอลูกค้าตรงหน้าอย่างใจเย็น เหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมาอยู่สักพัก
“ที่นี่รับส่งอาหารไหมครับ”
“หากระยะทางไม่เกินห้ากิโลเมตรทางร้านมีบริการจัดส่งค่ะ”
“สตูดิโอxx ส่งไหมครับ”
“ส่งค่ะ ปกติทุกเที่ยงจะไปส่งที่นั่นอยู่แล้วค่ะเพราะมีพนักงานจ่ายรายเดือนมื้อเที่ยงไว้ค่ะ คุณลูกค้าสนใจเหรอคะ” ฉันถามกลับไป รู้สึกตื่นเต้นเพราะจะได้ลูกค้าเพิ่มอีกคนแล้ว
“ครับสนใจ”
“นี่ค่ะรายละเอียด หากสนใจสามารถแอดไลน์หรือทักเข้ามาในแฟนเพจทางร้านได้เลยนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับคุณ....” คนตรงหน้าเว้นเสียงมองฉันอย่างสงสัย
“ฟินค่ะ”
“ครับคุณฟิน ผมกราฟครับ ยินดีที่เจอกันนะครับ”
ยินดีที่เจอกัน?
ไม่ใช่ต้องพูดว่า ยินดีที่ได้รู้จักหรอกเหรอ? หรือบางทีเจ้าตัวอาจจะพูดไม่เก่งเลยเรียงคำผิดๆ ถูกๆ ก็เป็นได้ เอาละ ทำงานกันต่อเถอะ จนถึงตอนนี้ลูกค้ายังแน่นอยู่เลย ทั้งส่วนขนมเครื่องดื่มหรือแม้กระทั่งอาหาร ลูกค้ายังเข้ามาสั่งเรื่อยๆ กลับบ้านบ้างกินที่ร้านบ้าง
“น้องฟินเค้กเอาขึ้นตู้เลยได้ไหม” พี่บุษที่ไม่รู้กินข้าวเสร็จตั้งแต่ตอนไหนเดินเข้ามาถาม ฉันชะโงกหน้าดูเค้กก็พบว่าหมดแล้ว
“เอาขึ้นเลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะเข้าไปทำเพิ่มเหมือนกันพรุ่งนี้อาจจะเข้าร้านสาย”
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่เอาออกมาวางเลยนะ”
ขนมหน้าตาน่าทานถูกจัดเรียงขึ้นตู้ ฉันมองขนมที่มาจากฝีมือตัวเองด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็เดินเข้าห้องอบอีกครั้งเพื่อทำขนมอีกสักสองสามอย่าง ใช้เวลาช่วงบ่ายที่ลูกหลับเข้าไปทำขนมเพิ่ม ไม่รู้ว่าลูกตื่นตอนไหนแต่รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลูกชายยืนเกาะขอบประตูข้างๆ มีพี่บุษยืนอยู่ด้วย
“ม๊าครับ พี่ตื่นแล้ว”
“ครับ ม๊าเสร็จแล้วเหมือนกัน”
“เย้!”
ฉันมองลูกขำๆ จากนั้นก็เดินไปล้างมือและอุ้มลูกออกจากห้องอบขนมพากลับเข้าไปในห้องทำงานตัวเอง สรุปวันนี้ฉันเข้าห้องอบขนมทั้งเช้าและบ่ายเลยก็ว่าได้ แต่ก็ดีที่ว่าสต๊อกขนมมีเพิ่มขึ้นพรุ่งนี้อาจจะไม่ต้องอบเยอะก็ได้หวังว่าอะนะ
“คิดถึงน้าสิ กับน้าวรา”
“ครับ เดี๋ยวก็ได้เจอแล้วครับ เดี๋ยวม๊าเก็บของก่อนแล้วเราออกไปร้านชาบูกันเลยเนอะ”
“ครับ!!”
ขานรับด้วยความตื่นเต้น กระโดดโลดเต้นด้วยอาการมีความสุข เราสองแม่ลูกช่วยกันเก็บของใส่กระเป๋าจากนั้นก็เอ่ยลาพี่ๆ น้องๆ ในร้าน แฟนขึ้นนั่งบนคาร์ซิทที่เบาะด้านหลังอย่างรู้หน้าที่ฉันช่วยดูเบาะลูกและรัดเข็มขัดให้ลูกเสร็จถึงได้ย้ายตัวเองมานั่งที่เบาะคนขับ พร้อมออกเดินทางไปร้านชาบูแสนอร่อย
“นั่งดีๆ นะคะ จะเดินทางแล้วนะ”
“นั่งดีๆ แล้วไปกันเล้ย!” คนตัวเล็กชูไม้ชูมือร้องเล่นไปเรื่อย ภายในรถเปิดเพลงของคนเป็นลุงเจ้าตัวคนตัวเล็กปรบมือใหญ่ตื่นเต้นที่ได้ยินเสียงลุง ฉันส่ายหน้าขำกับความเวอร์ของลูกชายตัวเองจริงๆ ขาเล็กตีไปมาอย่างอารมณ์ดี ฉันค่อยๆ ขับรถอย่างไม่เร่งรีบถึงแม้รถจะติดมากแค่ไหนฉันที่ทำหน้าที่คนขับรถยังไม่มีอารมณ์หงุดหงิดที่รถติดเลย
“โอ๊ะ ม๊า แมว แมว แมว!!”
“อะไรลูก แม่ตกใจหนูเป็นอะไร” ฉันมองกระจกหลังเพื่อดูลูกเจ้าตัวเล็กชี้นิ้วไปยังป้ายใหญ่ๆ หนึ่งป้ายที่มีรูปแมว ฉันก็ตกใจไปสินึก ว่าลูกเป็นอะไร
“น้องแมวตัวใหญ่ใช่ไหมคะ”
“ครับ ใหญ่มากเลย”
“หึ อีกหน่อยหนูก็จะตัวใหญ่” ฉันบอกลูก
“หนูจะตัวใหญ่เท่าแมวเลยเหรอ?”
“หนูจะตัวใหญ่กว่าแมวค่ะ” ฉันตอบพร้อมกับหลุดขำเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของลูกชาย
“ใหญ่เหมือนหมูเลยใช่ไหม?”
“ครับ เหมือนหมูอู้ดๆ น่ารักเลย”
“ฮื้อ น่ารักๆ” สองมือเล็กยกขึ้นประกบแก้วนุ่มตัวเล็กทำหน้าเขินอายยามเอ่ยคำว่าน่ารัก
ลูกก็น่ารักมากๆ เลยครับพี่แฟน น่ารักจนใจม๊าเจ็บไปหมด