ความหวังดีของผึ้ง 1/3

2351 Words
เจ้าถิ่น… “เจ้าโอเคมั้ย ตั้งแต่กลับมาจากวัดเจ้าก็เอาแต่นั่งเหม่อแบบนี้น่ะ ผึ้งเป็นห่วงนะ” เสียงของผึ้งที่เดินออกมาจากห้องนอนถามฉันขึ้น หลังจากพาลูกชายตัวน้อยเข้าไปนอนกลางวันด้านในก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างฉัน “เจ้าไม่เป็นอะไรหรอกผึ้ง แค่อยู่ ๆ ก็คิดถึงเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาน่ะ” ฉันหันไปส่งยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนรักก่อนจะเอียงไปซบไหล่เพื่อนด้วยความเหนื่อยใจและคิดอะไรต่อเรื่อยเปื่อย “มีอะไรก็บอกผึ้งนะเจ้า อย่าเก็บไว้คนเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็อย่าตัดสินใจอะไรแปลก ๆ เหมือนเมื่อก่อนล่ะ ตอนนี้เจ้าโตแล้วนะรู้มั้ย” คนที่ฉันนั่งซบไหล่อยู่พูดขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมาราวกับว่าเหนื่อยใจไปกับฉัน “เออจริงด้วย ผึ้งลืมบอกไปเลยว่ามีบัตรเข้าเรียนว่ายน้ำฟรีใบหนึ่งสอดอยู่ใต้ประตูห้องอะ ตอนเปิดเข้ามาผึ้งลืมเอาให้เจ้าดู” เพื่อนรักขยับตัวไปมาจนฉันต้องกลับไปนั่งท่าเดิมแล้วรับกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอดีมือมาถือเอาไว้ ด้านหน้าเป็นชื่อโรงเรียนสอนว่ายน้ำสำหรับเด็ก ระบุว่าคนที่ได้บัตรนี้สามารถเข้าไปทดลองใช้สิทธิ์เรียนฟรีหนึ่งสัปดาห์ “ผึ้งเอาชื่อโรงเรียนไปค้นดูในอินเทอร์เนตแล้วนะ เห็นว่าเป็นโรงเปิดใหม่อะเจ้า รีวิวเขาดีมากเลยนะทั้งที่เปิดได้แค่ไม่กี่เดือนเอง” คนข้าง ๆ พูดต่อขณะที่ฉันพลิกบัตรในมือไปมา “ว่าแต่บัตรนี่มาสอดตามห้องในคอนโดเลยเหรอ แปลกจัง” ฉันขมวดคิ้วมองบัตรในมืออีกครั้งแต่ก็วางไว้ที่เดิมไม่ได้สนใจอะไร “ไหน ๆ ช่วงนี้เจ้าก็ไม่ได้ไปเรียนแล้ว ส่วนพายัพก็ใกล้ปิดเทอมแล้วนี่นา เจ้าลองพาลูกไปเรียนว่ายน้ำสิ รายนั้นชอบว่ายน้ำนี่นา” เพื่อนรักเสนอ “แต่คอนโดเราก็มีสระว่ายน้ำนะผึ้ง จะไปว่ายที่โรงเรียนทำไมอะ คนเยอะด้วยเจ้าไม่ชอบ” “ก็ไปเปิดหูเปิดตาไงเจ้า ที่โรงเรียนสอนว่ายน้ำอะมีเด็กเยอะจะตาย พายัพจะได้เจอเพื่อนใหม่ด้วย ถ้าเรียนแล้วถูกใจก็ต่อคอร์สไปเลย” “ก็ได้ ๆ ฟรีอาทิตย์หนึ่งใช่ปะ ไปก็ไป” หลังจากผึ้งกลับไปได้สักพักฉันก็เริ่มลงมือทำงานบ้าน ก่อนจะเตรียมอาหารไว้แล้วเข้าไปงีบหลับกับลูกชายตัวน้อยบนเตียง แต่แล้วเรื่องราวเก่า ๆ ก็แล่นเข้ามาในหัวฉันอีก … “เจ้า! สายลมมีอะไรอยากให้เจ้าช่วยอะ” เพื่อนรักในชุดมัธยมปลายเดินยิ้มให้ฉันมาแต่ไกลก่อนจะเข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้วนั่งอมยิ้มใส่ฉันราวกับกำลังเขินอายอยู่ “สายลมมีอะไรเหรอ?” ฉันวางปากกาลงบนโต๊ะก่อนจะพับสมุดเอาไว้แล้วตั้งใจฟังเพื่อนเล่าเรื่องที่อยากให้ช่วย “คือ… หลัง ๆ มานี้ลมไม่เห็นเจ้ากับพีทไปไหนมาไหนด้วยกันเลยอะ ตอนพักก็ไม่เห็นว่าจะนัดเจอกันหรือแวะมาหากันเลย เจ้ากับพีทเลิกกันแล้วเหรอ” สายลมถามขึ้นแต่ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบอะไร ผึ้งที่นั่งเขียนงานอยู่ข้าง ๆ ก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “จะเลิกอะไรกันล่ะสายลม ช่วงนี้พีทต้องไปเรียนพิเศษแถมยังปรับตัวกับชีวิตมอปลายไม่ค่อยได้ เจ้าก็เลยให้เวลาพีทอยู่กับเพื่อนแล้วก็โพกัสเรื่องเรียน เพราะเจ้าเองก็ต้องเริ่มอ่านหนังสือเข้ามหาลัยด้วย” “ว่าแต่ที่สายลมบอกว่าจะให้เจ้าช่วยอะ เรื่องอะไรเหรอ” ฉันไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ของแฟนที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปีแต่ถามถึงเรื่องที่สายลมอยากให้ช่วยต่อ เพราะเรื่องของฉันกับพีทผึ้งได้อธิบายให้สายลมฟังหมดแล้วเมื่อกี้นี้ “เอาจริง ๆ นะเจ้า คือลมเห็นว่าช่วงหลัง ๆ มานี้เจ้ากับพีทดูห่างเหินกันก็เลยคิดว่าเลิกกันไปแล้ว ลมก็เลยอยากให้เจ้าช่วยแนะนำพีทให้น่ะ ลมเห็นว่าเราเป็นเพื่อนกันก็เลยกล้าพูดแบบนี้ อีกอย่างก็คือตอนนี้พีทเองก็มีท่าทีแปลก ๆ กับลมด้วยอะ ก็ไม่ได้อยากเข้าข้างตัวเองนะแต่มันก็อดคิดไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าถ้าเจ้ากับพีทยังไม่เลิกกันก็ไม่เป็นไร” สิ่งที่สายลมพูดออกมาทำให้ฉันสั่นไหวเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากเพื่อน ไม่ใช่แค่ฉันแต่ผึ้งเองก็อึ้งถึงกับพูดอะไรไม่ออกและมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อมองมาที่สายลม “แต่ช่วงนี้เจ้ากับพีทก็ห่างกันจริง ๆ แหละสายลม เพราะเจ้าเองก็เริ่มอ่านหนังสือส่วนพีทก็เรียนพิเศษแถมยังปรับตัวไม่ได้อีก ก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน คงมีบ้างแหละที่ใครสักคนจะหวั่นไหวกับคนอื่นแต่ช่วงนี้เราสองคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันนะ” ฉันพูดบ้างพร้อมกับส่งยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนแต่ในใจกลับใจหายอย่างบอกไม่ถูก มันไม่สนิทใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว… “งั้นที่เขาลือกันว่าสายลมมาคบผึ้งกับเจ้าเป็นเพื่อนเพราะอยากเข้าใกล้พีทก็เรื่องจริงเหรอ เห็นว่าเจ้ากับพีทสนิทกันก็เลยเข้าหางี้ป้ะ ผึ้งอุตส่าห์คิดมาตลอดว่าพวกนั้นลือกันเพราะไม่ชอบสายลมซะอีก” พอผึ้งพูดออกมาแบบนี้ก็ทำให้ฉันคิดไปถึงข่าวลือช่วงแรก ๆ ที่เราขึ้นมอสี่ใหม่ ๆ ช่วงนั้นอยู่ดี ๆ สายลมก็เข้ามาหาพวกเราและบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับพวกเรา แต่ว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะไม่มีใครคบกับสายลมไม่ใช่เหรอ… “เปล่านะ ลมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ถ้ายังไม่เลิกก็ไม่เลิกสิลมก็แค่ถามเองป้ะ” สายลมชักสีหน้าใส่ผึ้งที่มักเป็นคู่โต้คู่แย้งกันอยู่แล้ว ทำให้ผึ้งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชักสีหน้ากลับก่อนจะหันไปสนใจงานตรงหน้าแล้วพูดบางอย่างขึ้น “แต่ของเพื่อนอะ จะเลิกหรือไม่เลิกก็ไม่ควรยุ่งป้ะ” ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากวันนั้น ข่าวลือเรื่องพีทกับสายลมที่สนิทสนมกันแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน ด้วยความที่สายลมเป็นลูกผู้อำนวยการ และพีทเองก็เป็นน้องใหม่ที่มีแฟนคลับรุ่นพี่ในโรงเรียนปลื้มอยู่หลายคน เรื่องของทั้งคู่เลยกลายเป็นที่จับตามอง แน่นอนว่าไม่มีใครในโรงเรียนรู้ว่าฉันกับพีทเป็นอะไรกันเพราะเราสองคนไม่ได้แสดงออกตั้งแต่แรก จะมีก็แค่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่รู้แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร ฉันกับพีทเราโตมาด้วยกันอยู่แล้วก็เลยไม่มีใครสงสัยเกี่ยวกับสถานะของเราสองคน เวลาที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเราก็มักจะชวนเพื่อน ๆ ไปด้วยเป็นกลุ่ม สายลมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเลยทำให้คนส่วนมากมองไม่ออกว่าเราเป็นอะไรกัน หรือถ้าจะไปไหนกันสองคนทุกคนก็มักจะมองว่าเพราะเราโตมาด้วยกันเลยสนิทกัน “ช่วงหลัง ๆ มานี้พีทกับสายลมสนิทกันจังเลยนะ ” ฉันถามคนข้าง ๆ ขณะที่เรานั่งรอรถเมล์ด้วยกันเพราะหลังจากวันนั้นสายลมเองก็มักจะพูดถึงพีทให้ฉันได้ยินบ่อย ๆ ถึงสายลมจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรแต่ฉันก็แอบหวั่นใจไม่ได้อยู่ดี “กับผึ้งพีทก็สนิทนี่นา ใครที่เป็นเพื่อนเจ้าพีทก็ให้ความสำคัญทั้งนั้นแหละ พี่ทัพพี่ธามก็ด้วย” ฉันรู้ว่าพีทเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเพื่อนของฉันมาก ด้วยความที่เขาอายุน้อยกว่าจึงดูอ่อนน้อมและยอมเพื่อน ๆ ของฉัน และเขาเองก็อยากให้เพื่อนของฉันยอมรับในตัวเขา เขาก็เลยใส่ใจเพื่อนฉันและดูแลเพื่อนฉันเหมือนกับพวกเขาเป็นเพื่อนตัวเอง เมื่อก่อนฉันก็ไม่คิดอะไรแต่พอรู้ว่าสายลมชอบเขามันก็อดคิดไม่ได้… “เดี๋ยวนี้มีข่าวลือแปลก ๆ ของพีทด้วยอะ พีทคิดว่าไง” ฉันถามต่อ “มันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย เจ้าก็รู้ว่าพีทรักเจ้ามากแค่ไหน พีทไม่มีวันสนใจคนอื่นหรอก อยากลือก็ลือไปเดี๋ยวก็เงียบไปเองเวลามีข่าวใหม่ ๆ มา” คนข้าง ๆ ตอบแบบไม่หันมามองเพราะสายตาจับจ้องไปยังหนังสือตรงหน้า ที่มักจะเปิดอ่านตลอดเวลาที่ว่าง “พีทคิดว่าช่วงนี้เราสองคนเป็นไงบ้างอะ เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะมันดูห่าง ๆ ป้ะ” “ทำไมถามแบบนี้ล่ะ ไหนคุยกันรู้เรื่องแล้วไงว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ พอมีเวลาก็ค่อยเจอกันนี่นา” คนที่นั่งอยู่เงยหน้ามาตอบก่อนจะเก็บหนังสือเรียนเข้ากระเป๋า ถึงเราจะคุยกันเรื่องนี้ไว้แล้วแต่พอมีเรื่องอื่นมาแทรกมันก็อดคิดอะไรไปเองไม่ได้ “เจ้าถามไปงั้นแหละ เจ้าแค่รู้สึกว่าพีทอาจจะไม่รั…” “เจ้ากำลังเข้ามหาลัยแล้วก็จะได้พบเจอผู้คนใหม่ ๆ ถูกมั้ย เพราะพีทเด็กกว่าเวลาไปไหนด้วยกันเลยไม่กล้าเปิดตัวงี้ป้ะ เจ้าอึดอัดไม่อยากคบกับพีทต่อแล้วอยากพูดแบบนี้ใช่มั้ย” อยู่ ๆ คนข้าง ๆ ก็หันมาพูดอะไรแปลก ๆ กับฉัน เรื่องแบบนั้นฉันไม่เคยคิดเลยนะเขาเอาอะไรมาพูดน่ะ ฉันแค่อยากรู้ว่าเขายังรักฉันอยู่หรือเปล่าแค่นั้นเองนะ เพราะเห็นว่าเขากับสายลมเข้ากันดีก็เลยอยากถามให้แน่ใจ ยิ่งรู้ว่าสายลมเองก็ชอบเขามันก็ยิ่งทำให้ฉันระแวงไปด้วย