ปัจจุบัน…
เจ้าถิ่น…
ตึก ตึก ตึก
“ว้าว ว้าว ว้าว วันนี้แม่เจ้าคนสวยกับแม่ผึ้งคนสวยไม่ไปโรงเรียนเหรอฮะ สายแล้วน้า”
คนตัวเล็กที่เพิ่งจะตื่นนอนวิ่งออกมาจากห้องเมื่อได้ยินฉันกับแม่คนที่สองของเขาคุยกันในห้องนั่งเล่น
วันนี้ไม่ใช่วันหยุดแต่ฉันกับยัยเพื่อนซี้ไม่ไปเรียนเพราะฉันทำเรื่องจบไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนผึ้งก็ไม่มีเรียนเพราะเหลือแค่ส่งโปรเจคจบ เมื่อวานนี้เลยเป็นการเรียนวันสุดท้ายของเราสองคน ถึงแม้จะไม่ได้เรียนคณะเดียวกันตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก แต่ก็สัญญากันแล้วว่าจะเรียนให้จบและจะเป็นเพื่อนกันอยู่
“แม่ผึ้งก็เอาของขวัญวันเกิดมาให้พายัพไงครับ”
เพื่อนรักพูดกับลูกชายตัวน้อยที่ยืนยิ้มแฉ่งหัวฟูอยู่ตรงหน้า จากที่เมื่อก่อนไม่ชอบนักไม่ชอบหนาตอนนี้กลับเริ่มอยากแย่งลูกชายไปจากฉันและตามใจกันแบบสุด ๆ
“ว้าว กล่องเบ่อเริ่มเทิ่มเล้ย”
คนตัวเล็กร้องเสียงใสด้วยความดีใจเมื่อเห็นของขวัญกล่องใหญ่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา ดวงตากลมโตของคนที่เพิ่งจะได้ของขวัญเปล่งประกายวาววับขณะที่มือเล็ก ๆ ป้อม ๆ แกะของขวัญไปด้วย
“วันนี้เจ้าให้พี่เลี้ยงพายัพหยุดเหรอ ตั้งแต่มาผึ้งยังไม่เห็นเลยอะ”
คนที่มาถึงตั้งนานแล้วถามขึ้นราวกับเพิ่งสังเกตว่าในห้องที่นั่งอยู่ตอนนี้ไม่มีพี่เลี้ยงของลูกชายตัวน้อยอยู่ด้วย
“อ๋อใช่ เทอมนี้ทั้งเทอมน่าจะให้แวะมาแค่ไม่กี่วันน่ะ เพราะเจ้าไม่ต้องไปเรียนแล้วเลยคิดว่าจะอยู่กับพายัพให้มากขึ้น เพราะถ้าเริ่มทำงานคงมีเวลาเจอลูกน้อยลงน่ะ”
ฉันหันไปตอบคนข้าง ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้ปีนขึ้นไปบนโต๊ะหน้าโซฟาเพื่อทำภารกิจแกะกล่องของขวัญที่มีขนาดใหญ่จนเจ้าตัวสามารถลงไปนั่งได้สบาย ๆ
“ว่าแต่ผึ้งแกล้งพายัพปะเนี่ย ทำไมเอากล่องใหญ่ขนาดนั้นมาห่อของขวัญให้ลูกล่ะ ดูสิเหมือนมดกำลังยกก้อนน้ำตาลยักษ์เลย”
ฉันขมวดคิ้วใส่คนข้าง ๆ พร้อมกับพูดติดตลกจนเราสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน
วันนี้นอกจากผึ้งจะตั้งใจเอาของขวัญวันเกิดมาให้พายัพย้อนหลังแล้ว เราสองคนก็จะพาลูกชายตัวน้อยไปทำบุญที่วัดแล้วก็ไปไหว้แม่แท้ ๆ ของเขาด้วย ฉันดีใจนะที่ยิ่งเราสองคนโตขึ้นผึ้งเองก็ให้อภัยสายลมแล้วก็ไม่รังเกียจพายัพเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ส่วนฉันก็เริ่มปรับตัวและทำอะไรเพื่อตัวเองมากขึ้นทำที่พี่ชายเคยบอกเอาไว้
“จะว่าไปแล้วพายัพเนี่ยยิ่งโตก็ยิ่งน่ารักน่าชังเนอะ เสียดายแทนพ่อเขาเลยที่ไม่รู้ว่าลูกอยู่ตรงนี้”
แต่แล้วบางอย่างที่ผึ้งพูดออกมาก็ทำให้ฉันพลอยรู้สึกหน่วงใจไปด้วย หลายอย่างที่ผ่านมาแล้วแต่ยังฝังใจไม่เคยลืม หลายหลายที่ยังสงสัยแต่ก็ถามใครไม่ได้เพราะคนที่รู้คำตอบไม่ได้อยู่ตรงนี้
ยิ่งผึ้งพูดเรื่องนี้ฉันก็ยิ่งนึกถึงคำที่พี่ชายฉันพูดเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่มันอาจไม่ได้เป็นเหมือนที่พี่ชายฉันบอกก็ได้ เพราะตอนที่พีทกับสายลมคบกันสองคนนั้นก็เหมือนจะรักกันดี สองคนนั้นอาจจะมีอะไรกันจริง ๆ แล้วมีพายัพขึ้นมาก็ได้…
“อ้าวทำไมไอ้ก้อนกลม ๆ นั่นถึงยังไม่อาบน้ำล่ะสายแล้วนะ”
เสียงทุ้มของผู้ชายตัวสูงราวกับนายแบบเดินเข้ามา ขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังยีผมสีน้ำตาลประกายทองไปมาราวกับว่ายังนอนไม่เต็มอิ่มเพราะเพิ่งจะหาวนอนออกมา
“สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังไอ้ก้อน”
มือใหญ่วางกล่องสีเหลี่ยมขนาดพอดีมือลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ก้อนกลม ๆ ที่นั่งแกะของขวัญกล่องใหญ่ส่งยิ้มแฉ่งให้คนตัวใหญ่กว่าขณะรับของมาอุ้มไว้ด้วยแววตาเป็นประกาย
“ขอบคูมฮะลุงยักษ์”
“ทัพพาหลานไปอาบน้ำให้หน่อยสิ เดี๋ยวเจ้ากับผึ้งจะไปช่วยกันเตรียมมื้อเช้า พอกินเสร็จแล้วจะได้รีบไปกันเลย”
ฉันบอกพี่ชายฝาแฝดตัวเองก่อนจะเดินไปเก็บกล่องของขวัญให้เข้าที่เข้าทาง
“ไปเร็วก้อนไปอาบน้ำกัน”
คนตัวใหญ่เรียกคนตัวเล็กที่ทำท่าเหมือนอยากแกะของขวัญต่อ
“แต่ว่าพายัพยังไม่…”
“อย่าเรื่องมากเดี๋ยวจับโยนใส่ชักโครกนะ”
เสียงคนตัวใหญ่กว่าดุ ก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กที่ตัวเองเคยเกลียดนักเกลียดหนาเข้าไปด้านใน ฉันกับผึ้งได้แต่ส่ายหัวไปมาเมื่อเสียงคนสองคนที่เจอหน้ากันทีไรมักจะมีเรื่องต่อปากต่อคำกันทุกที
“ลุงยักษ์ใจร้าย”
“จับโยนใส่ชักโครกนะถ้ายังไม่หยุดพูดอะ”
“ขอให้ลุงยักษ์โดนแจ็คฆ่าตาย แจ็คผู้ฆ่ายักษ์อะลุงยักษ์กลัวอ้ะป่าว”
หลังจากที่พวกเราเตรียมตัวเสร็จลุงยักษ์ของคนตัวเล็กก็ขอตัวกลับเพราะวันนี้มีเรียนช่วงสาย พี่ชายฉันเราเรียนมหาลัยเดียวกันก็จริงแต่คนละคณะและคาดว่าไม่น่าจะจบพร้อมกันเพราะพี่ชายฉันเกเรพอสมควร ไหนจะช่วยงานพ่อคุมผับและรับงานถ่ายแบบอีก มีพี่หล่อมีพ่อรวยก็ต้องทำใจหน่อยนะ คิกคิก…
“ลุงยักษ์เข้าวัดแล้วร้อนเหรอฮะ พายัพไม่เคยเห็นลุงยักษ์ไปวัดด้วยกันเลย”
ลูกชายตัวน้อยของฉันถามคนตัวใหญ่ที่กำลังยัดเขาเข้าไปในรถ
“ไอ้ก้อนนี่พูดมากอะเจ้า เอาไปปล่อยวัดแล้วไม่ต้องพากลับมานะ”
คนถูกถามหันมาบอกฉันก่อนจะปิดประตูรถให้แล้วเดินจากไป คนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักแม่ผึ้งของเขาหัวเราะชอบใจที่แกล้งลุงยักษ์ให้หงุดหงิดได้ ก่อนจะชวนคุยเจื้อยแจ้วตลอดทางไปวัด
เราใช้เวลาไม่นานนักก็เดินทางมาถึงวัดที่สายลมกับคุณยายของพายัพอยู่ พายัพไม่ได้สงสัยอะไรเพราะฉันพามาที่นี่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นวันพระหรืองานวัด เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่พายัพชอบมากที่สุดเพราะได้ให้อาหารปลาและได้กินขนมที่หลวงตาเจ้าอาวาสให้บ่อย ๆ
“พายัพได้ขนมเยอะแยะเลยฮะ วันหลังเรามาอีกได้มั้ยฮะไม่ต้องมีตังก็ได้กินขนมแล้ว”
คนตัวเล็กยิ้มแฉ่งเดินเตาะแตะกอดถุงขนมใบโตไว้แนบอก ฉันกับผึ้งได้แต่ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดูในความช่างพูดและความคิดไร้เดียงสาของเขา
กึก!
แต่แล้วเท้าที่กำลังเดินต่อไปก็ต้องชะงักจนสายลมที่เดินจูงมือพายัพตามมาต้องมองตามฉัน ด้านหน้าที่มีอัฐิสีขาวสูงใหญ่ตั้งตระง่านคู่กัน อันหนึ่งนั้นเป็นของคุณยายพายัพหรือแม่ของสายลม ข้างกันนั้นเป็นของสายลม แต่ในเวลานี้กลับมี…
“พีทเหรอ?”
เสียงผึ้งที่เดินจูงมือพายัพมายืนข้างฉันเอ่ยชื่อคนร่างสูงใหญ่ ทว่าใบหน้ากลับคุ้นเคยไม่เปลี่ยนแม้จะไม่ได้เจอกันหลายปีแล้วก็ตาม คนถูกทักไม่ได้ตอบแต่หันมามองหน้าฉันก่อนจะหลุบตาลงมองคนตัวเล็กที่กำลังยืนแกะห่อขนมอยู่ข้างฉัน
“เอ่อ พายัพครับแม่ผึ้งว่าเราไปรอแม่เจ้าอยู่ที่ศาลาท่าน้ำดีกว่าเนอะ เดี๋ยวให้แม่เจ้าไปซื้อขนมปังมาให้พวกเราเอาให้พี่ปลานะครับ”
ผึ้งกระตุกแขนฉันเบา ๆ เพื่อเรียกสติก่อนจะรีบอุ้มพายัพออกไปราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งพายัพอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งฉันก็กลัวจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน
“พาลูกมาไหว้แม่เหรอ”
น้ำเสียงนิ่งเรียบของคนตรงหน้าที่กำลังเดินเข้ามาหาฉันถามขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาที่เมื่อก่อนมักมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่เสมอตอนนี้กลับเย็นชาไร้อารมณ์
“อื้ม”
เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรให้เขารู้ว่าพายัพเป็นลูกของสายลมแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว รอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้ากระตุกเล็กน้อยเมื่อได้คำตอบที่ต้องการ
“ลูกของสายลมสินะ”
“แล้วยังไงล่ะ? ไม่เกี่ยวกับนายนี่”
“เก่งจังเลยนะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ปิดเรื่องนี้เงียบกริบเลยถ้าฉันไม่กลับมาเมืองไทยคงไม่รู้เรื่องนี้”
คนตรงหน้ามองมาที่ฉันก่อนจะกระตุกยิ้มอีกครั้งแล้วก้าวเข้ามาใกล้
“ละแล้วยังไงล่ะ?”
ฉันพูดเสียงตะกุกตะกักเพราะใยใจเริ่มสั่นไหวกลัวว่าเขาจะมาเอาลูกคืน
“คิดว่าฉันกลับมาที่นี่ไมล่ะ?”
“ฉันไม่อยากรู้ ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
พูดจบฉันก็รีบหันหลังเดินออกมา แต่เหมือนจะก้าวเท้าได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักเพราะประโยคถัดมาของเขา
“ฉันต้องลูก”
“…”
ฉันหันกลับไปมองคนตรงหน้าด้วยท่าทางอึ้ง ๆ ในใจทั้งโกรธทั้งแค้นที่ได้ยินคำนี้ของเขา เมื่อก่อนผลักไสพายัพแทบตาย แล้วอยู่ ๆ มาบอกว่าต้องการลูกเนี่ยนะ!
“วันที่ลูกของนายกำลังออกมาลืมตาดูโลกแต่นายกลับไปนอนกกผู้หญิงคนอื่น นายพูดเองว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกนาย แต่วันนี้เดินมาบอกว่าต้องการลูกเนี่ยนะ เฮงซวย!!"
ฉันตวาดใส่คนตรงหน้าก่อนจะรีบเดินหนีออกมาด้วยความหงุดหงิด แค่คิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งต้องอุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือนโดยที่พ่อของลูกไม่เคยสนใจฉันก็รู้สึกแย่เต็มที แล้ววันนี้เขามาบอกว่าต้องการลูกเนี่ยนะ! ฝันไปเถอะ!