“อื้มม...ดีใจด้วย แต่ก็ดูไปก่อนก็แล้วกันเนอะ...” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาหวิวราวกับว่าเธอไม่ได้พูด ซึ่งพอรู้ตัวหญิงสาวก็ได้กระแอมเสียงออกมาเล็กน้อย “แค่นี้ก่อนนะ คือฉันกำลังจะทำงานน่ะ”
[แต่มันยังไม่บ่ายโมงเลยนะ]
“อ้อ พอดีมีงานค้างเยอะมากเลย” ลินินบ่นพึมพำ หญิงสาวหันหน้าไปยังห้องทำงานของเขาคนนั้น ซึ่งห้องทำงานของเขาจะหันหน้ามาทางโถงทางเดินและหันหน้ามาที่ห้องทำงานของเธอด้วย
[โอเค ไว้ตอนเย็นเจอกัน]
“หือ แกจะมาหาฉันเหรอ”
[เปล่า จะไปหาคุณอัทธ์น่ะ แต่ว่าแกน่ะ จะไม่บอกจริง ๆ เหรอว่าไปวันไนท์กับใครมาเมื่อคืน...”
[หึ ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร...แค่นี้แหละ] หญิงสาวรีบกดตัดสายก่อนที่มินตราจะเอ่ยถามอะไรเธอไปมากกว่านี้ ซึ่งเมื่อเช้าเธอก็โดนคาดคั้นไปแล้วหนหนึ่ง
“เห้อ...” ลินินพ่นลมหายใจออกมาก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปชงชาสมุนไพรมาดื่ม ร่างเล็กของเธอที่เปิดประตูออกจากห้องทำงานทำให้อัทธากรที่ลอบมองอยู่นั้นย่นคิ้ว ก่อนที่เขาจะส่ายศีรษะเบา ๆ เพื่อเรียกสติให้กลับมาสนใจงานตรงหน้าอีกครั้ง
ลินินเดินไปยังห้องครัวของที่ทำงาน เธอเพิ่งมาเป็นครั้งแรกซึ่งพอเดินเข้าไปก็เห็นแผ่นหลังบางของแพรไหมกับไต้ฝุ่นยืนคุยกันอยู่หน้าเครื่องชงกาแฟที่สามารถชงชาได้ด้วย หญิงสาวไม่อยากเข้าไปรบกวนคู่รักที่กำลังพลอดรักกัน ทว่าพอเดินเข้าไปใกล้นั้น
“คุณอัทธ์บอกอย่างนั้นเหรอ...”
“ครับ เขาบอกว่าแค่อยากกันคุณจินนี่เฉย ๆ” ลินินไม่เข้าใจในบทสนทนานั้น เธอกำลังจะหมุนตัวกลับ แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนเธอ
“แต่คุณอัทธ์ก็บอกว่าถ้าเกิดชอบคุณมินตราจริง ๆ เขาก็จะจริงจังด้วยนั่นแหละ”
“หือ? แต่ตอนนี้ก็แค่กันผู้หญิงคนนั้นแค่นั้นน่ะสิ แบบนี้...อ้าว คุณลินิน” ลินินสะดุ้งขึ้นเมื่อแพรไหมมองเห็นเธอที่หน้าห้องครัว คนตัวเล็กมีสีหน้าเลิ่กลั่กเพราะเธอไม่ควรแอบฟังคนทั้งคู่คุยกัน หญิงสาวค้อมศีรษะให้เป็นการขอโทษ
“ขอโทษค่ะ คือฉันไม่ได้ตั้งใจ พอดี เอ่อ...จะมาชงชาน่ะค่ะ” น้ำเสียงสั่น ๆ ของลินินทำให้แพรไหมยกยิ้มขึ้น เธอยังไม่รู้ว่ามินตรานั้นเป็นเพื่อนกับลินิน ซึ่งเจ้าหล่อนก็ไม่ได้เอะใจอะไรกับความสัมพันธ์ของทั้งสาม ต่างจากไต้ฝุ่นที่ตกใจอย่างเห็นได้ชัดว่าลินินได้ยินบทสนทนาที่เขาพูด
“ชงชาอะไรคะ เดี๋ยวฉันชงให้...”
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ฉัน...ไปก่อนนะคะ” ฝ่ามือเล็กของลินินกำเข้าหากันแน่น เธอหมุนตัวออกไปจากตรงนั้นด้วยความรวดเร็ว หญิงสาวได้ยินเรื่องของเพื่อนเธอกับเขาคนนั้นที่คิดจะใช้เพื่อนเธอเป็นเครื่องมือในการไล่ผู้หญิงอื่น ซึ่งดูแล้วเพื่อนของเธอก็ไม่ต่างจากไม้กันหมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
แกร็ก~
“คุณทำแบบนี้ได้ไงคะ!” ลินินไม่รอให้ชายเจ้าของห้องอนุญาตให้เธอเข้ามาอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งชายหนุ่มก็เห็นว่าเธอคนนี้บึ่งหน้ามาหาเขาตั้งแต่โถงทางเดินแล้ว
“ฉันยังไม่ได้ให้เธอเข้าห้องฉัน...”
“ฉันไม่ได้เข้ามาในห้องของคุณในฐานะลูกน้องค่ะ ฉันเข้ามาในฐานะเพื่อนของมินตรา...” ลินินเอ่ยพูดขึ้นด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยน้ำโห เขาทำแบบนี้โดยไม่รู้ว่ามินตรานั้นดีใจที่จะได้เดตกับเขามากเพียงใด
“ฉันทำอะไร...” อัทธ์รู้ว่าลินินหมายถึงอะไร เขาทำเป็นไขสือก่อนจะวางปากกาลงพร้อมกับเอนแผ่นหลังพิงพนักพิงเก้าอี้อย่างใจเย็น
“หึ คุณคิดจะใช้เพื่อนฉันเป็นไม้กันหมาอย่างนั้นเหรอคะ”
“_”
“คุณทำอะไรไม่คิดถึงจิตใจเพื่อนของฉันเลย”
“เหรอ เธอรู้ได้ไงว่าถ้ามินตรารู้เธอจะเสียใจ” ลินินขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอชะงักไปเพราะไม่มั่นใจว่าเพื่อนเธอจะยินดีหรือว่ายินร้ายหากรู้ว่าเขาไม่ได้จริงจังด้วย
“อันที่จริง...มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของฉันกับมินตราก็ได้”
“หึ แต่ถ้าคุณไม่ได้ชอบเธอ...คุณก็จะทิ้งเธออย่างนั้นใช่ไหมคะ”
“แล้ว...ไม่ได้หรือไง”
“คุณอัทธ์!” ลินินโกรธชายหนุ่มตรงหน้าจนใบหน้าเล็กของเธอขึ้นสี แต่เขากลับมีท่าทีนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่เธอพูด
“หึ เธอดูห่วงเพื่อเธอเกินเหตุนะ...หรือเธอหวงอย่างอื่น” ลินินชะงักไป ดวงตารีเล็กกระตุกราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันกระทบความรู้สึกของเธอ
“อะไรคะ...”
“ไม่รู้สิ เธอน่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือไง” เขาว่าอย่างยียวน ซึ่งการเลิ่กลั่กของลินินทำให้อัทธ์ยกยิ้มขึ้น
“ยิ้มอะไรคะ เลิกยุ่งกับมินตราเลยค่ะ ถ้าจะเอาเธอมาแค่กันผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่อยากให้เธอเสียใจ...”
“เธอไม่ต้องห่วงหรอกลินิน เพื่อนเธอมีเสน่ห์จะตาย สวยด้วย อีกอย่างดูท่าจะเป็นคนดีกว่าเธอนะ”
“คุณอัทธ์...”
“อย่างน้อยมินตราก็ไม่เคยอยากได้ผัวคนอื่นเหมือนเธอ...” ลินินเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอมองใบหน้าของเขาด้วยดวงตาที่ไหววูบ
“หรือพอฉันจะมีเมียเธอก็อยากได้ฉันอีกคน...” ถ้อยคำที่ออกมาจากริมฝีปากหนาของเขามันตอกย้ำเข้าไปในความรู้สึกของเธอ หญิงสาวพริ้มตาหลับลงจนน้ำตาที่เอ่อขึ้นก่อนหน้านี้ไหลออกมา
“บางครั้งคุณก็ลืมว่าฉันมีความรู้สึก...คุณอัทธ์” เธอว่าเพียงแค่นั้นก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องของเขาไป โดยไม่ได้แก้ไขอะไรในสิ่งที่เขาพูดแม้แต่นิดเดียว...
ลินินเดินกลับมาที่ห้องทำงานของเธอเอง ก่อนที่หญิงสาวจะร่ำไห้ออกมาเสียงดัง เรื่องราวในอดีตมันไม่ผิดไปจากที่เขาพูด อัทธากรพูดถูกว่าเธอเคยคิดอยากได้สามีคนอื่น แต่นั่นเป็นเพราะเธอถูกหลอก
เธอเคยถูกน้องชายของเขาหลอกให้รักก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายมีเมียและกำลังจะมีลูก ซึ่งความรู้สึกรักและความโกรธแค้นที่ถูกหลอกทำให้เธอคิดอยากให้เขาเลิกกับเมีย ทว่าสุดท้ายแล้วเธอกลับเป็นฝ่ายที่ต้องเสียใจและจมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ได้กระทำไป
ภาพของเด็กแฝดวัยหนึ่งขวบสามคนที่อยู่ในคอนโดหลังนั้นยังคงอยู่ในความรู้สึกของเธอ เธอคิดจะพรากความรักของเด็กเหล่านั้น หญิงสาวยังคงรู้สึกผิดจนไม่กล้าที่จะไปเจออีกฝ่ายแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่นึกโกรธเธอเลย บ่อยครั้งที่บังเอิญเจออีกฝ่ายซึ่งเธอก็ได้รับแต่ความเป็นมิตร พอเป็นอย่างนี้แล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกผิดไปกันใหญ่
“ฮึก...” ไหล่บางสั่นเทิ้มเล็กน้อยยามเธอร่ำไห้ออกมา ใครกันจะไม่เคยตัดสินใจผิดพลาด แต่ทำไมเธอถึงยังไม่สามารถลืมเรื่องพวกนั้นได้อีก แถมเขาคนนั้นยังเอาแต่จะตอกย้ำความรู้สึกของเธอไม่หยุด
ลินินซบหน้าลงบนโต๊ะทำงาน เธอร่ำไห้ออกมาจนเกรงว่าน้ำตาจะไม่มีให้ไหล แถมตอนนี้ยังต้องเร่งทำงานอีก คิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องฝืนเก็บความเสียใจเหล่านั้นไว้ข้างใน ก่อนที่เธอจะกลับมาสนใจงานตรงหน้าแม้จะยังสะอื้นไห้อยู่ก็ตามแต่
ตกเย็น...
มินตรามาหาอัทธากรตามที่เขาบอกว่าว่างช่วงเย็น โดยทั้งคู่มีนัดออกไปทานมื้อเย็นด้วยกัน แต่ก่อนจะไปหญิงสาวก็ได้เข้ามาหาเพื่อนของเธอ
“ฉันกำลังจะออกไปนะ...” ลินินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยคมของเพื่อนเธอ อัทธากรพูดถูก มินตราเป็นหญิงทรงเสน่ห์ เธอมีแฟนมาแล้วหลายคนด้วยใบหน้าสวยโดดเด่นนี้ ทว่าเธอก็มักอกหักไม่สมหวังกับความรักเหล่านั้นอยู่ร่ำไป
“มิน...ฉันขอคุยด้วยก่อนได้ไหม” ลินินลุกขึ้นยืน เธอเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปกุมมือเพื่อนรักไปนั่งที่โซฟาชุด
“แกอย่าหลงรักเขาจนดึงตัวเองกลับมาไม่ได้เหมือนครั้งก่อน ๆนะ...” น้ำเสียงจริงจังของลินินทำให้มินตรายกยิ้มขึ้น เพื่อนของเธอคงเป็นห่วง
“ไม่รู้สินิน ตอนแรกฉันคิดจะปิดใจ พอกับความรักแล้วนะ แต่พอเป็นคุณอัทธ์ใจของฉันมันเต้นตึกตักไม่หยุดเลย”
“เหรอ...” ลินินพึมพำออกมา แปลกที่เธอก็ใจเต้นแบบนี้เหมือนกันหลังจากที่มันแทบไม่มีความรู้สึกมาเกือบห้าปี
“แต่มิน...ฉันรู้สึกว่าคุณอัทธ์อาจจะไม่ได้จริงจังกับแก แบบว่าเขามีผู้หญิงเยอะจะตาย”
“ใช่ไหม ฉันก็ว่างั้นแหละ แต่ก็นะ...ไม่ลองไม่รู้ ว่าแต่แกเหอะเป็นห่วงฉันมากจนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร ตอนแฟนคนเก่าฉันแกยังบอกให้ฉันลอง ๆคบไปเลย...”
“ก็....” ลินินไม่ได้บอกไปว่าเธอไปได้ยินอะไรมา ซึ่งอีกฝ่ายก็หรี่ตามองลินินเหมือนกับมีความคิดอยู่ในหัว
“แกไม่ได้หวงคุณอัทธ์ใช่ไหม”
“ห้ะ! ไม่ใช่นะ!”
“เดี๋ยวนินแกจะตกใจขนาดนี้ทำไม ฉันแค่พูดเล่นเฉย ๆเพราะฉันน่ะรู้ว่าแกไม่มีความรู้สึกเรื่องรัก ๆใคร่ ๆ” มินตราเชื่ออย่างนั้น เพราะตั้งแต่รู้จักกับเจ้าหล่อนมาไม่มีครั้งไหนเลยที่ลินินสนใจผู้ชาย แถมยังบอกเธออีกด้วยว่าเจ้าตัวจะไม่ยอมมีแฟนหรือแต่งงานเด็ดขาด ซึ่งเธอก็ไม่คิดหรอกว่าอีกฝ่ายจะหวงอัทธากรจริง ๆ
“ก็...ฉัน”
“ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าให้ฉันลองก่อน ขอรอบนี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าแห้วมาอีก...หัวใจของมินตราคนนี้จะปิดสนิทเลยคอยดู” ลินินไม่สามารถยิ้มหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกไปให้เพื่อนเธอได้รู้ เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าอัทธากรจะเอายังไง ซึ่งตอนนี้เขายอมเดตกับมินตราก็เพื่อกันผู้หญิงคนอื่นก็เท่านั้น
“ฉันไปก่อนนะ อ้อ...แล้วแกจะเอายังไงเรื่องอาม่าของแก”
“ไม่รู้สิ ป้าแจ๋วบอกว่าท่านยังไม่กลับเลย เห็นบอกจะเอาเรื่องฉันให้ได้” ลินินถอนหายใจออกมา เธอเบื่อเหลือเกินกับสิ่งที่เป็นอยู่
“แกย้ายมาอยู่กับฉันก็ได้นะ...”
“ไม่ดีหรอกมิน แกก็รู้ว่าอาม่ารู้ว่าคอนโดแกอยู่ไหน ฉันไม่อยากให้แกเดือดร้อน” มินตราได้แต่สอดเรียวแขนไปคล้องแขนของลินินก่อนที่เธอจะอิงศีรษะลงที่หัวไหล่ของเพื่อนเธอ
“แกไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ยังมีฉันอยู่...ถ้ายังไงก็บอกฉันได้ ฉันจะย้ายคอนโดไปอยู่กับแก แล้วเราหารค่าเช่ากันได้นะ....”
“ไม่...”
“หยุด! ห้ามพูดว่าไม่เป็นไร ปัญหาของแกใหญ่มากแก้เองไม่ได้หรอก” มินตราสบสายตากับเพื่อนเธอ ป๊าของลินินมีลูกคนเดียวซึ่งเป็นลูกสาวทำให้อาม่าไม่ชอบเธอ ให้หมั้นกับคนตระกูลใหญ่โตอย่างอัทธากรเธอก็ปฏิเสธไป แถมตอนนี้เธอก็ยังต้องย้ายที่ทำงานอีก โดยที่บ้านของหญิงสาวเข้าใจว่าเธอนั้นถูกไล่ออก
“แล้วไม่รีบไปเหรอ ไปเดตน่ะ....”
“โอ๊ะ ลืมไปเลย...ไว้เจอกันนะ” ลินินโบกมือลาเพื่อนของเธอ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกจากห้องทำงานของเธอไป
ไม่นานมากนักร่างของคนทั้งคู่ก็เดินผ่านหน้าห้องทำงานของลินิน มินตราเธอยิ้มแย้มแจ่มใสขณะที่บนใบหน้าของเขาคนนั้นก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกัน
ความรู้สึกแปลก ๆในใจนี้เธออยากเอาไปทิ้งเสีย ไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาที่เจอเขาคนนั้นไม่นานเธอกลับหวั่นไหวขึ้นมาแบบนี้ ซึ่งมันไม่ดีต่อสถานการณ์ในตอนนี้เอาเสียเลย...