ฉันแค่คิดว่าถ้าเขาเทใจให้สายลมแล้วฉันจะได้ถอนตัวออกมาเพราะไม่อยากผิดใจกับเพื่อน ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยล่ะ? หรือกำลังกลบเกลื่อนอะไรแล้วหาเรื่องเลิกเหมือนที่คู่อื่นมักเป็นกันบ่อย ๆ เหรอ? “เจ้าไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นนะพีท” “ไม่รักแล้วก็บอกดี ๆ สิไม่เห็นต้องให้ใครมาดูแลพีทแทนเลย อยากเลิกก็เลิกเลยดิไม่เห็นต้องพาใครมาแทรกแล้วตีตัวออกห่างเลย” “พีทพูดอะไรน่ะ เจ้าไม่เห็นจะเข้าใจเลย” “คิดว่าคบคนที่โตกว่าแล้วจะคิดได้ ที่ไหนได้ก็งี่เง่า!” นั่นเป็นประโยคที่ฉันถือว่าแรงที่สุด ตั้งแต่คบกันมาฉันไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้จากปากพีทเลย มันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความประชดประชันและทำให้ฉันกับพีทเลิกกันจริง ๆ พอสายลมรู้เรื่องนี้เข้าก็ขอให้ฉันช่วยคุยกับพีทให้ ทีแรกไม่คิดว่าเขาจะยอมคบสายลมแต่แค่ฉันเอ่ยปากเขากลับตกลงง่าย ๆ ผึ้งเคยบอกว่าพีทอาจจะแค่ประชดฉันก็เลยทำแบบนั้น แต่จากการกระทำของเขาที่ตามใจสายลมและดูแลสายลมในแบบที่ฉันไม่เคยได้มันทำให้ฉันคิดว่าเขาวางแผนจะเลิกกับฉันเพื่อไปคบกับสายลมจริง ๆ … “แม่เจ้าฮะ แม่เจ้าฮ้าา” มือเล็ก ๆ ป้อม ๆ ที่เขย่าตัวฉันพร้อมกับเสียงใส ๆ ของใครบางคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทำให้ฉันค่อย ๆ ปรือตาขึ้นก่อนจะลุกนั่งด้วยความงัวเงีย ใบหน้ายับยู่ยี่ของคนตัวเล็กที่ปลุกฉันให้ตื่นขึ้นมองมาด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “พายัพหิวแล้วฮะ” “อ๋อครับ งั้นเราไปหม่ำ ๆ กันนะ” ฉันยิ้มให้ลูกชายก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กไปล้างหน้าล้างตาแล้วหาอะไรในครัวกิน “ทำไมตอนเป็นเด็กเราถึงได้งี่เง่าจังเลยนะ แล้วตอนนี้ล่ะเรายังงี่เง่าอยู่หรือปล่า” ฉันพึมพำกับตัวเองขณะนั่งมองลูกชายตัวน้อยตักข้าวเข้าไปเคี้ยวจนแก้มตุ่ย ยิ่งคิดถึงเรื่องราวเก่า ๆ โดยเฉพาะความรักในวัยเด็กก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมช่วงเวลาตอนนั้นฉันถึงได้ทำอะไรโง่ ๆ แล้วก็งี่เง่าได้ขนาดนั้น “ถ้าวันนั้นเราไม่ประชดกันและฉันไม่ถอยออกมา ป่านนี้เราจะเป็นยังไงนะ” พอคิดถึงคนที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานหลายปี ก็รู้สึกหน่วงใจและไหวหวั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “แต่ฉันก็ไม่ได้เป็นคนผิดคนเดียวป้ะ เขาน่ะไปคบกับสายลมเองแถมยังทิ้งสายลมที่ตั้งท้องไปอีก แล้วตอนนี้เขาก็เป็นพ่อของ… หึ้ย!” ไม่ว่ายังไงเรื่องของเรามันก็กลับเป็นไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว จากนี้ไปก็มีแต่จะฟาดฟันกันเรื่องลูกต่างหากล่ะ แถมตอนนั้นเขายังพูดเหมือนกับฉันเป็นคนทิ้งเขาไปแล้วยกเขาให้สายลมงั้นแหละ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนหาเรื่องเลิกกับฉันก่อนแท้ ๆ “ตอนเด็กก็งี่เง่า โตขึ้นมาก็งี่เงา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD