ถ้อยคำที่ออกมาจากริมฝีปากหนาทำให้ลินินนิ่งไป เธอยกมือดันแผ่นอกแกร่งของเขาออก ซึ่งคนตัวโตก็ค่อย ๆ ดึงแก่นกายของตนออกเช่นกัน
“ซี๊ด~” ลินินมีใบหน้าเหยเกขณะที่อีกฝ่ายซี๊ดปากด้วยความเสียวซ่าน เป็นครั้งแรกที่เขาได้ปล่อยออกมาข้างในกับคู่นอน ลินินขยับตัวหนีห่างคนตัวโต เธอกำลังจะลุกขึ้นแต่งตัวทว่าก็ถูกฝ่ามือหนาของคนตัวโตรั้งไว้เสียก่อน
“ไปไหน...” ลินินพ่นลมหายใจออกมา เธอหันหน้ามามองเขาด้วยสายตาหม่นหมอง
“ไปซื้อยาคุมค่ะ แล้วก็ปล่อยด้วย”
“จะไปสภาพนี้?” ลำคอระหงของเธอมีรอยสีกุหลาบเต็มไปหมด เจ้าหล่อนคงมองไม่เห็นมัน ขณะเดียวกันที่ลินินก็รู้สึกว่าบทเพลงเมื่อสักครู่นั้นทำเอาเธอหมดเรี่ยวแรง
“ทำไงได้ล่ะคะ คุณทำฉันแบบนี้”
“เธอกำลังโทษฉัน...” ดวงตารีสวยตวัดมองเขาด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “หึ ฉันบอกแล้วไงว่าเธอเริ่มก่อน...”
“ค่ะ!” หญิงสาวกระแทกเสียงออกมา ก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นแกะฝ่ามือหนาออกจากเรียวแขนของเธอ “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วไงคะ แล้วก็ปล่อยด้วย ฉันจะไปซื้อยาคุม ยาต้านไวรัสเอชไอวี ฉันกำลังจะรับผิดชอบตัวเองอยู่ไงคะ...”
“ยาต้านไวรัส?”
“ค่ะ!”
“อย่ากระแทกเสียงใส่ฉัน!” ริมฝีปากเล็กห่อเข้าหากันจนเป็นรูปตัวโอ นี่เขาบอกเธอแต่กลับกระแทกเสียงใส่เธอเสียเอง ชายหนุ่มผู้นี้เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง
“งั้น...คุณอัทธากรช่วยปล่อยแขนดิฉันด้วยนะคะ ฉันกำลังจะไปซื้อยาคุมฉุกเฉิน รวมถึงยาต้านไวรัสเอชไอวีเพราะดิฉันไม่รู้ว่าคุณอัทธากรเคยนอนกับใครแบบมักง่ายไม่ใส่ถุงยางแบบนี้หรือเปล่า...”
“หึ ฉันไม่ใส่ถุงกับเธอคนเดียว”
“_”
“งั้นก็ฝากซื้อด้วย เพราะก็ไม่รู้ว่าเธอนอนกับใครมาแล้วบ้าง” เขาว่าพร้อมกับปล่อยฝ่ามือออกจากแขนของเจ้าหล่อน ซึ่งถ้อยคำที่เต็มไปด้วยคำดูถูกของเขานั้นทำให้เธออยากข่วนหน้าเขาให้รู้แล้วรู้รอด “อ้อ แล้วก็แหกตาดูด้วยว่าร้านขายยาที่ไหนจะเปิดให้เธอตอนนี้”
“o” ลินินไม่อยากจะเชื่อว่าชายผู้ที่ได้รับการเคารพจากคนทั่วทั้งประเทศที่รู้จักเขาจากข่าวในทีวีจะมีคำพูดคำจาเช่นนี้ แต่พอหันไปมองนาฬิกาดิจิทัลบนหัวเตียงของเขาแล้ว...ก็คงเป็นอย่างที่เขาพูดเพราะตอนนี้ก็ใกล้จะรุ่งสางเสียแล้ว
หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันแต่พอนับเวลาใกล้จะเช้าแล้วก็ยังพอมีเวลาในการกินยาคุมฉุกเฉินอยู่เยอะพอสมควร ถ้าเขาบอกไม่สวมถุงยางอนามัยแค่กับเธอ หญิงสาวก็ล้มเลิกความคิดจะซื้อยาต้านไวรัสเอชไอวี เพราะนอกจากจะไม่ช่วยอะไรอาจจะทำให้ได้ผลข้างเคียงอื่นของยาก็เป็นได้
“คุณช่วยไปนอนที่อื่นด้วยค่ะ...” ลินินเอ่ยพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาเอนตัวลงนอนข้าง ๆ เธอด้วยสภาพเปลือยเปล่า
“หึ เตียงฉัน บ้านฉัน...ฉันควรพูดคำนั้น” เขาค้ำข้อศอกตะแคงข้างพูดกับเธอ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเท้าคีบผ้าห่มขึ้นคลุมร่างหนา หากให้ค้นคำว่าสุภาพบุรุษจากพจนานุกรมของอัทธากรเธอคงไม่พบคำนั้น
ลินินส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนที่เธอจะลงจากเตียงนอนด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากผู้เสียหายในคดีข่มขืนกระทำชำเราที่เขาเคยเจอ ลินินเดินไปใส่เสื้อผ้าของเธอก่อนจะเดินไปเอนตัวลงบนโซฟาขนาดใหญ่กลางห้องนอนของเขา
แต่พอเงยหน้าขึ้นเธอก็พบกับสิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจ กลุ่มดาวนับพันที่สามารถมองเห็นผ่านเพดานกระจกนั้นทำให้หญิงสาวตาโตขึ้น ขณะที่อากัปกิริยาของเธอก็ทำให้คนตัวโตที่ลอบมองอยู่นั้นยกยิ้มมุมปาก แต่พอหญิงสาวหันมามองชายหนุ่มก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน แต่กระนั้นลินินก็ไม่ทันได้เห็นอยู่ดี
“ช่วยปลุกฉันด้วยนะคะ ฉัน...ต้องไปทำงาน” เธอพึมพำออกมาก่อนจะค่อย ๆ หันกลับไปมองกลุ่มดาวที่ทอแสงประกายอยู่นั้น เธออยากจะมองความสวยงามตรงหน้าให้นานกว่านี้ แต่ความเหนื่อยล้าก็พรากความสวยงามตรงหน้าไปเสียก่อน ลินินพริ้มตาหลับลง เธอเข้าสู่ห้วงภวังค์ของการหลับใหลในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที
ต่างจากอีกฝ่าย...ชายหนุ่มนอนตะแคงข้างมองหญิงสาวที่นอนตัวขดตัวงอบนโซฟาด้วยความรู้สึกแปลกไป อัทธ์ยกมือขึ้นทึ้งผมของตัวเองอย่างแรงเพื่อเรียกสติ
ความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นในใจยากจะปฏิเสธ ทว่าเรื่องในอดีตทำให้เขาคิดว่าเธอผู้นี้ไม่ควรใคร่จะเอามาเป็นเมีย...
เช้าวันต่อมา...
ความหนาวเย็นในตอนเช้าทำให้ลินินรู้สึกตัวตื่นขึ้น เปลือกตาบางกะพริบถี่ ๆ ก่อนที่เธอจะเบิกตากว้างขึ้นเพราะจำเรื่องราวเมื่อคืนนั้นได้ทุกฉากทุกตอน
พรึ่บ!
“อ๊ะ...” ทว่าพอดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เธอก็พบกับความแปลกไป ลินินมองไปยังโซฟาหนานุ่มตัวเมื่อคืนที่เธอสามารถมองเห็นดาวนับพันก่อนจะหลับ แต่ตอนนี้เธอกลับอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ และมีชายหนุ่มร่างหนานอนอยู่บนโซฟาตัวนั้นแทนเธอ หญิงสาวตาโตมองเขาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อโดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นนอนไม่หลับทั้งคืน
“มองอะไรฉัน...” เสียงทุ้มลึกที่ดังขึ้นทำให้ลินินสะดุ้งตกใจเธอทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง ซึ่งการกระทำของเธอนั้นจะบอกว่าเขาไม่ทันเห็นก็กระไรอยู่...
อันที่จริงชายหนุ่มรู้ว่าเธอคนนี้กำลังจะตื่น เขาถึงได้ข่มเปลือกตาหลับลงก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้น และตอนนี้ที่เธอมุดตัวอยู่ใต้ผืนผ้าห่มนั้นทำให้เขานึกขัน ลินินยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายของตน ใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างนี้เหตุเพราะตกใจเป็นแน่คงไม่ใช่อย่างอื่น
“เขาสวมแว่นนอนเหรอ...” หญิงสาวพึมพำออกมาก่อนที่เธอที่เธอจะเลิกผ้าห่มออกเล็กน้อยให้เพียงพอต่อการสอดสายตามองเขา ทว่าก็ไม่พบเขาเสียแล้ว
ซ่า~ ซ่า!
เสียงน้ำตกกระทบพื้นที่ดังออกมาจากห้องน้ำกำลังบอกเธอว่าเขาอาบน้ำอยู่ พอรู้อย่างนี้แล้วคนตัวเล็กก็ไม่รอช้าที่จะหนีจากเขาไป
ลินินลงจากเตียงนอนไปหยิบกระเป๋าสะพายข้างของตน โดยไม่ลืมที่จะหยิบรองเท้าออกไปด้วย แต่พอจะวิ่งออกจากห้องของเขาเธอก็เห็นสภาพตัวเองผ่านบานกระจก หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับนำสูทที่ถืออยู่พันรอบคอก่อนจะเดินไปกดลิฟต์
รอไม่นานลิฟต์ส่วนตัวที่ขึ้นมาแค่ห้องของเขาก็มาถึง ลินินคิดว่าเธอควรไปหาเพื่อนของเธอแทนการกลับบ้าน เพราะเกรงว่าอาม่าของเธอจะยังคงรอต่อว่าเธออยู่ที่บ้านเป็นแน่
เวลาต่อมา...
อัทธากรมาทำงานด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ทำเอาเพื่อนร่วมอาชีพทนายไม่กล้าเอ่ยทักทาย อันที่จริงสำนักงานกฎหมายแห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นนานมากแล้วด้วยฝีมือของบิดาเขาเอง ในคราแรกยังไม่มีนามเป็นทางการ ซึ่งเดอะเกรทฟีเจอร์กรุ๊ปพยายามกินรอบวงโดยการสร้างสำนักงานกฎหมายขึ้นมาเพื่อให้บริษัทของตนเป็นต่อเรื่องกฎหมาย
ไม่นานหลังจากเรียนจบชายหนุ่มผู้นี้ก็ได้เข้ามาทำงานที่นี่ในฐานะผู้บริหารทันทีตามประสงค์ของผู้เป็นพ่อ ซึ่งเขาเคยสอบอัยการและทำงานในตำแหน่งนั้นในระยะหนึ่งโดยไม่ได้ปรึกษาพ่อของเขา แต่ทันทีที่ท่านทราบเขาก็ต้องลาออกและมาเป็นทนายในสำนักงานกฎหมายของครอบครัวจนถึงทุกวันนี้แทน
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนไลน์ในโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นระหว่างเดินเข้าบริษัท ชายหนุ่มยกขึ้นมาดูเล็กน้อยก่อนจะพบกับข้อความของผู้เป็นแม่
“อัทธ์...ตกลงลูกจะไปหาหนูจินนี่ตามที่น้องบอกหรือเปล่า...”
ข้อความที่เห็นนั้นทำให้เขากดปิดหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ของเขาได้โทรมาบอกว่าเที่ยงนี้คู่เดตของเขายังคงเป็นจินนี่ เพราะทางนั้นโกหกแม่เขาว่าชายหนุ่มต้องการเดตกับเธออีกครั้ง
“ยัยบ้า...” เขาพึมพำออกมา ทำให้ไต้ฝุ่นที่เดินตามอย่างเงียบ ๆ นั้นถึงกับมึนงง แต่เจ้านายของเขาก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมามากกว่านั้น
“เอ่อ...คุณอัทธ์ครับ แพรไหมกลับมาแล้วนะครับ” ไต้ฝุ่นเอ่ยพูดขึ้นหลังจากเดินตามเจ้านายมาจนถึงห้องทำงาน แพรไหมที่ไต้ฝุ่นเอ่ยถึงคือผู้ช่วยทนายของอัทธากรเอง
“ได้เรื่องไหม...”
“ครับ...” ไต้ฝุ่นตอบกลับพร้อมกับเปิดประตูห้องทำงานให้กับผู้เป็นนาย
“เอาเอกสารมาอ่านก็พอ ฉันไม่อยากคุยกับใคร” ได้ยินอย่างนั้นไต้ฝุ่นก็ตอบรับ ทว่าพอเจ้าตัวจะหมุนตัวหันหลังออกไปจากห้องทำงานของเจ้านาย
“สั่งชาให้ด้วย...” เสียงทุ้มลึกของเจ้านายหนุ่มก็ดังขึ้นเสียก่อน อัทธากรนั่งลงบนเก้าอี้ขนาดใหญ่เขายกมือขึ้นลูบริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
“ชาอะไรเหรอครับ”
“ชา...ไง”
“มันมีหลายชาครับ อย่างชาไทย ชาเขียว ชาดำ...” อัทธ์ขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วเธอคนนั้นชอบชาแบบไหนกัน เขาคิดในใจโดยไม่ได้เอ่ยออกไปทว่ามีหรือไต้ฝุ่นจะไม่รู้
“ให้ผมไปถามให้ไหมครับ ลินินมาทำงานแล้วนะครับ” พอได้ยินอย่างนั้นอัทธ์ถึงกับหันขวับมามองทันที เพราะเขายังคงเคืองเธอเรื่องที่เจ้าหล่อนทิ้งเขาไว้คนเดียว
“เธอมาทำงานยังไง รถเมล์ เพื่อนมาส่ง หรือยังไง นั่งวินหรือเปล่า เมื่อคืนรถเธออยู่ร้านเหล้าไม่ใช่เหรอวะ...” ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรออกไป อัทธ์หรี่ตามองออกไปนอกห้องทำงานผ่านมู่ลี่ ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตามามองไต้ฝุ่นที่กำลังมองเขาพร้อมกับรอยยิ้ม
“ยิ้มอะไรของมึง”
“ปะ เปล่า ครับ...ตกลงให้ผมไปถามให้ไหมครับ” อัทธ์อยากทุ่มป้ายตำแหน่งของเขาใส่เลขาคนสนิทเสียจริง ถามแล้วเธอก็รู้น่ะสิว่าเขาอยากรู้
“ถามอะไร ใครจะซื้อให้ลินิน”
“แล้วคุณอัทธ์จะซื้อให้ใครครับ คุณอัทธ์ชอบกาแฟไม่ใช่เหรอครับ”
“ฉันชอบกาแฟแล้วจะกินชาไม่ได้หรือไง”
“ก็...ได้ครับ” ไต้ฝุ่นยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่พอเห็นใบหน้าไม่พอใจของเจ้านาย เขาก็พยายามกลับมาทำหน้านิ่งตามเดิม
“เดี๋ยวผมสั่งให้นะครับ...”
“เอามาสองแก้ว”
“อะไรนะครับ”
“สองแก้ว ฉันกินสองแก้วคนเดียว” ไม่ทันที่ไต้ฝุ่นจะเอ่ยถามเรื่องสงสัย คนร้อนตัวก็ชิงตอบก่อนเสียแล้ว อัทธ์เปิดลิ้นชักหยิบแว่นสายตามาสวมใส่เพื่อจะได้เริ่มทำงาน ทว่า
“ออกไปสิ...” เขาเอ่ยปากไล่เลขาคนสนิทเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ไปไหนสักที แถมยังเอาแต่มองเขาอยู่นั่นแหละ
“ครับ ๆ ไปแล้วครับ” ไต้ฝุ่นไม่เคยเห็นว่านายเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ซึ่งพอเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองด้วยความมึนงง
ให้หลังไต้ฝุ่นออกไป ใจแกร่งของอัทธากรก็ไม่อยู่กับที่ ชายหนุ่มหรี่ตามองออกไปนอกห้องทำงานผ่านมู่ลี่ ลุ้นทุกวินาที่ว่าเธอคนนั้นจะเปิดประตูออกจากห้องทำงานหรือเปล่า...ซึ่งก็ดูไร้วี่แวว และขณะนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ของเขาได้ดังขึ้น
ครืดด ครืดด~
คิ้วหนาย่นเข้าหากันเพราะไม่เคยเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไรที่จะกดรับ คิดได้ดังนั้นฝ่ามือหนาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นกดรับทันที
ติ๊ด!
[ฮัลโหล...] เสียงเล็กของปลายสายทำให้อัทธากรดึงโทรศัพท์ออกมาดู แต่ก็ไม่คุ้นว่าเธอคนนี้เป็นใคร ก่อนที่เขาจะเอ่ยพูดขึ้น
“ใครครับ”
[จินนี่ไงคะ...] ชายหนุ่มอยากเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งทันทีที่ได้ยินว่าปลายสายเป็นใคร
[ตกลงคุณจะมาหาฉันหรือเปล่า...]
“ต้องถามก่อนว่าทำไมผมต้องไป แล้วเรื่องที่คุณคุยกับแม่ผม ผมยังไม่ได้พูดอะไรนะครับ”
[ฉันพูดเองไงคะ จบปิ๊ง!]
“หึ งั้นผมไม่ไปหาคุณ แล้วหวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ทว่า
[แล้วจะเป็นไงน่า พอดีว่าฉันกำลังจะบอกนักข่าวน่ะว่าเราสองคน...กำลังเดตกันอยู่]
“อะไรนะ!”
[ช่วงนี้เป็นไรไม่รู้ ใคร ๆ ก็อยากรู้เรื่องของจินนี่ พอฉันจะทำอะไรก็มักเป็นข่าวดัง ข่าวเรื่องนี้ก็คง...]
ติ๊ด!
ชายหนุ่มไม่รอให้เธอพูดจบ เขากดตัดสายทิ้งซึ่งก็ใช่ว่าเขาจะว่างไปหาเจ้าหล่อน อีกทั้งไม่ใช่กงการอะไรของเขาที่จะไป ทว่า
ติ๊ง!
“ฉันไม่ได้ขู่ ฉันรออยู่ที่ XXX...” พอวางสายข้อความของจินนี่ก็เด้งขึ้นทันที สิ่งหนึ่งที่พ่อของเขากำชับเสมอคืออย่าให้ตัวเองมีข่าวเสียหาย ซึ่งถ้าพ่อของเขารู้ว่าตัวเขากำลังจะเป็นข่าวคงไม่ใช่เรื่องที่ดี...